หยาดน้ำตา ภาวะแพนิค ความคิดวนซ้ำ: วิกฤตอารมณ์ที่ทำให้ “แม็กกี้” ต้องเข้ารักษาที่ รพ.ราชทัณฑ์

เมื่อวันที่ 22-23 เม.ย. 2568 ทนายความเข้าเยี่ยม “แม็กกี้” ผู้ต้องขังผู้มีความหลากหลายทางเพศวัย 28 ปี เธอถูกคุมขังด้วยคดีมาตรา 112 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 หลังจากศาลอาญากรุงเทพใต้ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 25 ปี จากเหตุที่ถูกกล่าวหาว่าทวีต 18 ข้อความเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์  ปัจจุบันแม็กกี้ถูกคุมขังที่เรือนจำกลางคลองเปรม 

การเข้าพบแม็กกี้ครั้งนี้ทนายกลับเผชิญเรื่องที่ไม่คาดคิด เนื่องจากได้รับข้อมูลว่าแม็กกี้ถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา จึงรีบเดินทางไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์เพื่อเข้าเยี่ยมทันที 

ในสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไปในทางทรุดโทรมและจิตใจเหม่อลอย แม็กกี้บอกเล่าประสบการณ์ที่ถูกย้ายมาโรงพยาบาลราชทัณฑ์หลังจากมีอาการที่ทำให้ร้องไห้หลั่งน้ำตา ประสบภาวะแพนิค และมีความคิดวน ๆ ซ้ำ ๆ กับโทษทัณฑ์ที่ได้รับ อันเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมที่กดดันในแดน 1 เรื่องราวสะท้อนให้เห็นความทุกข์ทรมานทางจิตใจที่เธอต้องเผชิญ ความรู้สึกอึดอัด ความต้องการหลุดพ้นจากสภาพแวดล้อมที่วุ่นวาย และความกังวลเกี่ยวกับอนาคตที่ไม่แน่นอน

แต่เท่าที่สังเกตการได้เปลี่ยนสถานที่อยู่ ก็แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ โดยเฉพาะความรู้สึกปลอดภัย ‘เซฟโซน’ ที่เธอได้รับจากบุคลากรทางการแพทย์ และพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้แม็กกี้ได้หายใจเต็มที่  ทำให้ค่อย ๆ คลายความกังวลลง 

จากห้องเยี่ยมที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ จึงได้เห็นชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายบาง ๆ ระหว่างความทุกข์กับสุข ระหว่างความหวังกับความสิ้นหวัง จากภาวะถดถอยทางอารมณ์ได้รับการดูแลในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เธอก็เริ่มฟื้นความมีชีวิตชีวาอีกครั้ง แม้จะยังไม่รู้ว่าความสุขสมดุลชั่วคราวนี้จะคงอยู่ได้นานเพียงใด

_______________________________________________

วันที่ 22 เม.ย. 2568

ขณะกำลังยื่นเอกสารเพื่อจะเตรียมเข้าเยี่ยม มีเสียงจากเจ้าหน้าในเรือนจำแจ้งว่าแม็กกี้ไม่ได้อยู่ที่เรือนจำกลางคลองเปรมแล้ว เธอถูกนำตัวไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ตั้งแต่เมื่อวาน ท่ามกลางความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม็กกี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้แจ้งข้อมูลอะไร กระทั่งไปถึงโรงพยาบาล 

เมื่อพบกัน ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้ใจหล่นวูบ แม็กกี้นั่งอยู่ด้วยใบหน้าซีดเซียว รอยคล้ำใต้ตาสีดำชัดเจน ไร้เครื่องสำอางที่เธอมักใช้ประทินใบหน้าเสมอ แววตาของเธอแห้งผาก เหม่อลอย เมื่อเห็นทนายความ เธอยิ้มบาง พร้อมกับค่อย ๆ เล่า “หนูกลัวมากว่าจะไม่มีใครรู้ว่าหนูมาอยู่ที่นี่ หนูคิดอยู่ตลอดว่า จะทำยังไงให้แม่รู้ว่าอยู่ที่นี่แล้ว”

