ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีคาร์ม็อบกำแพงเพชรใหม่เป็นครั้งที่ 3 ยังเห็นว่าผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จำเลยเตรียมอุทธรณ์ต่ออีก

31 ม.ค. 2567 ศาลจังหวัดกำแพงเพชรนัดฟังคำพิพากษาในคดีของอภิสิทธิ์ พรมฤทธิ์ อดีตผู้สมัคร นายก อบจ. กำแพงเพชร ของคณะก้าวหน้า และปัจจุบันเป็นกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล กรณีร่วมกิจกรรมคาร์ม็อบ #กำแพงเพชรจะไม่ทน เพื่อเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2564 โดยถูกฟ้องในข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดกำแพงเพชร และข้อหาไม่แจ้งการชุมนุมสาธารณะ ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมฯ ทั้งนี้เป็นการพิพากษาเป็นครั้งที่สามของศาลชั้นต้นแล้ว

.

ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ ทำให้ศาลต้องอ่านคำพิพากษาใหม่เป็นครั้งที่สาม

คดีนี้จำเลยต่อสู้คดี และหลังสืบพยานเสร็จสิ้น ศาลจังหวัดกำแพงเพชรได้มีคำพิพากษาครั้งแรกสุด เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2565 โดยพิพากษายกฟ้องจำเลย โดยเห็นว่าการชุมนุมคาร์ม็อบตามฟ้อง ไม่ปรากฏเหตุรุนแรงหรือกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยในชีวิตหรือทรัพย์สินของรัฐหรือบุคคล และคำสั่งจังหวัดกำแพงเพชรที่ 1810/2564 ข้อที่ 20 ไม่มีสภาพบังคับเด็ดขาดว่าผู้ฝ่าฝืนจะมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 

แต่หลังอัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2566  ศาลอุทธรณ์ภาค 6 เห็นว่าควรย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่ เนื่องจากเห็นว่าข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นั้นมีสภาพบังคับ แต่ศาลชั้นต้นไม่ได้วินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดฐานเป็นผู้จัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มกันเกินกว่า 100 คนหรือไม่ 

เดือนถัดมา 20 มี.ค. 2566 ศาลจังหวัดกำแพงเพชรอ่านคำพิพากษาเป็นครั้งที่ 2 วินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และประกาศจังหวัดกำแพงเพชร โดยเห็นว่าจำเลยใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวในการประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนให้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ และภายในกิจกรรมดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมประมาณ 200 คน ไม่มีการจัดมาตรการตรวจวัดไข้ ไม่มีการเว้นระยะห่าง จึงทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 จึงเข้าข่ายเป็นผู้จัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มเกินกว่า 100 คน ขึ้นไป 

ศาลลงโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 30,000 บาท คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุให้บรรเทาโทษ 1 ใน 3 คงโทษจำคุก 2 เดือน และปรับ 20,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยมีประวัติได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี

ทั้งนี้ คำพิพากษาทั้งสองครั้ง พิพากษาโดยผู้พิพากษา ได้แก่ ไตรสิทธิ์ วิสูตรธนาวิทย์

หลังศาลชั้นต้นกลับไปเห็นว่ามีความผิด ฝ่ายจำเลยจึงได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา จนเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2566 ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ได้วินิจฉัยให้ศาลชั้นต้นจัดทำคำพิพากษาใหม่อีกครั้ง เนื่องจากในคำพิพากษาศาลชั้นต้นครั้งที่สองนี้ มีผู้พิพากษาลงชื่อในคำพิพากษาเพียงคนเดียว ในคดีที่ลงโทษปรับเกิน 10,000 บาท คำพิพากษาจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ศาลชั้นต้นต้องนัดฟังคำพิพากษาใหม่เป็นครั้งที่สาม

.

ศาลชั้นต้นพิพากษาเช่นเดิม แต่มีผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเป็นผู้วินิจฉัย

เวลา 9.00 น. อภิสิทธิ์ พร้อมกับเพื่อน เดินทางมาฟังคำพิพากษา ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 3 หลังศาลนั่งพิจารณา ได้อ่านคำพิพากษาทันที โดยมีเนื้อหาการวินิจฉัยเช่นเดียวกับการพิพากษาของศาลชั้นต้นในครั้งที่ 2 ก่อนหน้านี้ เพียงแต่ระบุว่าเป็นการวินิจฉัยโดยผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดกำแพงเพชร ให้ลงโทษจำคุก 2 เดือน ปรับ 20,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี

ทั้งนี้ ค่าปรับตามคำพิพากษา จำเลยได้ชำระไว้ตั้งแต่ในวันฟังคำพิพากษาครั้งก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้ไม่ต้องชำระใหม่อีก และสามารถเดินทางกลับได้

อภิสิทธิ์ ระบุว่า คดีของเขาน่าจะแปลกที่สุดในบรรดาคดีคาร์ม็อบทั่วประเทศ เนื่องจากศาลชั้นต้นต้องอ่านคำพิพากษาถึงสามครั้ง โดยเขาเตรียมจะอุทธรณ์คำพิพากษาใหม่อีกเช่นกัน เพราะต้องการต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด และไม่คิดว่าตนเองมีความผิด เนื่องจากไม่ใช่ผู้จัดกิจกรรมคาร์ม็อบครั้งนั้น และศาลพิจารณาโดยเชื่อถือพยานโจทก์ที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเห็นว่าไม่มีสาเหตุโกรธเคือง ทั้งที่ตำรวจมีการติดตามเพ็งเล็งประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างเฉพาะเจาะจง มีการจัดทำรายชื่อเฝ้าระวัง และปัจจุบันตนก็ยังถูกตำรวจมาหาที่บ้านเป็นระยะอยู่เลย 

อภิสิทธิ์ระบุว่า แม้คดีจะใช้เวลาต่อสู้มาก และทำให้เป็นภาระในการที่เขาต้องไปศาลไม่สิ้นสุด แต่ก็เป็นต้นทุนที่เขาแลก เพื่อยืนยันในการออกไปร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา และการอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทั้งในสังคมไทย และในจังหวัดกำแพงเพชร 

หากรวมระยะเวลาจนถึงปัจจุบัน คดีนี้ใช้เวลาต่อสู้ไปแล้วเกือบ 2 ปี 6 เดือน โดยฝ่ายจำเลยต้องไปยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาใหม่อีกครั้ง

.

ย้อนอ่านเรื่องราวของอภิสิทธิ์ และบันทึกการสืบพยานคดีนี้

“ถ้าไม่ทำวันนี้ ก็จะไม่มีวันข้างหน้า” คุยกับจำเลยคดีคาร์ม็อบกำแพงเพชร จากนักพัฒนาชุมชน ถึงคนทำงานการเมือง

ก่อนพิพากษาคดี “คาร์ม็อบกำแพงเพชร” : ไม่ใช่ผู้จัด-กิจกรรมไม่เสี่ยงแพร่โรค-การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ สะท้อนปัญหาการใช่ กม. ของรัฐ

.

X