วันที่ 28 มี.ค. 2567 ที่เรือนจำกลางเชียงราย ทนายความเข้าเยี่ยม “บัสบาส” มงคล ถิระโคตร นักกิจกรรมในจังหวัดเชียงรายวัย 30 ปี ที่ถูกศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาลงโทษจำคุก 50 ปี ในคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากกรณีการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กที่ศาลเห็นว่ามีความผิดจำนวน 25 ข้อความ และศาลฎีกามีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวระหว่างฎีกา ทำให้เขาถูกคุมขังมาตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค. 2567 โดยกรณีของบัสบาสนับเป็นคดี มาตรา 112 ที่ถูกลงโทษสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
บัสบาสอดอาหารมาตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ. 2567 รวมระยะเวลา 31 วันแล้ว เพื่อต้องการเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังคดีทางการเมืองทั้งหมด โดยได้กลับมาดื่มน้ำ หลังจากอดไปช่วงหนึ่ง
บัสบาสแจ้งว่าเขามีอาการเบลอและอ่อนเพลีย และการเรียบเรียงคำพูดอาจสับสนบ้าง ปัจจัยที่อากาศเริ่มร้อนจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคม ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนว่าอาการซึมเศร้าที่เคยเป็นอยู่ จะกลับมา โดยมีอาการวิตกกังวลบ้าง แต่ได้พบจิตแพทย์ไปเมื่อวันจันทร์
ตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ 25 มี.ค. ที่ผ่านมา มีการให้แพทย์เข้ามาตรวจประเมินเขา และมีการพูดโน้มน้าวให้เขารับประทานอาหาร แต่เขายังยืนยันว่าต้องการอดอาหารต่อไป เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษทางการเมืองทุกคน
บัสบาสบอกว่าอาการโดยรวมตอนนี้ ยังพอไหว ใช้ชีวิตประจำวันได้ โดยช่วงนี้ยังถูกขังรวมที่ห้องเดิมร่วมกับผู้ต้องขังคนอื่นอยู่ ในช่วงเวลาที่ผู้ต้องขังคนอื่น ๆ ทานข้าว เขาก็จะไม่ทาน และไม่มีใครบังคับให้ไปทาน
หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน บัสบาสแจ้งว่าเท่าที่ทราบทางเรือนจำได้มีการอบรมเพื่อนผู้ต้องขังบางส่วนในการประถมพยาบาลเบื้องต้นไว้ และจะให้มาดูแลก่อน พร้อมคอยระวังไม่ให้เขาเป็นลม
ขณะที่พูดคุยกันอยู่ในบางช่วง บัสบาสมีอาการนิ่งเหมือนจะนึกถ้อยคำไม่ออก แล้วก็พูดคำภาษาอังกฤษบางอย่างออกมา อาจสะท้อนถึงอาการมึนเบลอของเขาจากการอดอาหารที่ดำเนินอยู่นี้
ส่วนเรื่องจดหมายและโปสการ์ด บัสบาสแจ้งว่ายังไม่ได้รับเลยแม้แต่ฉบับเดียว และไม่มีการแจ้งเลยว่ามีจดหมายส่งเข้ามา แม้จะทราบจากภายนอกว่ามีเพื่อน ๆ ทยอยส่งจดหมายเข้ามา เขาได้สอบถามไปยังผู้คุมเรือนจำแล้ว ได้คำตอบว่าเขาจะได้รับจดหมายจากผู้ที่บัสบาสได้ลงชื่อเป็นญาติไว้เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นจดหมายที่ส่งเข้ามาหรือจะส่งออกไป อ้างว่าเป็นกฎของเรือนจำ
พร้อมกับมีข้อแนะนำให้บุคคลภายนอกเขียนจดหมายไปถึงพ่อหรือแม่ของเขา แล้วให้พ่อกับแม่ของเขาเขียนแจ้งว่าบุคคลนั้นเกี่ยวข้องอย่างไรกับบัสบาส ก่อนให้พ่อกับแม่ส่งจดหมายไปที่เรือนจำอีกที ซึ่งฟังดูก็เป็นขั้นตอนยุ่งยากพอสมควร
แต่บัสบาสก็ยังสงสัยว่าขั้นตอนการส่งจดหมายต้องเป็นเช่นนั้นจริงไหม เพราะเห็นว่าปกติเพื่อนผู้ต้องขังก็ได้รับจดหมายจากคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้ลงชื่อเยี่ยมไว้ จึงอยากให้ทุกคนลองตรวจสอบเรื่องเหล่านี้
ก่อนแยกย้ายกัน บัสบาสได้ฝากข้อความสั้น ๆ ออกมาสื่อสารภายนอกว่า “เราผิดมากหรือที่ต้องการเห็นสังคมไทยที่ดีกว่านี้”
.