เธอพรั่งพรูเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความทุกข์ใจที่สะสมมาตลอดการถูกคุมขังในแดน 1 แม้เป็นแดนของผู้ต้องขัง LGBTQ+ จนวันหนึ่งเหมือนหยดน้ำสุดท้ายที่ทำให้แก้วล้น “อยู่ ๆ มันมีอารมณ์หงุดหงิด ไม่มีความสุข แล้วอารมณ์ก็ดิ่ง หนูร้องไห้ฟุบลงบนโต๊ะ กรีดร้อง และเขวี้ยงกล่องนมใส่ตรงห้องขัง” เพื่อนผู้ต้องขังพาเธอไปพบอาสาสมัครสาธารณสุขในเรือนจำ (อสรจ.) และลงชื่อขอพบจิตแพทย์ จากนั้นแม็กกี้ได้พบกับจิตแพทย์สองครั้งในวันเดียวกัน ก่อนที่จะถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ในเวลาบ่ายสองโมง

“พอมาถึงก็ซักประวัติ สอบถามอาการ พอได้คุยกับหมอ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เขาพูดลักษณะว่าต้องอยู่ให้ได้ มีคนข้างนอกที่รออยู่” เธอเล่าถึงการพบแพทย์ด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้นเล็กน้อย

แม็กกี้ถูกเจาะเลือด เอกซเรย์ และพาขึ้นไปที่ห้องผู้ป่วยชั้น 4 ซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่มีผู้ป่วยอยู่ประมาณ 8-9 เตียง “บรรยากาศมันเปลี่ยน หนูรู้สึกดีขึ้น คือห้องโล่งกว้าง เตียงห่างกัน พอเข้าไปอยู่แล้วหนูรู้สึกสบายใจขึ้น”

ที่โรงพยาบาลแม็กกี้ต้องนอนโดยถูกล็อคขาข้างหนึ่งไว้กับเตียง เพื่อป้องกันการทำร้ายตัวเอง เวลาต้องการเข้าห้องน้ำก็เรียกผู้ช่วยงานมาไขกุญแจให้ นักจิตวิทยาและแพทย์เข้ามาพูดคุยกับเธอ และให้ยาระงับประสาท “เป็นยาเหมือนสำหรับคนที่เป็นโรคประสาทเริ่มต้นแบบอ่อน ๆ”  แพทย์บอกว่าจะเข้ามาประเมินอาการทุกวัน

“เวลากินยาจะให้กินตอน 2 ทุ่ม เป็นยาเม็ดกลมเล็กสีน้ำตาล 1 เม็ด กับเม็ดเล็กสีขาวอีกครึ่งเม็ด เวลากินจะมีอาการปวดหัวนิด ๆ แล้วจะรู้สึกง่วง จากนั้นยาจะทำให้เคลิ้ม และหลับไป” แม็กกี้บอกไว้อีกตอน

เมื่อทนายถามถึงสาเหตุที่ทำให้เธอรู้สึกทุกข์ใจจนต้องมาโรงพยาบาล แม็กกี้กล่าวด้วยแววตาเศร้า “หนูไม่เคยเต็มใจที่จะมาแดน 1 เลย กระเทยเยอะ มีความวุ่นวาย จู้จี้จุกจิก ทะเลาะกันบ่อย เวลาดูทีวีก็จะเสียงดัง เวลานอนก็วุ่นวาย หนูเคยอยู่แดน 6 แดน 3 ซึ่งเป็นแดนของผู้ชาย อยู่ใครอยู่มัน มันไม่วุ่นวาย ตอนหนูอยู่แดน 6 หรือแดน 3 หนูไม่มีอาการแบบนี้เลย”

ระหว่างการสนทนา คอยปลอบแม็กกี้ไม่อยากพยายามคิดทำร้ายตัวเอง เธอหัวเราะเบา ๆ แต่ในเสียงหัวเราะนั้นกลับแฝงด้วยความขมขื่น

