“พระประนมกร” ถูกชายคาดว่าเป็นกลุ่มปกป้องสถาบันฯ คุกคาม หลังร่วมกิจกรรม “นิรโทษกรรมมหาสงกรานต์” หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2567 พระประนมกร ปราณีต หรือพระประนมกรพุทธิเชฏโฐ พระภิกษุวัย 57 ปี เปิดเผยข้อมูลกับศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนว่า ในช่วงวันที่ 1 เม.ย. 2567 ถูกชายคาดว่าเป็นกลุ่มปกป้องสถาบันกษัตริย์ดักทำร้ายและชิงย่ามพระ หลังจากการเข้าร่วมกิจกรรม “นิรโทษกรรมมหาสงกรานต์ เราไม่ลืมกัน” ส่งข้อความถึงเพื่อน ๆ ในเรือนจำ ที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ 

พระประนมกรเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2567 เวลาประมาณ 19.00 น. ขณะตนกำลังเดินกลับ หลังเสร็จจากการเข้าร่วมกิจกรรมหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก็ถูกชาย 2 คน ขี่มอเตอร์ไซค์มาดักทำร้ายและแย่งเอาย่ามพระไป

“ที่ ๆ อาตมาเดินตรงนั้นมันเปลี่ยวและก็ค่ำแล้ว ช่วงเวลาประมาณทุ่มเศษ ๆ พวกเขาขี่มอเตอร์ไซค์มา 2 คน พอถึงตัวอาตมา คนหนึ่งก็ใช้มือตบเข้าที่ตัวอาตมา ส่วนอีกคนดึงย่ามไป พอดีย่ามที่อาตมาใช้มันเป็นย่ามที่เย็บเอง มันก็เลยขาดง่าย ตรงสายที่เราเย็บมันขาด และหลุดติดมือพวกเขาไป”

“ในย่ามมันมีโทรศัพท์และก็บัตรเอทีเอ็มด้วย ตอนเขาตบเรามันก็ไม่ได้แรงมากหรอก ไม่ถึงกับล้มพับไป มันเหมือนต้องการข่มขู่เรามากกว่า ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเราจริง ๆ” 

พระประนมกรคาดว่า ชายทั้งสองเป็นกลุ่มปกป้องสถาบันฯ “เขามีผ้าพันคอสีเหลือง และพูดตะโกนด่าว่า ‘ไอ้พระหนักแผ่นดิน’ ‘ไอ้โล้นหนักแผ่นดิน’ อาตมาก็เลยเข้าใจว่าพวกเขาเป็นกลุ่มปกป้องสถาบันฯ

“อาตมาไม่เห็นหน้าเห็นตาพวกเขา เพราะเขาเอาผ้าคลุมหน้า ซึ่งก็อาจจะเป็นแค่โจรก็ได้ แต่อาตมาไม่เคยโดนใครมาขู่ทำร้ายมาก่อนนอกจากกลุ่มปกป้องสถาบันฯ 

“คนพวกนี้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อยับยั้งไม่ให้อาตมาออกไปร่วมกิจกรรมทางการเมือง อย่างเมื่อปีก่อน อาตมาไปร่วมกิจกรรม ‘ยืนหยุดขัง’ หน้าศาลอาญา รัชดาฯ ก็ถูกกลุ่มปกป้องสถาบันฯ ขู่ว่าจะฆ่าให้ตายเหมือนกัน”  

ก่อนย้อนเล่าเหตุการณ์ในช่วงปี 2566 จำเดือนไม่ได้แน่ชัด ที่มีการจัดกิจกรรม “ยืนหยุดขัง” หน้าศาลอาญา เรียกร้องคืนสิทธิประกันตัวให้ผู้ต้องขังคดีทางการเมือง ซึ่งขณะนั้นพระประนมกรได้เดินทางมากรุงเทพฯ จึงได้เข้าร่วมกิจกรรมด้วยเช่นทุกครั้งที่มีโอกาส โดยระหว่างยืนพบว่า มีกลุ่มปกป้องสถาบันฯ หลายคนรวมตัวอยู่ฝั่งตรงข้าม และตะโกนด่ากลุ่มยืนหยุดขังเป็นระยะ ช่วงหนึ่งพระประนมกรได้ยินคำขู่ถึงพระ ซึ่งน่าจะหมายถึงตน ในลักษณะจะทำอันตรายถึงชีวิต   

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุดเมื่อเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในปีก่อน ทำให้พระประนมกรคาดการณ์ว่าเป็นคนกลุ่มเดียวกัน สร้างความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก “อาตมากลัวเป็นอันตราย เพราะเราอยู่รูปเดียว กลัวจะมีเรื่องเกิดขึ้น และนี่ก็เป็นกรุงเทพฯ อาตมาไม่คุ้นที่ หากอยู่บ้านนอกก็อาจจะปลอดภัยกว่า” 

พระประนมกรเล่าว่า ตนไม่ได้ถูกกลุ่มคนปกป้องสถาบันฯ คุกคามเท่านั้น แม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ติดตามสอดส่องเช่นกัน ซึ่งตนสังเกตเห็นการเฝ้าจับตาและติดตามโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังการสลายการชุมนุมหมู่บ้านทะลุฟ้าเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2564 ซึ่งตนเป็นหนึ่งในผู้ถูกจับกุมและดำเนินคดี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 

ล่าสุด ในการเข้าร่วมกิจกรรมหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ  เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2567 “มีตำรวจนอกเครื่องแบบมาถ่ายรูปอาตมาขณะทำกิจกรรมที่หน้าเรือนจำ และก็ตามอาตมาไปทุกที่ ทั้งแถวศาลอาญา รัชดาฯ และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ้าอาตมาจะเดินเข้าไปถามเขา เขาก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์หนีไป เป็นอย่างนี้มาเดือนกว่าแล้ว เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเราหรอก แค่มาจอดรถดูเราเฉย ๆ มาสอดส่องดูพฤติกรรมเรา” พระประนมกรกล่าว

ทั้งนี้ พระประนมกรเป็นพระที่บวชมาแล้ว 13 พรรษา วัดต้นสังกัดคือ วัดเลียบบ้านไผ่ ต.ไผ่ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ แต่เมื่อพ้นนวกะ หรือพ้นช่วงที่พระบวชใหม่ต้องอยู่กับครูบาอาจารย์เป็นเวลา 6 พรรษาแล้ว ท่านก็ออกธุดงค์และจำพรรษายังที่ต่าง ๆ เพื่อแสวงหาโมกขธรรม

จากการเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ทำให้พระประนมกรถูกดำเนินคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ รวม 2 คดี คือ คดีสลายการชุมนุมหมู่บ้านทะลุฟ้าเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2564 ซึ่งยังอยู่ระหว่างการสืบพยาน และคดีชุมนุม #ศุกร์13ไล่ล่าทรราช บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ วันที่ 13 ส.ค. 2564 ซึ่งอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีแล้ว

.

.

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

“พระประนมกร” ถูก ตร.จับสึกครั้งที่ 2 – ย้ายตัวกลางดึก หลังถูกจับเหตุร่วม #ม็อบ13สิงหา64 กับทะลุฟ้า  

X