24 พฤษภาคม 2565 เรากลับมาเยี่ยม “เก็ท” โสภณ อีกครั้ง หลังจากเยี่ยมในวันแรกที่เขาเริ่มประกาศอดอาหาร “น้ำหนักลดลงไปห้ากิโลแล้วพี่ ช่วงนี้มีวูบด้วย มันเหมือนแบตหมด ตาลาย ต้องพักสักแป๊บหนึ่ง” เก็ทบอกเล่าอาการหลังเริ่มอดอาหารตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค. 2565 ที่ผ่านมา
เราเล่าอาการตะวันให้เก็ทฟังว่า ตะวันเริ่มอ่อนเพลียมากแล้ว แต่ตะวันก็พยายามนอนเพื่อไม่ใช้พลังงานมาก ในขณะที่เก็ทบอกว่า “ผมก็พยายามอยู่นิ่งๆ ไม่ได้ทำกิจกรรมมาก แต่ผมนอนแค่ช่วงกลางคืน ไม่อยากนอนมากเพราะฝันร้าย”
.
อ่านหนังสือได้น้อยลง พออดอาหาร energy แผ่ว
เก็ทย้ายมาอยู่แดน 4 ได้หลายวันแล้ว ตอนนี้แดนนี้กลายเป็นแดนรอจำแนก
“ผมไม่อยากย้ายไปแดนอื่นเลย อยู่ที่นี่ มีหนังสือให้อ่าน หนังสือของกวิ้น (“เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์) เยอะมาก เป็นหนังสือที่ถูกจริต ตอนอยู่แดนสองมีแต่หนังสือ life coach” รู้ได้อย่างไรว่าเป็นหนังสือเพนกวินเราถาม “เขาเขียนไว้ในหนังสือให้อ่านให้สนุก”
เมื่อถามถึงหนังสือที่เขาอ่านช่วงนี้ เก็ทบอกว่าเขาอ่านหลายเรื่อง “หนังสือฟ้าเดียวกัน ก็มีหลายเรื่องน่าสนใจ ปาตานี ประวัติศาสตร์ ฯลฯ แต่พอ อดอาหาร energy มันแผ่ว อ่านได้ไม่นาน จากปกติ 100 หน้า ใช้เวลาอ่านต่อเนื่อง 2-3 ชั่วโมง แต่สองสามวันมานี้อ่านได้ 10 หน้าก็ตาลายแล้ว”
เก็ทปรับตัวได้ดีในแดน 4 แม้จะมีประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เขาไม่เคยเจอ แต่เมื่อเราถามถึงการอดอาหาร เขายืนยันว่าจะอดข้าวต่อไป “คนในนี้บอกว่าผมดื้อ อดไปก็ไม่มีใครเห็น แต่ผมจะอดต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะออก” เขายังมุ่งมั่นที่จะทำให้คนในกระบวนการยุติธรรมคืนสิทธิขั้นพื้นฐานในการประกันตัวให้เขา
.
