ฟันหลุด – ภาพจำหวาดหวั่นการถูกอุ้ม เสียงเล่าจาก ‘แอมป์’ ณวรรษ ผู้พยายามยิ้มไว้ในวันที่ส้มไม่หวาน

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2568 ทนายความเข้าเยี่ยม “แอมป์” ณวรรษ เลี้ยงวัฒนา อดีตนักศึกษานิเทศศาสตร์ผู้ถูกคุมขังในคดีมาตรา 112 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แม้จะถูกคุมขังระหว่างฎีกาตั้งแต่ 9 ธ.ค. 2567 หลังศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก 1 ปี 7 เดือน แต่รอยยิ้มของเขายังคงเปล่งประกายให้เห็น  แอมป์ยังคงแสดงความห่วงใยถึงเพื่อนที่ถูกย้ายไปเรือนจำบางขวาง ทั้งที่ชีวิตภายในกำแพงเรือนจำของตนเองก็เต็มไปด้วยความท้าทายรายวัน 

แววตาของแอมป์ยังฉายแววมุ่งมั่นเมื่อได้พูดคุยถึงซีรีส์ When Life Gives You Tangerines (2025) ‘ยิ้มไว้ในวันที่ส้มไม่หวาน’ ซีรีส์เกาเหลีแนว Coming of Age ที่เรือนจำอนุญาตให้ดู และสอบถามข่าวสารการเมืองภายนอก ราวกับว่าความอยากรู้และการเรียนรู้ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในชีวิตของเขา แม้จะอยู่ในพื้นที่จำกัด

ในห่วงของความร้อนระอุของชีวิตในเรือนจำ บทสนทนากับทนายความเผยให้เห็นถึงชีวิตที่ถูกจองจำแต่ความรู้สึกลึก ๆ ยังโหยหาการเรียนรู้ ควบคู่ไปกับความทรงจำอันเจ็บปวดของการถูก ‘อุ้ม’ ในวันที่เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง ช่วงที่ไม่มีใครสามารถติดต่อเขาได้เป็นเวลาหลายชั่วโมง ยิ่งกับความกลัวที่จะถูกทำให้หายโดยไร้ร่องรอย ความกลัวที่จะถูกลืม

สำหรับแอมป์คือหนึ่งในผู้ต้องขังทางการเมืองอีกหลายสิบคนที่ยังถูกคุมขังอยู่ภายในกำแพงเรือนจำ พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขในสถิติหรือชื่อในรายงาน แต่เป็นบุคคลที่ยังมีความฝัน ความหวัง และรอวันกลับมามีชีวิตที่มีอิสรภาพ

_________________________

แอมป์นั่งรอด้วยรอยยิ้มกว้างเมื่อทนายเดินเข้าไปในห้องเยี่ยม ก่อนตอบคำถามของทนายที่ถามข่าวเพื่อน ๆ ที่ย้ายไปบางขวางว่า “ได้ยินว่าจะมีการพยายามนำก้องและผู้ต้องขังคนอื่นกลับมา แต่ตอนนี้ก็เงียบไป ไม่มีข่าวอะไรเพิ่มเติม”

ส่วนเรื่องสุขภาพตนเองนั้น “ความดันดีขึ้นแล้วล่ะ” แอมป์บอก “หมอปรับยาไปเป็นสูตรใหม่ มันคุมอาการได้ดีกว่าเดิม” 

ในขณะที่โลกภายนอกกำลังหมุนไปตามวงโคจร ผู้คนเดินทางไปทำงาน กลับบ้าน พบปะสังสรรค์ แอมป์และผู้ต้องขังคนอื่น ๆ กลับต้องเผชิญกับความท้าทายพื้นฐานที่สุดของมนุษย์ การมีชีวิตรอดในอุณหภูมิที่สูงขึ้นทุกวัน “ปีนี้ยังไม่ร้อนมากเท่าปีที่แล้ว แต่คนที่อยู่ในแดนก็เริ่มมีผดร้อนขึ้นตามร่างกายแล้ว” แอมป์เล่าถึงผลกระทบจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว เมื่อฤดูร้อนของเมืองไทยกลายเป็นเตาอบสำหรับผู้ที่ถูกกักขังในพื้นที่จำกัด ไร้เครื่องปรับอากาศ ไร้พัดลมส่วนตัว

แม้แต่การอาบน้ำ สิ่งที่คนทั่วไปทำได้ตามใจปรารถนา กลับกลายเป็นกิจกรรมที่ถูกควบคุมด้วยตารางเวลา “ที่เรือนจำจะให้อาบน้ำ 2 เวลา คือตอนเช้าและตอนเย็น ที่แดน 4 ไม่ได้เคร่งครัดอะไรมาก พอจะปรับตัวอยู่กันได้”

ในห้วงความเงียบชั่วขณะระหว่างสนทนา แอมป์เล่าเรื่องตลกร้ายของชีวิต “มีฟันกรามเล็กที่เป็นรากฟันเทียม แล้วฟันมันโยกมาสักพัก ล่าสุดแปรงฟันไปมา ฟันก็หลุดออกมาเลย ตอนนี้เลยกลายเป็นคนฟันหลอไป ซี่หนึ่ง” การสูญเสียฟันซี่หนึ่งอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคนทั่วไป แต่ในโลกของผู้ถูกคุมขัง มันคือสัญลักษณ์ของการสูญเสียมากกว่านั้น การสูญเสียโอกาสในการรักษาพยาบาลที่ดี การสูญเสียสิทธิในการดูแลตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น 

