คุยกับ “แม่ของเก็ท-ภรรยาของอุดม” ในวันครอบครัวที่ผู้เป็นที่รักยังไม่ได้กลับบ้าน

วันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์นาน 5 วันนี้ หลายคนได้หยุดพัก กลับบ้าน ในวันที่ 14 เม.ย. ของทุกปี ยังตรงกับ ‘วันครอบครัว’ วันหนึ่งที่หลาย ๆ บ้านใช้เป็นวันหยุดมาอยู่ร่วมกันพร้อมหน้า ได้พบปะ สังสรรค์ และกินอาหารร่วมกัน

วันครอบครัวปีนี้ มีบ้านอย่างน้อย 45 หลังที่ต้องขาด ‘สมาชิกคนสำคัญ’ ซึ่งถูกพรากไปถูกขังในคดีการเมือง นี่เป็นอีกเทศกาลหนึ่ง อีกวันสำคัญที่แสนธรรมดาวันหนึ่งที่หมุนเวียนมาและจะหมุนเวียนไปอีกหนของใครหลายคน 

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ชวน 2 ครอบครัวผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 นั่นคือ “แม่เพชรลดา” ของ “เก็ท – โสภณ” และ “ของขวัญ” คนรักของ “อุดม” มาร่วมถ่ายทอดความทรงจำเมื่อนึกถึงเทศกาลสงกรานต์และวันครอบครัวในครั้งที่เคยได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า และเล่าสู่กันฟังถึงปีที่แตกต่างออกไปปีนี้ 


วันครอบครัวปีนี้ ไม่มี ‘ลูก’ อยู่ด้วย
โดย “แม่เพชรลดา” ของ “เก็ท – โสภณ”

บ้านของ “เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง เป็นครอบครัวใหญ่ที่แสนอบอุ่น มีปู่ ย่า พ่อ แม่ เก็ท น้อง และสัตว์เลี้ยงสี่ขาทั้งสุนัขและแมวนับสิบตัว

ภาพถ่ายที่ทุกคนเห็น เก็ทกำลังรดน้ำขอพรจากพ่อและแม่ในวันสงกรานต์ปีหนึ่ง ซึ่งเป็นปีที่เก็ทเพิ่งจะเรียนจบชั้นมัธยมปลายได้ไม่กี่เดือน แม่เพชรลดาเล่าว่าแทบจะทุกเทศกาลเก็ทจะอยู่ทำกิจกรรมกับครอบครัวก่อนเสมอ โดยเฉพาะวันสงกรานต์ที่ทุกคนในครอบครัวจะได้อยู่ทานข้าวพร้อมหน้ากันทุกปี เก็ทและน้องก็มักจะมารดน้ำขอพรทั้งจากคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ และคุณย่า ช่วงหนึ่งแม่เอ่ยปากชมลูกตัวเองว่าเป็นเด็กที่น่ารัก ขี้เกรงใจ และรักครอบครัวมาก ๆ 

“สงกรานต์กับปีใหม่เป็นเทศกาลที่เราจะอยู่พร้อมหน้ากับทั้งครอบครัว” แม่บอก 

“สงกรานต์หลายปีมานี้ ส่วนมากแล้วพวกเราจะไปเที่ยวทะเลกัน 

ทะเลจันทบุรี ระยอง พัทยา บางครั้งก็ไปปีนเขาที่ต่างจังหวัด 

ไม่ก็ไปบ้านคุณยายที่นครสวรรค์” 

แม่บอกว่าเก็ทชอบเที่ยวทะเล ไม่ชอบเที่ยวน้ำตก ถ้าไม่ไปทะเลก็จะไปปีนเขา แต่แม่ก็จะขอร้องเก็ทว่าถ้าอยากจะไปปีนเขาให้ไปช่วงปีใหม่ดีกว่า เพราะอากาศไม่ได้ร้อนมากเท่าช่วงเดือนเมษายน 

“เราชอบไปทะเลกัน แต่ไม่ได้มีใครชอบเล่นน้ำหรอก (หัวเราะ)
ส่วนใหญ่เราไปทานข้าวซะมากกว่า พาหมาไปเที่ยวด้วย 

เพราะเก็ทเลี้ยงหมา เขาชอบพาหมาไปเดินทะเล ไปเดินน้ำตก ไปเปลี่ยนบรรยากาศ”  