ก่อนสอบถามเรื่องยาฮอร์โมนที่ต้องใช้เป็นประจำ แม็กกี้บอกว่ายาหมดไปเกือบสองสัปดาห์แล้ว ยังไม่ได้รับการตรวจเลือดเพื่อรับยาต่อ เนื่องจากติดช่วงสงกรานต์ และมีการเลื่อนนัด เธอได้แจ้งกับแพทย์ที่โรงพยาบาลแล้ว ซึ่งแพทย์เองก็สงสัยว่าอาการของเธออาจเกี่ยวข้องกับการขาดฮอร์โมน  

ก่อนจากกัน ได้ถามเธอเรื่องของใช้ส่วนตัว แม็กกี้บอกว่าไม่ได้เอาอะไรมาเลย เพราะเหตุการณ์ย้ายมาที่โรงพยาบาลเกิดขึ้นอย่างฉุกละหุก เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้บอกให้เตรียมตัวแต่อย่างใด

.

วันที่ 23 เม.ย. 2568

เมื่อไปถึงในห้องเยี่ยม พบแม็กกี้ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ต้องเรียกหลายครั้งกว่าจะรู้สึกตัว เธอเงยหน้าขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มเหงา ๆ น้ำเสียงเบาลงจากเมื่อวาน  “วันนี้รู้สึกปวดหัวหน่อย ๆ แต่คิดว่าน่าจะเป็นอาการเวียนหัวมากกว่า แต่อยู่ในนี้รู้สึกสบายใจขึ้น ความฟุ้งซ่านลดลง”  

เธอเล่าถึงการนอนหลับที่ยังไม่ดีนัก “กินยาไปตั้งแต่ 2 ทุ่มแต่มันหลับได้จริง ๆ น่าจะช่วงเที่ยงคืน มีอาการกระสับกระส่าย”  หนำซ้ำตอนที่นอนไม่หลับ บางครั้งแม็กกี้ก็คิดวนเวียนเรื่องเดิม ๆ แต่บางครั้งก็เพียงแค่มองเพดาน ปล่อยความคิดล่องลอยไป

“พอมาอยู่ตรงนี้หนูรู้สึกได้เลยว่าสบายใจ โอเคขึ้น มันไม่เหมือนตอนที่อยู่ในแดน 1 หนูแค่ย้ายมาอยู่ที่นี่ได้แค่ 2 วัน แต่รู้สึกเลยว่าผ่อนคลาย สบายใจ” เธอย้ำ

อย่างไรก็ตาม ความกังวลยังคงวนเวียนอยู่ในใจ “เรื่องที่เครียดตอนที่ปล่อยใจล่องลอยไป มันจะเครียดเรื่องว่าจะได้อยู่ที่นี่กี่วัน จะต้องกลับไปเจอสภาพแวดล้อมแบบเดิมหรือ พอคิดไปแบบนั้น มันยิ่งทำให้หนูรู้สึกแย่” ก่อนเล่าถึงความรู้สึกที่ดีขึ้นเมื่อได้อยู่ที่โรงพยาบาล “ตอนนี้หนูก็ยังไม่ดีขึ้น 100% มันยังแย่อยู่ เพียงแต่มันผ่อนคลายขึ้น เพราะได้เปลี่ยนสภาพแวดล้อม” 

แม็กกี้ยังพูดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่เธอลงจากเตียงไปยืนมองวิวที่หน้าต่าง “พอมองดูวิวแล้วมันรู้สึกดี รู้สึกผ่อนคลาย” จนพยาบาลต้องมาถามว่าเธอทำอะไร อธิบายเพิ่มว่า “คนที่นี่ค่อนข้างใจดีกับหนู เขาก็ให้กำลังใจบอกว่าอย่าคิดทำร้ายตัวเอง”

