ความหวังของ “ธี” และ “มาย” ขณะรอปล่อยตัวสุดสัปดาห์นี้

เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2567 ทนายความเข้าเยี่ยม “ธี” ถิรนัย และ “มาย” ชัยพร สองการ์ดผู้ชุมนุมวัย 23 ปี และ 24 ปี ตามลำดับ ที่ถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในคดีครอบครองระเบิดปิงปอง ช่วงก่อนการชุมนุม #ม็อบ29สิงหา64 โดยทั้งสองเตรียมจะได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำในช่วงสุดสัปดาห์นี้ หลังถูกคุมขังครบกำหนดโทษ

ทั้งคู่ถูกคุมขังมาตั้งแต่วันฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2566 ก่อนที่เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2567 ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้โทษ โดยเห็นว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 6 ปี นั้นหนักเกินไป จึงแก้เป็นจำคุกคนละ 3 ปี และเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน

ทั้งนี้ ธีและมายถูกควบคุมตัวในชั้นจับกุมเมื่อปี 2564 ในจำนวนวันไม่เท่ากัน ทำให้การนับวันต้องโทษจำคุกไม่เท่ากัน จึงจะได้รับการปล่อยตัวคนละวันกัน โดยธีจะได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 11 ส.ค. และมายจะได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 12 ส.ค. นี้ 

———————————-

.

มายรออยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และสดใส เขาบอกว่าวันที่ 12 นี้ น่าจะได้ปล่อยตัวในช่วงสาย ๆ ประมาณ 9-10 โมง เพราะปกติเห็นคนได้ปล่อยกันเวลานั้น โดยมีขั้นตอนให้เก็บข้าวของ และจัดการเอกสารต่าง ๆ ที่หน้าแดนก่อนปล่อยตัว

“สุขภาพผมโอเคดี เมื่อวานได้ไปเจาะเลือดมา ตรวจสุขภาพก่อนเตรียมปล่อย ก่อนเข้ามา เขาก็มีตรวจ แต่โคตรเจ็บเลย เขาเจาะแรง (โชว์แขนให้ดู เป็นรอยเขียวเล็ก ๆ) ผมตรวจเลือดข้างนอกไม่เคยเจ็บขนาดนี้ เมื่อวานปวดมาก แขนไม่มีแรงเลย พอวันนี้ก็ดีขึ้นหน่อย” 

มายบอกว่าช่วงนี้ เขานอนไม่ค่อยหลับ ค่อนข้างกระวนกระวายรอให้ถึงวันปล่อยตัว และได้อิสรภาพ คอยคิดแต่เรื่องจะออกไปอย่างเดียวเลย ใจไม่อยู่ในนี้แล้ว ตอนนี้ก็มีเพื่อน ๆ ในแดนมากล่าวคำร่ำลา บอกว่าออกไปแล้วให้ติดต่อมาบ้าง 

“วันแรกที่ออกไป ผมยังไม่ได้คิดว่าจะทำอะไรก่อน ผมคงจะยืนงงอยู่ข้างหน้าสักพัก แล้วค่อยกลับบ้าน ไปไหว้พ่อไหว้แม่” มายบอก

มายบอกว่าเขาฝากคนไปบอกพ่อกับแม่แล้ว ว่าจะได้รับการปล่อยตัววันไหน ยังไม่รู้ว่าทั้งสองจะมารับไหม แต่คิดว่าคงไม่จำเป็นต้องมา เพราะต้องเสียเวลาเดินทางมาจากบางขุนเทียน และยังไงเขาก็จะเดินทางกลับไปบ้านอยู่แล้ว

มายเล่าว่าข้าวของที่เตรียมจะนำออกไปของเขา คงมีแค่พวกจดหมายต่าง ๆ ที่มีคนส่งมาให้กำลังใจระหว่างที่ถูกคุมขัง ส่วนข้าวของอื่น ๆ คงให้คนข้างในไว้หมด

