ในโอกาสเดือนแห่งความรัก ทนายความได้พูดคุยเรื่องราวของ พรชัย วิมลศุภวงศ์ ผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 ในเรือนจำกลางเชียงใหม่ ซึ่งถูกจองจำมา 11 เดือนแล้ว แม้พรชัยไม่ค่อยได้เล่าเรื่องส่วนตัวเท่าใดนัก เนื่องจากไม่อยากให้มีผลกระทบจากการถูกคุมขังของเขา แต่เขาเริ่มเล่าถึงแฟนที่เป็นผู้ดูแลไร่ดอกเรืองอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี
ในช่วงก่อนถูกคุมขัง ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2566 พรชัยได้ไปลงทุนทดลองปลูกดอกดาวเรือง และกิจการกำลังไปได้ค่อนข้างดี มีตลาดที่รับซื้อ เขาเคยหวังอยากกลับไปสานต่องานดังกล่าว แต่ตอนนี้ต้องให้แฟนดูแลเป็นหลัก
“ผมคิดถึงแฟนทุกวัน อยากออกไปให้ไวที่สุด เพราะเป็นห่วงแฟนที่ต้องรับภาระทุกอย่างแทนผม เวลามีปัญหาหรือเกิดเรื่องวุ่นวายในนี้ ผมนึกถึงแฟนก็ใจเย็นลงได้ เขาเป็นแสงสว่างให้กับผม” พรชัยเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
พรชัยเคยฝันถึงชีวิตครอบครัวที่มั่นคง ธุรกิจที่กำลังเติบโต และอนาคตที่เขากับคนรักจะสร้างร่วมกัน แต่ทุกอย่างพังทลายเมื่อเขาถูกตัดสินจำคุกและพรากเสรีภาพไป ทว่าความรักของเขาไม่เคยจางหาย
“ผมชอบและประทับใจในตัวแฟน เพราะเขาเป็นผู้หญิงที่พึ่งพาตัวเองได้ มีความเชื่อมั่นใจตัวเองสูง เวลาที่มีปัญหาเขาไม่เคยยอมแพ้และฝ่ามันไปได้ เขาให้คำปรึกษาคนอื่น เป็นแสงนำทางให้ผู้อื่นรวมถึงผมด้วย เขาเป็นผู้หญิงคนแรกที่ผมอยากลงหลักปักฐานด้วย” เขากล่าว
พรชัยรู้สึกเสียดายที่พบกับแฟน ช้าเกินไป แฟนเปรียบเสมือนผู้ที่คอยตักเตือนให้เขาอยู่ในร่องในรอย ทำอะไรอย่างมีสติ และคอยสนับสนุนในทางที่ถูกต้องอยู่เสมอ แม้กระทั่งเมื่อเขาพบกับเหตุการณ์ที่เลวร้ายในเรือนจำ เขายังมีกำลังใจจากแฟนเป็นเครื่องเตือนใจให้รอคอยวันที่จะออกไป
“แรงบันดาลใจและกำลังใจที่ทำให้ผมสามารถต่อสู้กับสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายนี้ได้ คือแฟนของผม แม้หลายครั้งที่ปัญหาและอุปสรรคที่ผมเผชิญมันหนักหนาสาหัสเกินกว่าจะรับไหว แต่ผมก็ยังคงมีความหวังและมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข เพราะความรักที่แฟนมีให้ ไม่ว่าปัญหาหลังประตูเหล็กนี้จะหนักหนาเพียงใด แสงสว่างจากความรักของเธอ ก็ยังคงส่องนำทางผมเสมอ”
