ศาลอาญากรุงเทพใต้ลงโทษจำคุก “บุ้ง” 1 เดือน คดีละเมิดอำนาจศาล ส่วน “หยก” ให้ตักเตือน ชี้ตั้งใจสร้างความปั่นป่วน ลดความน่าเชื่อถือของศาล

วันที่ 26 ม.ค. 2567 เวลา 09.00 น. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีนัดฟังคำสั่งในคดีละเมิดอำนาจศาลที่มี “บุ้ง” เนติพร (สงวนนามสกุล) นักกิจกรรมกลุ่มทะลุวัง และ “หยก” เยาวชนหญิงวัย 15 ปี เป็นผู้ถูกกล่าวหา จากกรณีที่เดินทางไปศาลอาญากรุงเทพใต้เพื่อฟังคำพิพากษาและให้กำลังใจ “โฟล์ค” สหรัฐ สุขคำหล้า ที่ถูกพิพากษาจำคุกในคดีมาตรา 112 เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2566 

ทั้งนี้ ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่ง โดยพิเคราะห์ว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองรายได้มีการตระเตรียมเพื่อมาสร้างความปั่นป่วน – วุ่นวาย ลดความน่าเชื่อถือของศาลยุติธรรม เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล จึงมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 31 วรรคหนึ่ง, มาตรา 33 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ให้ลงโทษจำคุกบุ้ง 1 เดือน ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 หรือหยก ศาลเห็นว่าขณะกระทำผิดยังเป็นเยาวชน อาจทำไปโดยตกอยู่ภายใต้การควบคุมสั่งการหรือถูกยุยงจากบุคคลอื่น จึงเห็นควรให้โอกาสหยกอีกสักครั้ง โดยให้ว่ากล่าวตักเตือน

เหตุในคดีนี้เกิดขึ้นขณะที่โฟล์ค อดีตสามเณร ถูกควบคุมตัวระหว่างรอฟังคำสั่งประกันตัวในชั้นอุทธรณ์ หลังศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีมาตรา 112 จากการปราศรัยพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ ในการชุมนุม ‘บ๊ายบายไดโนเสาร์’ ของกลุ่มนักเรียนเลว ที่สยามสแควร์ เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2563

ในวันที่ 22 ม.ค. 2567 ศาลได้ไต่สวนพยานฝ่ายผู้กล่าวหา 2 ปาก ได้แก่ ตร.ศาลที่ใช้ดิ้วเหล็กฟาดบุ้ง และ รปภ.ศาลที่อยู่ในเหตุการณ์ ด้านผู้ถูกกล่าวหามีพยานเข้าเบิกความตอบศาล 1 ปาก คือ บุ้ง เนติพร จนเสร็จสิ้น ก่อนนัดฟังคำสั่งในวันที่ 26 ม.ค. 2567  ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่บุ้งและตะวันต้องมาฟังคำสั่งต่อคำร้องขอถอนประกันของพนักงานสอบสวน ในคดีมาตรา 112 กรณีทำโพลขบวนเสด็จที่ห้างสยามพารากอนเมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2565  โดยพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลถอนประกัน โดยอ้างเหตุว่าการที่ทั้งสองคนเข้าร่วมการรวมตัวแสดงออกหน้ากระทรวงวัฒนธรรมเพื่อเรียกร้องให้ถอดเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ สว. ออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2566 นั้น เป็นสิ่งที่ผิดเงื่อนไขการให้ประกันตัวของทั้งสองคน 

ในวันนี้ (26 ม.ค. 2567) เวลา 09.00 น. สื่อมวลชนเดินทางมารอดูสถานการณ์และสัมภาษณ์บุ้งจำนวนมากที่บริเวณประตูทางออกของศาลอาญากรุงเทพใต้ พร้อมกับประชาชนและกลุ่มเพื่อนจำนวนมากที่ร่วมเดินทางมาเพื่อสังเกตการณ์พิจารณาคดีในวันนี้

ต่อมา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 503 เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ศาลจะยังไม่อ่านคำสั่งในคดีละเมิดอำนาจศาล เนื่องจากบุ้งต้องไปรอฟังคำสั่งคำร้องขอถอนประกันในอีกคดีหนึ่งร่วมกับ “ตะวัน” ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ที่ห้องพิจารณาคดี 505 ก่อน

และในเวลา 10.00 น. ภายหลังศาลมีคำสั่งให้ถอนประกันบุ้งเพียงคนเดียว เนื่องจากพยานหลักฐานของผู้ร้องชี้ว่าบุ้งได้ทำผิดเงื่อนไขการประกันตัวในคดีดังกล่าว บุ้งได้ถูกนำตัวมาที่ห้องพิจารณาคดี 503 ต่อ เพื่อรอฟังคำสั่งในคดีละเมิดอำนาจศาล