ทุกครั้งที่ไปเที่ยว เก็ทและครอบครัวต้องพาสุนัขทั้ง 3 ตัวของบ้านไปด้วยตลอด

ตัวแรกชื่อ ‘มิ้ว’ อายุกว่า 18 ปีได้ และเพิ่งจากในช่วง 1 สัปดาห์เศษนี้เอง 

ตัวที่สองชื่อ ‘คัพเค้ก’ ตัวที่สามชื่อ ‘จีโน่’ สองตัวนี้ครอบครัวเก็ทรับเลี้ยงจากคนที่เจอกันในม็อบ เพราะเจ้าของเดิมเลี้ยงต่อไม่ไหว และก่อนเก็ทจะเข้าเรือนจำไม่กี่วันเขารับเลี้ยงสุนัขอีกตัวหนึ่งชื่อว่า ‘โอเลี้ยง’ 

แม่เล่าย้อนความถึงสงกรานต์ปีก่อนให้ฟังว่า “ปีที่แล้วไปทะเลจังหวัดจันทบุรี ส่วนปีนี้ตอนแรกเราวางแผนกันไว้ว่าจะไปเที่ยวจันทบุรีอีก แล้วก็จะเหมาเรือนั่งไปกับหมาอีกเหมือนเดิม ไปเที่ยวป่าโกงกาง เพราะเขาให้เอาหมาเข้าไปได้”

แต่ทริปหยุดยาวปีนี้ต้องถูกพับเก็บไปก่อนอย่างจำใจ และถึงปีนี้จะไม่ได้ไปทะเลด้วยกันแล้ว แต่แม่กับพ่อก็บอกว่าจะคอยอยู่กับเก็ทไม่ห่างเหมือนเดิม โดยแม่ตั้งใจจะไปร่วมกิจกรรม ‘ยืน หยุด ขัง’ ที่ด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตลอดช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์นี้ 

ก่อนเรือนจำจะปิดทำการในช่วงวันหยุดยาว เรือนจำได้เปิดให้ญาติสั่งซื้อเมนูอาหารพิเศษที่มีเปิดขายเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญเท่านั้น โดยต้องสั่งล่วงหน้านานถึง 1-2 สัปดาห์ และผู้ต้องขังจะได้รับในวันที่ระบุไว้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 

แม่เพชรลดาเองก็สั่งจองเมนูพิเศษล่วงหน้าไว้ให้กับเก็ทและเพื่อน ๆ แล้วเช่นกัน เป็นเมนูเนื้อแดดเดียว ปลากะพงทอดน้ำปลา เป็ดย่าง กุ้งเผา แม่แอบบ่นให้ฟังว่าราคาแต่ละเมนูค่อนข้างแพงใช้ได้ทีเดียว อย่างกุ้งเผาขายออเดอร์ละ 300 บาท โดยไม่ได้บอกว่ามีปริมาณเท่าไหร่ หรืออย่างเป็ดย่างก็ราคาสูงถึง 490 บาท ซึ่งเรือนจำก็ไม่ได้ระบุน้ำหนักหรือปริมาณในใบสั่งซื้อล่วงหน้าเช่นกัน  

จนถึงตอนนี้นานเกือบ 8 เดือนแล้วที่เก็ทต้องอยู่ในเรือนจำ ด้วยคดีมาตรา 112 ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 2566 

8 เดือนที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง?

“คุณพ่อกับคุณแม่ก็เหมือน ‘ติดคุก’ อยู่กับเก็ทเลยจ้ะ
เหมือนว่าบ้านเราตอนนี้กลายเป็น ‘เรือนจำ’ ด้วยอีกที่หนึ่ง” 

หลังจากเก็ทหวนเข้าเรือนจำอีกครั้งเป็นหนที่ 2 นอกจากการทำงานในช่วงกลางวันและนอนหลับในช่วงกลางคืนแล้ว กิจวัตรประจำวันอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญของพ่อกับแม่ คือ การเดินทางไปที่เรือนจำเพื่อหยิบ ‘บัตรคิว’ ตั้งแต่เช้ามืดและเข้าเยี่ยมเก็ทในช่วงเช้า อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 วัน