พรชัยเล่าต่อไปว่าเขาไม่ควรถูกจองจำ เพียงเพราะแสดงออกทางการเมือง สิ่งนี้กระทบต่อชีวิตความสัมพันธ์ของเขาอย่างมาก ทำให้ต้องห่างไกลจากแฟน เมื่อต่างคนต้องเผชิญความลำบากของตนเอง กลายเป็นว่าคู่ชีวิตไม่ได้อยู่เคียงข้างกันในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เพราะอยู่ด้านในเรือนจำก็ไม่สามารถสื่อสารกันได้อย่างปกติ
เวลาส่วนใหญ่ด้านในเรือนจำ พรชัยมักจะใช้กับการอ่านหนังสือ แต่ทุกคืนก่อนนอน พรชัยก็มักจะอธิษฐานให้ครอบครัวทุกคืน และมีความหวังอยู่เสมอที่จะได้ออกไปช่วยทำงานจุนเจือครอบครัวอีกครั้ง
“ผมได้รับจดหมายจากแฟนเดือนละ 1 ฉบับ แค่เห็นซองจดหมายก็น้ำตาไหลแล้ว เพราะทุกฉบับเธอจะเขียนว่า ‘ไม่ว่านานเท่าไหร่ ฉันจะรอคุณออกมา’” สิ่งที่ถูกขีดเขียนมาในจดหมายจากคนสำคัญนั้นมีความหมายอย่างยิ่งในช่วงเวลาเช่นนี้ของพรชัย
“ผมคิดถึงพวกเขาเสมอ นึกถึงช่วงเวลาที่ทำให้พวกเขามีความสุข ไม่ว่านานแค่ไหน ผมก็จะรักและดูแลพวกเขาเสมอ” พรชัยบอก
.
เสียงสะท้อนระบบการฝึกอาชีพจากเรือนจำ
นอกจากเรื่องราวความรัก พรชัยยังพูดถึงปัญหาในเรือนจำที่เขาเผชิญ โดยเฉพาะระบบโครงการฝึกอาชีพในเรือนจำ เขาถูกขอให้ทำงานโรงงานสานก๋วยหรือปักผ้า แต่ปฏิเสธเพราะเห็นว่าเป็นเพียงการใช้แรงงานโดยไม่ได้ฝึกทักษะที่สามารถนำไปประกอบอาชีพหลังพ้นโทษได้จริง โดยเขาต้องการจะฝึกอาชีพที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงตามความถนัดของเขามากกว่า
เขาเสนอว่า ควรปรับปรุงระบบฝึกอาชีพให้มีคุณภาพและช่วยให้นักโทษมีทางเลือกในการประกอบอาชีพจริง “ถ้าผมได้เรียนรู้ทักษะที่ใช้ได้จริง ผมคงมีโอกาสกลับไปใช้ชีวิตใหม่ได้ดีกว่านี้”
เขาพูดถึงการศึกษาอบรมในเรือนจำ ซึ่งควรจะสนับสนุนให้ผู้ต้องขังได้เรียน มีความรู้ เพื่อนำความรู้ไปใช้หลังออกจากเรือนจำ แต่กลับกลายเป็นว่าโครงการอบรม 3-4 โครงการที่เขาเข้าร่วมไม่ตอบโจทก์การศึกษาที่เพียงพอจะนำไปใช้ได้
พรชัยหวังว่าวันหนึ่งจะได้รับอิสรภาพ และสังคมไทยจะมีพื้นที่ปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง “ถ้ากระบวนการยุติธรรมมีจริง ผมอยากเห็นประชาชนได้ใช้สิทธิทางการเมืองโดยไม่ต้องหวาดกลัว”
.
สามารถเขียนจดหมายถึงพรชัย 📍 จ่าหน้าซอง: “ฝากถึง พรชัย วิมลศุภวงศ์ แดน 5 เรือนจำกลางเชียงใหม่ 122 หมู่ 6 ตำบลสันมหาพน อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ 50150” หรือเขียนจดหมายออนไลน์ผ่านโครงการ Free Ratsadon โดยแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล |
.
ย้อนอ่านเรื่องราวชีวิตของพรชัย การต่อสู้ของ “พรชัย”: จากคนบนดอย คนจร พ่อค้า ผู้ชุมนุม และผู้ถูกดำเนินคดี ม.112
.