ศาลอุทธรณ์เพิ่มโทษ “ไพฑูรย์” เป็นจำคุก 12 ปี คดีครอบครองระเบิด ก่อนลดเหลือ 8 ปี แต่ยกฟ้อง “สุขสันต์” ตามศาลชั้นต้น

21 ม.ค. 2568 เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดนนทบุรีนัดฟังพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีของ “ทูน” ไพฑูรย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี และ “ดั๊ก” สุขสันต์ (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี กรณีถูกฟ้องว่าร่วมกันทำและมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง จากการถูกจับกุมและตรวจค้นบ้าน เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2564 ตามหมายจับและหมายค้นกรณีถูกกล่าวหาว่า ใช้วัตถุระเบิดโยนใส่เจ้าหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บ ในการชุมนุม #ม็อบทะลุแก๊ส ที่หน้าบริเวณดุริยางค์ทหารบก เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2564 ซึ่งถูกแยกฟ้องเป็นอีกคดีอยู่ที่ศาลอาญา คดีดังกล่าวศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจำคุกไพฑูรย์ 33 ปี 12 เดือน ส่วนสุขสันต์ต้องโทษจำคุก 22 ปี 2 เดือน 20 วัน 

คดีนี้ เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2566 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกไพฑูรย์ 6 ปี โดยลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เพราะรับสารภาพ คงเหลือจำคุก 3 ปี พร้อมกับให้นับโทษต่อจากคดีของศาลอาญาที่ถูกพิพากษาจำคุก 33 ปี 12 เดือน ส่วนสุขสันต์ ศาลพิพากษายกฟ้อง 

ต่อมา โจทก์ยื่นอุทธรณ์ ศาลจึงนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันนี้

ปัจจุบันทั้งสองถูกขังอยู่ที่เรือนจำกลางคลองเปรมมาเป็นเวลากว่า 1 ปี 4 เดือนแล้ว

.

คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แก้โทษจำคุก “ไพฑูรย์” เพิ่มเป็น 12 ปี แต่ให้ลด 1 ใน 3 เหลือจำคุก 8 ปี ยืนยกฟ้องสุขสันต์เช่นเดิม  

ณ ห้องพิจารณาคดีที่ 9 ชั้น 2 เวลาประมาณ 11.30 น. ศาลได้เบิกตัวจำเลยทั้งสองเพื่อฟังคำพิพากษาในวันนี้ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ถ่ายทอดสัญญาณมาจากเรือนจำกลางคลองเปรม โดยไม่ได้พาตัวมาที่ศาลด้วย จากนั้นเวลาประมาณ 11.50 น. ผู้พิพากษาจึงเริ่มอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ซึ่งมีเนื้อหาสำคัญโดยสรุป ดังนี้

ประการแรก โจทก์ยื่นอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 2 (สุขสันต์) มีความผิดและสมควรได้รับโทษ ศาลจึงต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดตามฟ้องของโจทก์หรือไม่

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ในการสืบพยานโจทก์ไม่ได้นำพยานหลักฐานขึ้นสืบว่า ของกลางที่ริบได้ที่บ้านพักของจำเลยที่ 1 นั้นมีความเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 อย่างไร หรือจำเลยที่ 2 รู้เห็น มีส่วนร่วม หรือร่วมกระทำความผิดอย่างไร การที่จำเลยที่ 2 พักอยู่บ้านหลังเดียวกันกับจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นเหตุผลที่เพียงพอและยืนยันให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 จะมีส่วนรู้เห็นกับจำเลยที่ 1 ด้วย อีกทั้งจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหามาโดยตลอด ข้อเท็จจริงจึงยังมีข้อสงสัย เห็นควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับจำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 227 วรรคสอง พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 ตามศาลชั้นต้น 

ประเด็นที่สอง โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 1 (ไพฑูรย์) สมควรได้รับโทษที่มากกว่านี้ และไม่สมควรได้รับการลดโทษกึ่งหนึ่ง 

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 มีระเบิดไว้ในครอบครองจำนวน 26 ลูก ซึ่งจัดเป็นระเบิดแสวงเครื่อง หากเกิดระเบิดขึ้นและสะเก็ดระเบิดกระจายไปโดนอวัยวะสำคัญของร่างกาย อาจได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต ตลอดจนทรัพย์สินเสียหายได้ เมื่อคำนึงถึงความรุนแรงของระเบิดและจำนวนที่จำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครอง รวมถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ที่มี อาทิ ประทัดลูกบอลไล่นก ดินประสิว ผงกำมะถัน ฯลฯ ถือเป็นเรื่องร้ายแรง 

ข้อกล่าวหานี้ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ไปจนถึงจำคุกตลอดชีวิต ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 ปีนั้นยังน้อยไป ไม่ได้สัดส่วนกับลักษณะและความร้ายแรงแห่งคดี เห็นควรเพิ่มโทษให้มากขึ้น ส่วนประเด็นการลดโทษกึ่งหนึ่งนั้น ศาลเห็นว่า จำเลยรับสารภาพภายหลังการสืบพยานโจทก์ผู้ร่วมจับกุมและตรวจค้นไปแล้ว 2 ปาก จึงไม่ได้เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 ให้คุณประโยชน์แก่การพิจารณาของศาลมาตั้งแต่ต้น อันควรได้รับการลดโทษกึ่งหนึ่ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษจำเลยที่ 1 โดยเพิ่มโทษจำคุกเป็น 12 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพภายหลังการสืบพยาน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาลอยู่บ้าง เห็นควรให้ลดโทษ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 8 ปี และให้นับโทษต่อจากคดีของศาลอาญาที่ถูกพิพากษาจำคุก 33 ปี 12 เดือน

.