“เราแบ่งคิวเยี่ยมเก็ทกันว่า จันทร์กับพุธจะเป็นพ่อกับแม่ ส่วนอังคาร พฤหัส ศุกร์ จะเป็นของเพื่อน ๆ เก็ท ถ้าวันไหนเป็นเวรครอบครัว แม่ก็จะต้องไปรับคิวที่เรือนจำตั้งแต่ตี 2 ตี 3 แล้วพอตอนตี 5 ก็จะต้องหย่อนบัตรคิว

“ไปถึงเรือนจำตอนตี 2 ตี 3 แล้วไม่ใช่ว่าหยิบบัตรคิวเสร็จจะนอนรอในรถสบายได้เลยนะ ได้บัตรคิวแล้วแม่ก็ต้องไปนั่งรอกับพื้นแสดงตัวเป็นคิวแรกเลย ถ้าไม่อย่างนั้นก็จะโดนแซงคิว” 

ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เปิดให้ญาติเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังได้ 2 ช่วง ช่วงเช้าตั้งแต่ 8 โมงเป็นต้นไป ช่วงที่สองเป็นช่วงบ่าย เหตุที่พ่อกับแม่ของเก็ทต้องไปเยี่ยมในรอบเช้า เพราะหลังเยี่ยมเก็ทเสร็จแล้วในช่วงเกือบ 9 โมงเช้า ทั้งสองก็ต้องรีบกลับไปทำงานต่อให้ทันเวลาเข้างาน ในเวลาประมาณ 09.30 น.

“เราไปเรือนจำจนเจ้าหน้าที่จำเราได้ (หัวเราะ)
เขาก็จะแซวว่า ‘เก็ทแม่มานอนกับเก็ทแล้วนะเนี่ย, แม่มารอตั้งแต่ตี 1 พี่มาเข้ากะตี 5 พี่เห็นแม่เก็ทนอนอยู่กับหมา’ วันไหนถึงจะไม่ใช่เวรที่พ่อกับแม่ต้องไปเยี่ยม แต่ถ้าแม่ว่างก็จะแวะไปเรือนจำตลอด ไปแวะดูหน้าน้องเก็ทผ่านกระจกตอนเพื่อนเขาเข้าไปเยี่ยม

“เราก็ลำบากอยู่ เราก็บอกลูกว่าให้เขาสู้เนอะ สู้ไปด้วยกัน” 


วันครอบครัวปีนี้ ไม่มี ‘พี่’ อยู่ด้วย
โดย “ของขวัญ” คนรักของ “อุดม” 

สำหรับ ‘ของขวัญ’ เมื่อพูดถึงวันสงกรานต์ เธอนึกถึงบรรยากาศแห่งความสุข คิดถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้ากับครอบครัว แต่ปีนี้มีหนึ่งคนสำคัญในครอบครัวกำลังถูกคุมขังอยู่ไกลถึงจังหวัดนราธิวาส ในคดีมาตรา 112 โดยที่ตัวเองต้องทำงานอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี 

ของขวัญ คนรักของ ‘อุดม’ เล่าถึงวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์หลายปีที่ผ่านมาให้ฟังว่า บางปีอุดมก็ได้หยุด บางปีก็ไม่ได้หยุดเพราะทำโอที ถึงจะหยุดพร้อมกันทั้งสองคนแต่ก็ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่มักจะอยู่บ้านใช้เวลาด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูกมากกว่า 

“ไปไกลสุดก็ทำบุญที่วัดหน้าบ้านนี่แหละ วันหยุดส่วนมากเราไม่ได้ไปไหนกัน เพราะรถเยอะ อันตราย ใช้เวลาอยู่ด้วยกันที่บ้านมากกว่า เพราะปกติเราสองคนจะทำงานคนกะกัน เวลาที่ได้เจอกันก็จะน้อย 

“วันหยุด พี่เขาจะชอบอยู่เล่นเกม PS5, เขารักของเขาจะตาย ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมี เพราะโบนัสปลายปีออกเลยได้ซื้อ เขาบอกว่าทำงานเหนื่อยมาทั้งปีก็เลยซื้อของขวัญให้ตัวเองบ้าง

“ปกติเงินที่ทำงานได้เขาก็จะให้พี่เก็บไว้หมด เวลาไปทำงานเขาจะใช้เงินแค่วันละ 20 บาท สัปดาห์หนึ่งเขาใช้แค่ 200 บาทเองนะ 

เมนูพิเศษวันหยุดของครอบครัว?

