วันที่ 18 พ.ค. 2565
ทนายความได้เข้าเยี่ยม ‘เก็ท’ โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง จากกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังเขาไม่ได้รับการประกันตัวในคดีตามมาตรา 112 กรณีปราศรัยในการชุมนุม #ทัวร์มูล่าผัว เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งเก็ทได้อดอาหารล่วงมาเกินจะครึ่งเดือนแล้ว “จิตใจเริ่มไม่ค่อยโอเคเลยครับ อยากจะพบจิตแพทย์แล้ว” เก็ทบอกกับทนายหลังสภาพร่างกายเริ่มขาดสารอาหารมาเป็นระยะเวลากว่า 14 วัน จนเริ่มกระทบกับสภาวะทางจิตใจแล้ว
“ถ้าได้ออกไป ผมก็ไม่รู้เลยว่าจะกลับมาเป็นผมได้อีกเมื่อไหร่ ทุกวัน ผมถามตัวเองตลอดว่าเมื่อไหร่จะได้ออก ผมทำผิดอะไรขนาดนั้นหรือ ต้องนับวันรอ” ความสับสนเริ่มเกาะกินตัวตนของเขา และการใช้ชีวิตหลังลูกกรงยิ่งนานวันก็ยิ่งสร้างความว้าวุ่นในหัวใจของเก็ท
อย่างน้อยที่สุดการแต่งบทกลอนก็ช่วยบรรเทาอาการอลม่านในจิตใจของเขาได้อยู่บ้าง “ผมแต่งกลอนไว้อยู่นะ แต่ยังไม่จบครับ”
กลอนบางตอนที่เก็ทแต่งไว้
“เพราะข้าสู้ ข้าจึงถูก กีดกักกัน”
“ต้องโทษทัณฑ์ ทรมาน ทุกข์ท่วมท้น”
“เพราะแสวง หาเสรี จึงอับจน”
“สุดแค้นค้น ไร้หนทาง หาปราณี”
“เพราะข้าสู้ ข้าจึงรู้ ผู้กดขี่”
“ผู้ย่ำยี่ มวลประชา ล่าศักดิ์ศรี”
“เพราะเบิกตา มองฟ้า หาทรณี”
“จึงรู้ทิศ รู้ทาง ประจักษ์จริง”
“ผมขอฝากถึงคนข้างนอกว่า การต่อสู้มันอาจจะแย่ทั้งกับคนทั้งนอกและใน เหมือนที่เขาบอกกันว่า ‘Bite the bullet’ แต่ก็ขอให้สู้ไปด้วยกันนะครับ” นั่นคือข้อความที่เก็ทฝากถึงเพื่อนๆ ภายในเรือนจำก่อนจากกัน
.
วันที่ 20 พ.ค. 2565
ในวันนี้ ศาลได้นัดไต่สวนคำร้องขอฝากขัง “เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง ในผัดที่ 3 หลังพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ยื่นขอฝากขังต่อไปอีกเป็นเวลา 12 วัน โดยอ้างว่าต้องรอสอบปากคำพยานบุคคลเพิ่มเติมอีก 1 ปาก รอผลตรวจพิสูจน์ของกลาง ลายพิมพ์นิ้วมือ และผลตรวจประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา แม้ทนายจะคัดค้านการฝากขัง แต่ศาลได้มีคำสั่งให้ฝากขังเก็ทต่ออีก 7 วัน โดยทนายได้ยื่นขอประกันตัว เป็นครั้งที่ 3 แต่ศาลก็ไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยให้เหตุผลว่าไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม
“ผมน้ำหนักลดลง 5 กิโลกรัมแล้ว มีอาการหน้ามืดนิดหน่อย เพราะอดอาหารเข้าวันที่ 16 แล้ว” เก็ทเอ่ยบอกกับทนายความผ่านการเบิกความทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
“ขอขอบคุณผู้มาให้กำลังใจในห้องพิจารณาทุกคน” เขาเอ่ยบอกกับกลุ่มผู้เดินทางมาเข้าร่วมฟังการพิจารณาในวันนี้
เขาก็ไม่ลืมที่จะส่งข้อความถึงคนในครอบครัวของเขา “ ผมขอให้พ่อเข้มแข็งไว้
เก็ทรู้ดีว่าการที่ถูกดำเนินคดีคงทำให้พ่อแม่รู้สึกแย่ แต่ขอให้พ่อกับแม่ยังมีความสุขและใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้ และขอให้เชื่อมั่นว่ากระบวนการยุติธรรมยังสามารถคาดหวังได้อยู่”
นอกจากนี้เขายังได้บอกเล่าถึงสิ่งที่อยากทำมากที่สุดในตอนนี้คือ การยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง “ผมอยากออกไปข้างนอก อยู่ในนี้มีข้อจำกัดหลายอย่าง หาพยานหลักฐานอะไรก็ไม่ได้ มองหาความเป็นส่วนตัวยิ่งลำบาก” เขาบอกกับทนาย แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ลืมความห่วงใยถึงคนข้างนอก
“ผมอยากขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจให้ดีครับ อยู่ในนี้มันก็เหมือนกับคนที่ตายไปแล้ว ดูแลตัวเองกันดีๆ นะครับ” เก็ททิ้งท้าย