ในวันนี้ บุ้ง ในฐานะผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้เดินทางมาเพื่อฟังคำสั่งเพียงคนเดียว โดยศาลได้เรียกให้บุ้งลุกขึ้นรายงานตัวก่อนจะเริ่มอ่านคำสั่งโดยสรุปว่า เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองเป็นเพียงบุคคลภายนอก ไม่ได้เป็นคู่ความหรือมีส่วนได้ส่วนเสียในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ. 2150/2564 ที่สหรัฐเป็นจำเลย แม้จะอ้างว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองเป็นเพื่อนกับจำเลยก็ตาม แต่ย่อมไม่มีสิทธิเข้าไปก้าวก่ายหรือกระทำใดที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่คดี รวมทั้งการเข้าหาจำเลยที่อยู่ในระหว่างการควบคุมตัวโดยพลการ

และหากผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองต้องการทราบว่า การกระทำใดกระทำได้ หรือการกระทำใดไม่สามารถกระทำได้ ย่อมสามารถสอบถามเจ้าพนักงานตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประจำการอยู่ที่บริเวณใกล้กับห้องควบคุมตัวในขณะนั้นได้ แต่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองหาได้กระทำไม่ 

กลับมีภาพปรากฏตามเหตุการณ์ในคลิปวิดีโอว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสอง โดยหยกได้ถือวิสาสะปีนรั้วศาลเข้าไปหาจำเลยถึงช่องหน้าต่างของห้องควบคุมในลักษณะท้าทายเจ้าหน้าที่ อันถือว่ามีเจตนาฝ่าฝืนมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ควบคุมอย่างร้ายแรง โดยเชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองรู้อยู่แล้วว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตหวงห้ามเด็ดขาด แต่ยังคงเพิกเฉยและไม่ใส่ใจ

เมื่อพยานทั้งสองซึ่งมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของบุคคล อาคารสถานที่ และทรัพย์สินในบริเวณศาล เข้าไปแจ้งเตือนและสั่งให้หยุดการกระทำดังกล่าว หากผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองบริสุทธิ์ใจและกระทำการโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ย่อมต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ในทันที แต่แทนที่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองจะสำนึกได้และหยุดการกระทำของตัวเอง กลับแสดงท่าทีคุกคามและตามเข้าไปด่าทอ พยายามทำร้ายเจ้าหน้าที่ถึงบริเวณศาล

พฤติกรรมที่เกิดขึ้นจึงทำให้เชื่อได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองมีการเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าว่าจะมาสร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นในบริเวณศาล เพื่อต้องการผลอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือต้องการทำลายภาพลักษณ์หรือความน่าเชื่อถือของศาลยุติธรรมให้ปรากฏแก่บุคคลภายนอก

ศาลเห็นว่า การกระทำของผู้กล่าวหาทั้งสองเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ส่วนข้อต่อสู้ของบุ้งที่อ้างว่าหยกเพียงแค่ต้องการพูดคุยกับจำเลยเท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ไม่อนุญาต จึงจำเป็นต้องกระทำดังกล่าว และได้เห็นว่าพนักงานตำรวจศาลใช้กำลังผลักดันหยกจนถูกที่บริเวณหน้าอกของเธอเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง และต้องการทราบชื่อเพื่อดำเนินคดี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจศาลคนดังกล่าวไม่ยอมบอก จึงตามเข้าไปในบริเวณศาลเพื่อต้องการรู้ชื่อ และกลับถูกผลักที่หน้าอกทำให้เกิดความโมโห จึงใช้เท้าเตะไปหนึ่งครั้ง ซึ่งเตะไม่ถูก แต่เจ้าพนักงานตำรวจตอบสนองด้วยการตีจนได้รับบาดเจ็บ 

ล้วนแล้วแต่ขัดแย้งและแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคลิปวิดีโอ อีกทั้งหยกก็ไม่ได้มาเบิกความเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงถึงข้อต่อสู้ของบุ้ง การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองจึงเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล

มีคำสั่งว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 31 วรรคหนึ่ง, มาตรา 33 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ให้ลงโทษจำคุกบุ้งกำหนด 1 เดือน

ส่วนหยก ศาลเห็นว่าในขณะกระทำผิดเป็นเยาวชน อาจทำไปโดยตกอยู่ภายใต้การควบคุมสั่งการหรือถูกยุยงจากบุคคลอื่นจึงเห็นควรให้โอกาสอีกสักครั้งโดยให้ว่ากล่าวตักเตือน

แต่ในวันนี้ หยกไม่ได้เดินทางมาร่วมฟังการพิจารณาคดี ศาลจึงออกหมายจับมาฟังคำสั่งศาล โดยเมื่อจับได้หยกจะถูกนำตัวมาฟังคำสั่งของศาลในคดีนี้ภายหลัง 

หลังฟังคำสั่งศาล บุ้งได้พูดคุยปรึกษากับทนายก่อนตัดสินใจว่า จะไม่ยื่นประกันตัวในวันนี้ ทำให้บุ้งจะถูกส่งตัวเข้าทัณฑสถานหญิงกลางในเย็นวันนี้ทันที และทำให้ยอดผู้ต้องขังคดีทางการเมืองที่อยู่ในระหว่างการสู้คดีเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 26 รายแล้ว

X