“ถ้าวันหยุดอย่างนี้ พี่เขาก็จะกินส้มตำอย่างเดียวเลย (หัวเราะ) ไม่มีหรอกทำเมนูอาหารพิเศษ กินกันแต่อาหารบ้าน ๆ เรา ตำปูปลาร้า ซุปมะเขือ ข้าวเหนียว พี่เขาชอบกินง่าย ๆ” 

“แล้วถ้าเป็นวันสงกรานต์อย่างนี้ ปกติทุกปีเราก็จะไปรับลูกจากบ้านแม่ที่สระแก้วมาที่บ้านด้วย เพราะปิดเทอมด้วย ตอนกลางวันลูกสาวเขาก็จะแช่น้ำอยู่ในอ่างน้ำหน้าบ้านกับพ่อเขาแทบทุกวัน 

“ปีนี้ถ้าได้อยู่ด้วยกันก็คงจะพาไปทำบุญที่วัดใกล้ ๆ บ้านนี่แหละ วัดหลวงพ่อโสธร พาแกไปปล่อยนกปล่อยปลา …”

กับปีนี้ทุกอย่างไม่มีอะไรเหมือนเดิม อุดมยังถูกขังอยู่ที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส ไม่รู้ว่าจะได้กลับบ้านวันไหน ไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ไปจนครบโทษ 4 ปีเลยไหม ส่วนลูกสาวถึงจะปิดเทอมแล้วแต่ก็ของขวัญก็ไม่ได้ไปรับมาอยู่ด้วยเหมือนทุกปี เพราะเธอบอกว่าช่วงนี้ไม่ค่อยสบาย เข้าออกโรงพยาบาลก็บ่อย จากโรคหอบหืดและภูมิแพ้ที่เป็นอยู่เดิมแล้วเกิดกำเริบหนัก  คาดว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีมลภาวะฝุ่น PM 2.5 เป็นตัวกระตุ้นเร้า 

อาการที่ของขวัญกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ เธอบอกว่ามักจะหายใจไม่ค่อยออก รู้สึกแน่นหน้าอก บางครั้งจะมีเลือดกำเดาไหล และไอเป็นเลือดด้วย

“ปกติพี่เขาจะเป็นคนพาไปหาหมอ บางที ตี 1 ตี 2 พี่เขาก็พาไป บางครั้งไปหาหมอตอนตี 3 กลับมาอาบน้ำแล้วก็ยังต้องไปทำงานต่ออีก พอพี่เขาไม่อยู่แล้ว เราก็ต้องไปหาหมอเอง เพราะพี่เขาสั่งไว้ว่า ‘ถ้าเจ็บป่วยให้รีบไปหาหมอเลย’ เราก็จำคำนี้ไว้ขึ้นใจ …”

เกือบ 8 เดือนแล้วที่อุดมจากบ้านไปและยังไม่สามารถกลับมาได้ สถานการณ์ของครอบครัวในตอนนี้ ของขวัญบอกว่า ‘สาหัสเลย’ หนี้สินและภาระยังมีอยู่เท่าเดิม ตอนแรกเธอคิดว่าจะขอลดยอดผ่อนชำระหนี้บ้านและรถให้สอดคล้องกับรายรับที่ลดลงครึ่งหนึ่งจากเดิมในตอนนี้ แต่เมื่อคิดไตร่ตรองดี ๆ เธอบอกว่าถ้าจ่ายน้อยกว่านี้ก็แทบจะได้จ่ายแค่ดอกเบี้ยแล้ว เงินต้นแทบจะไม่ลดลงเลย ดังนั้นเธอจึงตัดใจผ่อนชำระภาระที่เหลืออยู่ด้วยยอดต่องวดเท่าเดิมเหมือนที่ผ่านมา และหวังว่าเรื่องนี้จะผ่านไปในเร็ววัน

“เดือนที่แล้วพี่ก็เพิ่งลาไปดูแลแม่ได้สัปดาห์กว่า ยอมเสียเบี้ยขยัน เสียโอทีไป อาการไทรอยด์ของแกกำเริบเพราะพักผ่อนน้อย ทำงานเหนื่อยสะสม ทำสวนผักผลไม้อยู่คนเดียว ลูกพี่ก็ตัวเล็กนิดเดียวช่วยอะไรไม่ได้มาก พอมาเดือนนี้พี่ก็ป่วยซะ”