“แต่ก็มีบางอย่างที่ผมอยากเก็บออกไปเป็นประวัติศาสตร์อยู่ มีอันหนึ่งอยากได้มาก คือเอกสารที่บอร์ดที่จะปิดประกาศข้อมูลนักโทษรายสำคัญ จะมีเป็นรูปภาพ โทษที่โดน นอนห้องไหน กองงานอะไร แล้วระบุกลุ่มด้วย ของผมเขียนว่า ‘กลุ่มการเมือง’ ผมไม่รู้ว่าเขาจะให้เอาไปไหม แต่จะลองขอดู อยากได้จริง ๆ” มายเล่า

ส่วนชีวิตหลังจากนี้ มายบอกว่ายังไม่ได้ชัดเจนว่าจะออกไปทำอะไร แต่หลัก ๆ คงหางานทำ โดยเขายังสนใจงานด้านไฟฟ้าเหมือนเดิม ทั้งเพิ่มความสนใจด้านพลังงานทางเลือกมากขึ้น โดยอยากออกไปอัปเดตข้อมูลเรื่องพวกนี้เพิ่มเติม

“พวกรถไฟฟ้า พลังงานทดแทน งานติดตั้งโซล่าเซลล์ ติดตั้งหัวชาร์จไฟฟ้าในบ้าน ตอนที่ผมเรียน ปวช. ตอนนั้นเราแตะไม่ได้เลย มันแพงมาก แต่ยุคนี้ถูกลงเยอะ การแข่งขันของผู้ผลิตก็สูงขั้น คนก็ต้องการเยอะมากขึ้น มันมีโอกาสเยอะขึ้น” มายยังเล่าเรื่องพลังงานให้ฟังอีกยืดยาว โดยเขาบอกว่าสามารถคุยเรื่องนี้ได้ทั้งวันด้วย 

เมื่อหันกลับมาคุยเรื่องสถานการณ์ทางการเมือง มายทราบแล้วว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคก้าวไกล เขาเห็นว่าเที่ยวนี้ ต่างไปจากการยุบพรรคอนาคตใหม่ เพราะคนคิดกันไว้อยู่แล้วว่าจะถูกยุบ เลยไม่ได้ตื่นเต้นเท่า ถึงสุดท้ายรู้ว่าจะตั้งพรรคใหม่ได้ แต่คิดว่าผู้มีอำนาจก็เลือกจะเตะตัดขาไปก่อน ไม่ปล่อยไปเรื่อย ๆ 

“พรรคก้าวไกลเป็นพลังของคนรุ่นใหม่ ถ้ายุบไปพลังนี้มันก็ไม่หายไปหรอก ไม่กลัวกันด้วยซ้ำ เผลอ ๆ มันจะมากขึ้นกว่าเดิม การยุบพรรคครั้งนี้มันแสดงให้เห็นว่าฝ่ายตรงข้ามต่างหากที่กลัว ฝั่งรัฐบาลที่รวมกันหลายพรรคขนาดนั้นก็ยังอ่อนแอ พวกเขายิ่งดูอ่อนแอกว่าเดิมเมื่อเลือกใช้วิธีนี้ ความไม่น่าเชื่อถือมันยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ” มายวิเคราะห์จากมุมมองของเขา

———————————-

.

เช่นเดียวกับธี ที่มาพบทนายความด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และหน้าตาดูสดใส เขารีบบอกว่าจะได้ออกวันที่ 11 ส.ค. นี้แล้ว น่าจะช่วงสาย ๆ เช่นเดียวกัน รออีกแค่ 2-3 วัน กับชีวิตข้างในเรือนจำ

ธีบอกว่าเขายังนอนหลับได้ปกติ ใช้ชีวิตข้างในเหมือนเดิม มีต่างไปบ้างคือรู้สึกว่าตัวเองหันไปมองปฏิทินบ่อย เช่นเดียวกับมาย ธีได้ถูกให้ตรวจสุขภาพ ทั้งเจาะเลือดและตรวจปัสสาวะ ก่อนเตรียมปล่อยตัว

“พ่อแม่กับแฟนผม น่าจะรู้วันที่ผมได้ออกหมดแล้ว ผมได้คุยกับแฟนแล้ว คิดว่าไม่มารับ ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวให้ผมกลับไปหาเองดีกว่า วันที่ 11 เป็นวันเกิดน้องสาวผมด้วย ปกติครอบครัวก็จะมาเจอกันในวันเกิด ผมตั้งใจว่าจะกลับไปบ้านในงานวันเกิดน้องเลย คงถึงเย็น ๆ ค่ำ ๆ” ธีบอกถึงสิ่งแรกที่อยากทำหลังออกจากเรือนจำ