ก่อนบทสนทนาจะเข้าเรื่องพักโทษ ที่แอมป์ถามด้วยแววตาที่เปล่งประกายความหวัง  “ตอนนี้ใบเด็ดขาดของแอมป์ยังไม่มา ให้ใบเด็ดขาดมาก่อน เดี๋ยวค่อยคุยกัน” ทนายแจ้งข้อมูล ในระบบยุติธรรมที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การรอคอยกลายเป็นส่วนหนึ่งของโทษทัณฑ์ที่ไม่ได้ถูกระบุในคำพิพากษา แอมป์และผู้ต้องขังทางการเมืองอื่น ๆ ต้องเผชิญกับความไม่ชัดเจนของอนาคต ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้รับการพิจารณาพักโทษ ไม่รู้ว่าวันไหนจะได้ก้าวออกจากกำแพงสูงนี้

ทนายอัพเดทเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการขังนอกเรือนจำให้แอมป์ฟังคร่าว ๆ ตามความเข้าใจ “หลัก ๆ ต้องเป็นคดีที่ศาลมีคำพิพากษามาไม่เกิน 4 ปี และเด็ดขาดแล้ว หรือเหลือโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี”  ถึงตรงนี้ใบหน้าของเแอมป์ฉายแววตื่นเต้น แม้จะพยายามซ่อนความหวังไว้ ไม่อยากผิดหวังมากไปกว่าที่เคย

เมื่อพูดถึงซีรีส์ที่เรือนจำอนุญาตให้ดู แววตาของแอมป์สว่างขึ้นทันที When Life Gives You Tangerines (2025) (ชื่อภาษาไทย ยิ้มไว้ในวันที่ส้มไม่หวาน) แอมป์พูดด้วยรอยยิ้มหลังจากดูถึงตอนที่ 8 แล้ว “เป็นซีรีส์แนว Coming of Age แอมป์ชอบดูหนังแนวนี้ การเติบโตของตัวละครผ่านเหตุการณ์หรือสถานการณ์” 

จากการพูดคุยจึงเห็นว่าแอมป์ยังคงเรียนรู้ ยังคงคิด วิเคราะห์ และเชื่อมโยงชีวิตของตัวละครกับชีวิตจริง แม้ร่างกายจะถูกกักขังในรั้วกำแพง

“สถานการณ์ทางการเมืองที่ข้างนอกเป็นยังไงบ้าง ?”  แอมป์ถามด้วยความกระหายข่าวสาร ทนายพูดคุยถึงเรื่องการขึ้นภาษีของ โดนัลด์ ทรัมป์ และมาตรการรับมือของรัฐบาล 

ก่อนจบการเยี่ยม ทนายแจ้งเรื่องคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ร้ายแรง ตั้งแต่ตุลาคม 2563 ที่เพิ่งมาฟ้องในปี 2568 และจะมีการนัดตรวจพยานในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้  แอมป์เล่าย้อนไปถึงเหตุการณ์วันนั้น “หลังจากที่จบม็อบ วันนั้นแอมป์เดินทางกับรุ่นน้องที่เป็นนักกิจกรรมด้วยกัน ไป 2 คน พอจะขึ้นแท็กซี่ ก็ถูกตำรวจเข้ามาควบคุมตัว” น้ำเสียงของแอมป์เรียบเฉย ราวกับเล่าเรื่องในภาพยนตร์ ไม่ใช่ประสบการณ์โหดร้ายที่เผชิญ

“เขาจับแยกแอมป์กับน้อง น้องถูกพาไปที่น่าจะเป็น สน. ปทุมวัน แล้วแอมป์ถูกพาไปที่ ตชด. คนเดียว” แอมป์เล่าต่อ “เคสของแอมป์น่าจะเป็นเคสแรก ๆ ที่เสี่ยงถูกอุ้มหายได้เลย เพราะพอถูกจับตัวตั้งแต่บ่าย 4 โมง จนถึง 2 ทุ่ม ไม่มีใครติดต่อได้ เจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้พบใคร ไม่ยอมให้ใช้มือถือติดต่อหาญาติหรือทนาย”  

เสียงของแอมป์สั่นเล็กน้อยเมื่อเล่าถึงความกลัวในวันนั้น เป็นความกลัวที่จะหายไปโดยไร้ร่องรอย ความกลัวที่จะถูกลืม

.

จนถึงปัจจุบัน (30 เม.ย. 2568) แอมป์ ณวรรษ ถูกคุมขังระหว่างฎีกามาแล้ว 143 วัน จากบทบาทเคลื่อนไหวในช่วงปี 2563-2565 ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการเคลื่อนไหวทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ แอมป์ถูกดำเนินคดีรวมทั้งสิ้น 20 คดี โดยปัจจุบันคดีที่สิ้นสุดลงแล้วมี 7 คดี ส่วนที่เหลือเขายังคงต้องต่อสู้คดีต่อไป

X