เมื่อกลับไปถามถึงบรรยากาศที่แดน 1 แม็กกี้ถอนหายใจยาว สายตามองเหม่อ เธอเล่าว่าไม่ใช่แค่ตัวเองเท่านั้นที่เบื่อหน่าย  “เวลาอยู่บนห้องก็จะมีปากเสียงบ้าง ต้องเข้าใจว่ากระเทยมันปัญหาเยอะ ไม่ใช่ปัญหาเรื่องใหญ่โตที่มีการมาทำร้ายร่างกาย แต่เป็นปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นทุกวัน แล้วทำให้หนูเบื่อ มันสะสมมาเรื่อย ๆ จนเป็นปัญหาใหญ่”

เธอยังกังวลเรื่องโทษที่ยาวนาน “ยิ่งรู้สึกว่าจะต้องอยู่ยาว เพราะโทษหนูมันยาว ยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัด นี่ฉันต้องอยู่ที่นี่ยาวเลยเหรอ เป็นความทุกข์ทรมาน ที่ต้องอยู่ในที่แห่งนั้น”

ก่อนย้อนเล่าถึงความรู้สึกเมื่อแรกมาถึงโรงพยาบาล “วันที่มาโรงพยาบาล หนูร้องไห้ตลอดเวลา หนูทุกข์ใจ หนูแพนิค มันเป็นความรู้สึกที่ทรมานมาก แล้วทันทีที่หมอมาแจ้งว่าให้หนูนอนที่นี่ หนูแทบอยากจะกรี๊ดออกมา เพราะตอนนั้น คือเอาหนูไปนอนที่ไหนก็ได้ ให้หนูไปขังเดี่ยวที่ไหนก็ได้ แต่ยกเว้นให้กลับเข้าไปในแดน 1”

เธอรู้สึกประทับใจกับการปฏิบัติของบุคลากรที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ “เจ้าหน้าที่ หมอ ผู้ช่วยงาน มีอัธยาศัยดี ปฏิบัติตัวกับผู้ป่วยดี มีชวนคุยเล่น ทั้งที่ก็คือผู้ป่วยเหมือนหนู เขาคุยดี ช่วยคุย มีถามว่าเป็นยังไงบ้าง รู้สึกยังไง อย่าทำร้ายตัวเอง มีพูดให้กำลังใจ มันทำให้เราสบายใจ มันเป็นเซฟโซน”

แต่ในใจลึก ๆ เธอยังกังวล “ส่วนตัวลึก ๆ รู้สึกกลัวตัวเองจะกลายเป็นจิตเวชไปเลย หนูรู้ว่าตัวเองรู้สึกโกรธ รู้สึกเครียด แต่หนูควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้”

บทสนทนาท้าย ๆ ทนายถามว่าการที่มีเจ้าหน้าที่คอยมองผ่านกล้องอยู่ตลอดเวลา เธอรู้สึกอึดอัดหรือไม่ แม็กกี้ตอบทันที “หนูไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร เหมือนกับเขาอยากให้เราอยู่ในจุดที่กำหนดไว้ เพราะจะได้ดูแลเรื่องความปลอดภัย หนูเข้าใจ”

ก่อนจากกัน แม็กกี้ย้ำหนักแน่นอีกครั้งถึงเรื่องราวที่เธอได้ย้ายมาโรงพยาบาล “2 วันมานี้ หนูรู้สึกมีความสุขขึ้น มันเป็นความสุขที่หนูไม่คิดว่าจะรู้สึก หนูพูดกับตัวเองแล้วว่า เออ ฉันมีความสุข ฉันโอเค แม้ไม่รู้ว่าจะได้กลับตอนไหน”

จนถึงปัจจุบัน (26 เม.ย. 2568) แม็กกี้ถูกคุมขังมาแล้วรวม 553 วัน หรือราว 1 ปี 6 เดือน 8 วัน โดยคดีของแม็กกี้สิ้นสุดลงแล้ว 

.

อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

“แม็กกี้” ในเงากระจกห้องเยี่ยม: “ถึงจะไม่ค่อยมีความหวัง แต่ก็ยังมีคนที่นึกถึงเราอยู่”

“แม็กกี้”: ความงาม เครื่องสำอาง และความไม่แน่นอนในเรือนจำ

X