ธีเล่าว่าเมื่อประมาณสองวันก่อน มีทีม สส. ที่ทำงานในกรรมาธิการกิจการศาลฯ ของสภา นำโดย สส. เบญจา แสงจันทร์ เข้ามาตรวจเยี่ยมเรือนจำ จึงได้พบและพูดคุยกับผู้ต้องขังคดีการเมืองด้วย ทั้งอานนท์ เก็ท ขนุน เขา และมาย รวมทั้งพี่สมบัติ ทองย้อย แต่คนมากันค่อนข้างเยอะ กว่า 20 คน เลยไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก เพียงสอบถามความเป็นอยู่และให้กำลังใจกัน

“ผมก็หวังให้ สส. หรือกรรมการบริหารพรรคเข้ามาเยี่ยมเพื่อน ๆ คดี 112 ในนี้ให้ครบทุกคน ทุกแดนเลย รวมถึงที่อยู่เรือนจำอื่นด้วย มันช่วยให้เขามีกำลังใจขึ้นจริง ๆ และเป็นการบอกเจ้าหน้าที่ด้วยว่ามีคนกำลังมองเรื่องนี้อยู่”

ธียังเล่าอีกว่าเมื่อวานนี้ ในแดน 4 หลายคนได้นั่งฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคก้าวไกล เขาฟังไปสักพัก จนชัดเจนว่าถูกยุบแน่แล้ว ก็ขึ้นเรือนนอนไป เพราะไม่อยากทนฟังต่อ

“เพื่อน ๆ ข้างในก็ให้กำลังใจกันนะ มีหยอกมีแซวกันบ้างพอให้ไม่เครียด มันยากมากเลยนะพอพรรคโดนยุบเพราะไปแตะ 112 แค่จะแก้ไขกฎหมายยังโดนขนาดนี้ อาจจะส่งผลถึงความหวังการนิรโทษกรรมคดี 112 เลย คนก็เครียดกัน”

ธียังบอกถึงเรื่องการเก็บข้าวของว่า เขาคงเอาพวกจดหมายให้กำลังใจที่คนส่งมาออกไปด้วย และอาจจะมีพวกหนังสือเรียนที่อ่านค้างไว้อยู่ ประมาณ 2 เล่ม 

“ถ้าออกไปแล้วผมคิดว่าจะทำธุรกิจส่วนตัว พัฒนาอาหารทะเลที่บ้าน มาขยายให้เป็นแบรนด์ของตัวเอง ที่บ้านผมขายอยู่แล้ว มีฟาร์มเลี้ยงของตัวเอง ผลิตได้ แต่ก็ขายแค่หน้าร้าน กับส่งพ่อค้าคนกลาง ไม่เคยมียี่ห้อ ไม่ได้ทำการตลาดมากมาย ขาดแค่เรื่องนี้ 

“แต่ก่อนผมก็ไม่เคยจะสนใจมันนะ พออยู่ในนี้ผมก็ทบทวนอะไรเยอะขึ้น คิดมากขึ้นว่าเราจะช่วยได้ยังไงบ้าง อยู่ข้างในเรือนจำผมก็พยายามหาความรู้เท่าที่จะหาได้ ผมยังไม่ทิ้งการเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่คงจะพักก่อน จัดการชีวิตให้นิ่งขึ้น มันก็น่าจะทำให้เราทำอย่างอื่นได้ดีขึ้นด้วย” ธีบอกถึงการทบทวนชีวิตของเขา

.

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

อย่าลืม “ธี” ถิรนัย: จากการ์ดม็อบอาชีวะ ถูกขังจนมีฝันใหม่ต้องเปลี่ยนประเทศให้ได้!

อย่าลืม “มาย” ชัยพร: รัฐรุนแรงในวันนั้น มีฉัน ‘การ์ดม็อบ-นักโทษการเมือง’ ในวันนี้

.

X