“ไพฑูรย์” ยังไม่ได้เอา ‘เหล็กจัดฟัน’ ออกทั้งหมด แม้ถูกขังมากกว่า 1 ปีแล้ว

ภายหลังที่ผู้พิพากษาอ่านคำพิพากษาแล้วเสร็จ ผู้สังเกตการณ์คดีและตัวแทนทนายความได้มีโอกาสพูดคุยกับจำเลยทั้งสองครู่หนึ่ง ไพฑูรย์บอกว่า จนถึงตอนนี้เหล็กจัดฟันในช่องปากของเขายังไม่ได้รับการจัดการ แม้จะถูกคุมขังจนเวลาผ่านมานานกว่า 1 ปี 4 เดือนแล้ว 

ระหว่างถูกคุมขังไพฑูรย์เคยเขียนหนังสือขอพบหมอฟันในเรือนจำไปแล้ว เนื่องจากเหล็กจัดฟันในช่องปากเริ่มหลุดและเสื่อมประสิทธิภาพ เพราะไม่ได้ให้แพทย์เปลี่ยนเครื่องมือจัดฟันประจำทุกเดือนเหมือนตอนอยู่ข้างนอก อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบันไพฑูรย์ยังไม่ได้พบหมอฟันเพื่อนำเครื่องมือจัดฟันออกจากช่องปาก

ในช่วงเดือนธันวาคมปี 2566 ไพฑูรย์เคยพยายามงัดเหล็กจัดฟันออกด้วยตัวเอง ทำให้ตอนนี้ฟันแถวบนของไพฑูรย์ไม่มีลวดเหล็กอยู่แล้ว แต่ยังคงมีคราบกาวติดอยู่ ส่วนฟันแถวล่างยังไม่ได้มีการจัดการใด ๆ เพิ่มเติม  

ไพฑูรย์บอกว่า “ซี่หน้า ๆ ก็เอาซ่อมงัดเอง แต่พอซี่ใน ๆ งัดไม่ได้ รุ่นพี่เลยใช้คีมมาช่วยงัดให้ ตอนแรกก็กลัว แต่พอเขางัดได้ ก็เออเชื่อหมอเถื่อนก็ได้วะ (หัวเราะ)

“ส่วนฟันล่างเหล็กยังไม่หลุดเลยยังไม่ได้งัดออก ปล่อยไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

.

ไพฑูรย์ – สุขสันต์ ยังต้องถูกขังต่อที่เรือนจำกลางคลองเปรม ด้วย 2 คดีที่ยังไม่ถึงที่สุด

จากคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในคดีนี้ ทำให้ไพฑูรย์มีโทษจำคุกรวมกันทั้ง 2 คดี อยู่ที่ราว 42 ปี ส่วนสุขสันต์ที่ไม่ได้รับโทษจำคุกในคดีนี้ แต่ยังมีโทษจำคุกในอีกคดีหนึ่ง 22 ปี 2 เดือน 20 วัน ทำให้ทั้งสองยังคงต้องถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางคลองเปรมต่อไป โดยปัจจุบันเขาทั้งสองถูกคุมขังมานานกว่า 495 วัน หรือกว่า 1 ปี 4 เดือนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย. 2566 เป็นต้นมา ภายหลังศาลอาญาพิพากษาจำคุกในอีกคดีหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่าโยนระเบิดใส่ตำรวจ ในม็อบที่ดินแดง เมื่อปี 2564 แม้ทนายความจะยื่นประกันมาแล้ว 5 ครั้ง ล่าสุดคือเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2566 แต่ทั้งสองไม่เคยได้รับสิทธิประกันตัว

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ศาลจำคุก “ไพฑูรย์” 6 ปี ลดโทษเหลือ 3 ปี ถูกฟ้องทำและมีระเบิด ช่วงม็อบดินแดง แต่ยกฟ้อง “สุขสันต์” คู่คดีที่ให้การปฎิเสธ

จำคุก ‘ไพฑูรย์’ 33 ปี 12 เดือน – ‘สุขสันต์’ 22 ปี 2 เดือนเศษ ถูกกล่าวหาโยนระเบิดใส่ตำรวจดินแดง #ม็อบ11กันยา64

จับ 3 วัยรุ่น 1 เยาวชน กลุ่ม “ก็มาดิแก๊ส” โยงปาระเบิดใส่ คฝ. #ม็อบ11กันยา 2 รายถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่า – ศาลไม่ให้ประกัน

X