ยกฟ้อง 4 นักกิจกรรม-ประชาชน คดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เหตุร่วมคาร์ม็อบ #ขบวนกี2 ระบุไม่มีหลักฐานว่าเป็นผู้จัดการชุมนุม

20 ธ.ค. 2566 เวลา 09.00 น. ศาลแขวงพระนครใต้นัดฟังคำพิพากษาในคดีของ 4 นักกิจกรรมและประชาชน ได้แก่ “แอมป์” ณวรรษ เลี้ยงวัฒนา, ธารารัตน์ ไพบูลย์ธนสมบัติ, แทนฤทัย แท่นรัตน์ และปพัชชา บู่สังข์ ในข้อหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากการจัดกิจกรรมคาร์ม็อบ #ขบวนกี2 #อัยจะขยี้ยูวให้แหลกคึ ของกลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก เพื่อไปเข้าร่วม “คาร์ม็อบใหญ่ ไล่ทรราช” เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2564 จัดโดยแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม บริเวณแยกราชประสงค์ 

สำหรับคดีนี้ จำเลยทั้ง 4 คน ถูกฟ้องในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ “ร่วมกันชุมนุมทํากิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคฯ ที่มีจํานวนมากกว่า 5 คน และร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด” 

สำหรับการต่อสู้คดี ศาลได้นัดสืบพยานไปเมื่อวันที่ 5-6 และ 11 ต.ค. 2566 จำเลยทั้ง 4 ยืนยันว่า ตนไม่ใช่ผู้จัดการชุมนุมในวันดังกล่าว จึงไม่ได้มีหน้าที่ดูแลจัดการการชุมนุม การชุมนุมยังเกิดขึ้นในพื้นที่โล่งกว้าง อากาศถ่ายเท ผู้ชุมนุมมีการสวมใส่หน้ากากอนามัย ไม่ได้เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกทั้งเป็นการชุมนุมโดยสงบและเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มีพฤติการณ์วุ่นวายหรือก่อความรุนแรงแต่อย่างใด 

ในวันนี้ ศาลได้อ่านคำพิพากษาที่ห้องพิจารณาคดี 7 ชั้น 4 เวลา 09.50 น. ภายในห้องพิจารณาประกอบด้วย พนักงานอัยการโจทก์ จำเลยทั้งสี่ ทนายจำเลย ผู้สังเกตการณ์คดีและสื่อมวลชน  

ศาลออกนั่งอ่านคำพิพากษา ใจความโดยสรุปว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในประเด็นเรื่องฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แม้จากหลักฐานพยานโจทก์จะเห็นว่า จำเลยทั้งสี่เข้าร่วมชุมนุมทำกิจกรรมบริเวณหน้าตึกซิโนทัย ร่วมกันปราศรัย พ่นสี แจกใบปลิว และอื่น ๆ แต่โดยพฤติการณ์ดังกล่าวไม่ได้มีลักษณะเป็นแกนนำ หรือผู้จัดให้มีการชุมนุม รวมถึงไม่มีหลักฐานปรากฎว่าจำเลยทั้งสี่เป็นผู้จัดการชุมนุมแต่อย่างใด 

พยานหลักฐานจึงยังมีความสงสัยตามสมควรว่าจําเลยได้กระทําความผิดตามฟ้องหรือไม่ จึงต้องยกประโยชน์ความสงสัยให้จำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง พิพากษายกฟ้อง 

อนึ่ง สำหรับการชุมนุม #ม็อบ10สิงหา หรือ #คาร์ม็อบใหญ่ไล่ทรราช โดยแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมนัดหมายที่แยกราชประสงค์ ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนไปที่อาคารชิโน-ไทย ทาวเวอร์, บ้านของธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอาคารคิง พาวเวอร์ ก่อนที่จะยุติกิจกรรมในเวลา 17.06 น. โดยทางกลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอกได้ร่วมจัดกิจกรรมคาร์ม็อบของตนเอง และเคลื่อนขบวนไปสมทบกับคาร์ม็อบใหญ่ดังกล่าว

สำหรับกิจกรรม #ขบวนกี2 นอกจากนักกิจกรรมทั้ง 4 คน ในคดีนี้แล้ว ยังมีเยาวชนอีก 2 ราย ที่ถูกดำเนินคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ได้แก่ “ต้นอ้อ” ขณะเกิดเหตุอายุ 17 ปี และ “ปิง” (นามสมมติ) ขณะเกิดเหตุอายุ 16 ปี ซึ่งถูกฟ้องที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง แต่คดีนี้ ศาลได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2566 โดยเห็นว่าเยาวชนทั้งสองมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษปรับคนละ 4,000 บาท 

จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน พบว่ากิจกรรมคาร์ม็อบของกลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอกในช่วงปี 2564 ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีทั้งสี่ครั้ง แยกเป็นทั้งหมด 8 คดี โดยเป็นคดีผู้ใหญ่และคดีเยาวชน ซึ่งปัจจุบันแต่ละคดีเริ่มทยอยมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้นออกมาแล้ว เหลือเพียงคดีคาร์ม็อบ #ม็อบ9ตุลา64 หรือ #ขบวนกีv.4 ที่ยังอยู่ในชั้นสอบสวน

X