กับพี่อุดม ของขวัญได้เข้าเยี่ยมทางออนไลน์อยู่ตลอด ๆ ล่าสุดเพิ่งเยี่ยมไปเมื่อวันที่ 1 และ 6 เม.ย. ที่ผ่านมานี่เอง และจะมีนัดเข้าเยี่ยมอีกครั้งในวันที่ 22 เม.ย. นี้ 

“แกบ่นอยู่ว่าได้อยู่รวมกับคนป่วยหลายคน แกไม่เข้าใจว่าทำไมไม่จำแนกให้เป็นสัดส่วน แกก็ยังอยู่ได้ อารมณ์ดีอยู่ ถ้าไม่สาหัสจริง ๆ เขาจะไม่พูดให้พี่ได้ยิน ตอนนี้เขาอยู่ได้แล้ว เขาพยายามปรับตัวอยู่ตลอด ตอนนี้อยู่กองงานเกษตร ปลูกผักทำสวน เพราะเขาชอบทำงาน ไม่ชอบที่จะอยู่เฉย ๆ ไปวัน ๆ” 

“ช่วงสงกรานต์เรือนจำเปิดให้ญาติเข้าเยี่ยมแบบใกล้ชิด แต่เพราะคดีพี่อุดมยังไม่สิ้นสุดก็เลยยังเยี่ยมแบบใกล้ชิดไม่ได้ พี่ก็ว่าจะไปหาแกอยู่ แต่ยังไม่มีเวลาเลย เรามันมีภาระเยอะ นั่งรถไปก็เหนื่อย เพลีย จะนั่งเครื่องบินไปค่าเครื่องบินก็แพง 

เยี่ยมออนไลน์ ถึงจะง่ายและสะดวกกว่ามาก แต่ก็มีปัญหาบ่อยครั้ง ของขวัญบอกว่าอินเทอร์เน็ตขัดข้องบ่อย บางครั้งระบบการจองเข้าเยี่ยมก็ล่ม เข้าไม่ได้บ่อย เยี่ยมออนไลน์คุยกันได้ครั้งละ 15 นาที แต่สัญญาณอินเทอร์เน็ตที่เรือนจำมีปัญหา ทำให้หลายครั้งได้คุยกันแค่ไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำไป 

นอกจากนี้แล้ว ระบบการซื้ออาหารและของใช้ให้ผู้ต้องขังที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาสก็มีปัญหาบ่อยครั้งเช่นกัน หลายครั้งของขวัญบอกว่าสั่งซื้ออาหารในระบบไม่ได้ ไม่รู้เกิดจากปัญหาอะไรเหมือนกัน รวมถึงของใช้และอาหารก็มีน้อยอย่าง ไม่หลากหลาย ในมุมมองญาติรู้สึกว่าเรือนจำตั้งราคาขายได้แพงกว่าปกติหลายเท่าตัวด้วย อย่างเช่นปลาย่าง 2 ไม้กับข้าวเหนียว 1 ห่อ ขายอยู่ที่ราคา 100 บาท 

สงกรานต์ปีนี้ อีกสิ่งที่เธอต้องตอบคำถามคือ ลูกสาววัยย่าง 9 ขวบ คิดถึงพ่อ “ลูกเขาถามหาพ่อตลอด บอกว่า ‘อยากไปหาพ่อ’ เราก็บอกว่าไปหาไม่ได้หรอก มันไกล เราก็พยายามให้เขาตั้งใจเรียนไปอย่างเดียว 

”ตอนนี้เขากำลังจะขึ้น ป.4 เทอมที่ผ่านมาเขาสอบได้ที่ 1 นะ เกรดเฉลี่ย 4.00 เขาบอกว่า ‘หนูตั้งใจเรียนให้เก่ง ๆ ก็เพื่อพ่อ’ 

“เขาเรียนเก่งนะ เขาตั้งใจมาก ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครสอนเขาเลย แม่ของพี่ที่เลี้ยงเขาอยู่ก็อ่านหนังสือไม่ออก เขาทำได้ด้วยตัวของเขาเองจริง ๆ” 

สงกรานต์ปีนี้ ครอบครัวของอุดมยังรอคอยและหวังว่าเขาจะได้กลับบ้านในเร็ววัน

ย้อนอ่านเรื่องของอุดม และของขวัญ

X