ถ้าไม่ได้ออกไปสอบ ผมจะประกอบอาชีพนี้ไม่ได้ไปหนึ่งปีเลย
หลังจากคุยถึงชีวิตความเป็นอยู่ เราคุยถึงแผนการยื่นประกันอีกครั้ง และทบทวนคำสั่งเดิมที่ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวในครั้งแรก เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2565
“กรณีนี้ปรากฏว่าผู้ต้องหาเคยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวของศาลนี้ ในข้อหาร่วมกันดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในระหว่างพิจารณา อันเนื่องมาจากผู้ต้องหากับพวกรวมตัวกันชุมนุมมั่วสุมที่ศาลอาญา ปราศรัยเรียกร้อง รวมถึงแสดงความไม่พอใจในการทำหน้าที่ของศาล ในคดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้อง พริษฐ์ หรือ ‘เพนกวิน’ ชิวารักษ์ ต่อศาลนี้ ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี ซึ่งคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล ผู้ต้องหายังกระทำการอันเป็นเหตุให้ถูกจับกุมเป็นคดีนี้อีก จึงน่าเชื่อว่าหากให้ปล่อยชั่วคราวไป ผู้ต้องหาอาจหลบหนี หรือไปกระทำการในทำนองเดียวกันนี้ หรือก่อภัยอันตรายประการอื่นอีก จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหา”
เห็นกันว่าศาลนำข้อเท็จจริงนอกสำนวนคดีนี้มาพิจารณาด้วย เพราะในคดีที่เขาถูกฝากขังอยู่นี้ ศาลไม่เคยกำหนดเงื่อนใดๆ มาก่อน
เก็ทบอกด้วยว่า เขาจำเป็นต้องออกไปสอบใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขารังสีเทคนิค ซึ่งจะสอบในช่วงเดือนกรกฎาคม 2565 และยังจำเป็นต้องสมัครสอบ ตรวจสุขภาพเพื่อใช้ใบรับรองแพทย์ และเข้าร่วมการติวที่มหาวิทยาลัยเห็นความสำคัญและช่วยจัดติวให้ในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ก่อนด้วย
“ถ้าผมไม่ได้ออกไปสอบ ผมต้องไปสอบ ก.ค. ปีหน้า หมายความว่าผมจะประกอบอาชีพนี้ไม่ได้เลยไปหนึ่งปี ก่อนหน้านี้ผมเคยจะไปสมัคร part time แต่ทางโรงพยาบาลก็ไม่รับเช่นกัน เพราะแม้จะเป็น part time ก็ต้องมีใบอนุญาต เพราะงานมันเป็นรังสี อันตราย เวลาทำงานก็ต้องทำเป็นคู่มี Buddy คอยรีเช็ค ทั้งหมดทั้งมวลคือจะว่างงานในวิชาชีพนี้เลย
“อีกอย่างที่กังวล กลัวว่าจะมีผลต่อการประเมินการเข้าศึกษาต่อหลักสูตร MCAT ซึ่งหากเขาเข้าศึกษาต่ออีก 4 ปี ก็จะได้ปริญญาแพทย์ศาสตร์ หลักสูตรนี้มีอยู่หลายประเทศทั่วโลกเลยพี่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ฯลฯ”
ในขณะที่มาตรา 87 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา บัญญัติว่า “ห้ามมิให้ควบคุมผู้ถูกจับไว้เกินกว่าจําเป็นตามพฤติการณ์แห่งคดี” และ ร.ต.อ.โยธี เสริมสุขต่อ พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ เคยเบิกความต่อศาลในระหว่างการฝากขังว่า “การปล่อยตัวโสภณไม่มีผลต่อการสอบสวนและทำสำนวนคดี” และอ้างว่า “เกรงว่าเมื่อมีการสรุปสำนวนแล้วหากไม่มีตัวผู้ต้องหาอยู่ในอำนาจศาลหรือจะให้ทำการหมายเรียกผู้ต้องหาเองก็จะเป็นการยาก” (ดูรายละเอียดการไต่สวนคัดค้านฝากขัง ที่นี่)
เทียบน้ำหนักกับสิ่งที่เก็ทซึ่งยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตามหลักการสันนิษฐานว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด อาจต้องสูญเสียไประหว่างการควบคุมตัว กับความกลัวว่าจะติดตามผู้ต้องหามาฟ้องลำบาก ศาลจะยังคงพิจารณาฝากขัง และไม่อนุญาตให้เก็ทประกันตัวอีกนานเท่าใด
.
อ่านเพิ่มเติม
“เก็ท” #โมกหลวงริมน้ำ : จากนักศึกษาแพทย์รังสี สู่ผู้ถูกคุมขังในคดีความมั่นคงของรัฐ
บันทึกเยี่ยมเก็ท โสภณ: โมกหลวงในเรือนจำ อดอาหารวันแรกขอใช้สิทธิขั้นพื้นฐาน เรียกร้องสิทธิประกันตัว
.