บันทึกเยี่ยม มะ-มาย-ไพฑูรย์-สุขสันต์  4 ผู้ต้องขังทางการเมือง ระหว่างวันที่ 4-8 ธ.ค. 2566  

ระหว่างวันที่ 4-8 ธ.ค. 2566 ทนายความได้เข้าเยี่ยม “มะ” ณัฐชนน และ “มาย” ชัยพร ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังได้เข้าเยี่ยม “ไพฑูรย์-สุขสันต์” ที่เรือนจำกลางคลองเปรมด้วย 

ในบรรยากาศวันพ่อที่ผ่านมามะ” ณัฐชนน เป็นผู้ต้องขังคนเดียวที่มีลูกในบรรดา 4 คนที่ทนายได้เข้าเยี่ยม เขาเล่าให้ทนายฟังเกี่ยวกับลูกอย่างมีความสุข แม้ว่าจะเจอลูกเพียงแค่ในภาพถ่ายทางจดหมาย และเพิ่งได้เจอลูกตัวจริงครั้งแรกเมื่อ 2-3 เดือนก่อน ขณะที่ “มาย” ชัยพร กำลังอ่านหนังสือที่ได้รับจากคนนอกเรือนจำ เขาสนใจที่จะได้อ่านภาคต่อ ๆ ไปของหนังสือเล่มนั้น ส่วน “ไพฑูรย์-สุขสันต์” ถูกจำแนกแดน โดยไพฑูรย์ต้องย้ายไปอยู่แดนใหม่ ต้องปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมในแดนใหม่อีกครั้ง ขณะที่สุขสันต์ยังคงอยู่ในแดนเดิม 

.

“มะ” ณัฐชนน: “ผมอยากอยู่กับลูกตั้งแต่วันแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาดูโลกเลย แต่กลายเป็นว่า ครั้งแรกที่ผมได้เจอลูกคือวันเยี่ยมญาติรอบพิเศษ”

ทนายที่เข้าเยี่ยมเห็นว่ามะยังเข้มแข็งเหมือนทุกครั้ง เขาบอกว่า สุขภาพกายไม่มีอะไรน่าห่วง ส่วนสุขภาพใจก็มีบางครั้งที่จิตตก

“ไม่รู้ว่าเพราะอยู่มานานรึเปล่า ก็มีจิตตกบ้าง แต่มันก็กลับมาเป็นปกติ คงเป็นเพราะอยู่ข้างนอกเรามีสิทธิเสรีภาพทุกอย่าง แต่อยู่ข้างในมันไม่มี พอตั้งหลักได้ ผมก็บอกกับตัวเองว่าจะสู้ต่อไป ถ้าได้ออกไปก็จะไม่ทอดทิ้งใครในนี้ เพราะผมรู้ว่ามันหดหู่แค่ไหน”

มะเล่าให้ฟังว่าเขามีลูกชาย 1 คน อายุ 9 เดือน ทุกครั้งที่พูดถึงลูก มะจะมีรอยยิ้มตลอด

“ตอนแฟนท้อง ผมยังไม่รู้เรื่องเลยพี่ ผมน่าจะถูกตัดสินจำคุกวันที่ 10 หรือ 11 สิงหาคม ปี 2565 ก็กักอยู่แดน 2 จนย้ายมาอยู่แดน 4 ระหว่างนั้นแฟนก็เดินเรื่องประกันตัวให้ แต่ไม่เคยได้รับสิทธิประกันตัว แล้วเขาน่าจะมีอาการแพ้ท้องช่วงนั้น พอไปตรวจก็น่าจะท้องได้ 2 เดือนแล้วมั้ง ตอนได้คอลไลน์คุยกันครั้งแรกจากแดน 4 เขาก็บอกผมว่า เขาท้อง

“พอรู้ผมก็ตกใจ เพราะผมไม่อยากให้ลูกมีโชคชะตาที่แบบ พ่อถูกขังคุกอยู่ในเรือนจำ ไม่ได้อยู่ข้างนอกเหมือนครอบครัวปกติ เป็นห่วงทั้งลูก ทั้งแฟน ตอนอยู่ข้างนอกผมก็เป็นเสาหลักของครอบครัวด้วย พออยู่ข้างใน มันทำอะไรไม่ได้ ผมเลยอยากให้คดีมันจบเร็วที่สุด อยากกลับไปดูแลครอบครัว เพราะสู้คดีต่อมันก็ไม่แน่ว่าจะได้รับสิทธิประกันตัวนี่พี่ เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผมยอมรับสารภาพเลย”

หลังจากนั้นมะไม่เคยได้เจอหน้าลูกเลย เพิ่งได้เจอลูกครั้งแรกเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา

“คิดถึงลูกทุกวัน ผมอยากอยู่กับลูกตั้งแต่วันแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาดูโลกเลย แต่กลายเป็นว่า ครั้งแรกที่ผมได้เจอลูก ได้กอดลูกกับแฟนคือวันเยี่ยมญาติรอบพิเศษ ประมาณ 2-3 เดือนก่อน ใจหนึ่งก็รู้สึกแย่ที่ต้องมาเจอกันในนี้ แต่อีกใจหนึ่งก็ดีใจจนพูดไม่ออก ไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกตอนนั้นยังไง (ยิ้ม แววตามีความสุข) แม้ว่าผมจะมีช่วงเวลานั้นแค่ 2 ชั่วโมงก็ตาม แฟนบอกว่าลูกหน้าเหมือนผมนะ แต่ผิวน่าจะได้แม่เขามา (หัวเราะ)”

เนื่องจากทนายความได้เข้าเยี่ยมช่วงหลังจากวันพ่อ จึงมีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องลูกมากเป็นพิเศษ

“ก็มันเป็นปีแรกของเขา แล้วก็เป็นปีแรกของผมด้วยที่เป็นพ่อเขา (ยิ้ม) อยากบอกลูกว่าคิดถึงมาก ๆ อยากอยู่ด้วยในทุก ๆ วัน อยากทำให้ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเหมือนครอบครัวธรรมดาทั่ว ๆ ไป แม้ตอนนี้จะยังทำไม่ได้ แต่พ่ออยากกอดลูกมาก ๆ เลยนะ

“อยากพาลูกไปเที่ยวสวนสัตว์หรือทะเล ล่าสุด แฟน ลูก แล้วก็แม่ผม พากันขึ้นรถไฟไปเที่ยวกาญจนบุรี (ยิ้ม) ถึงลูกจะยังไม่รู้เรื่องมาก แต่เขาก็ดูสนุกสนาน ร่าเริง แจ่มใส อยากใช้เวลาอยู่กับเขาให้ดีที่สุด

“ถ้าได้ออกไปผมคงแย่งลูกดูทีวีแน่เลย (หัวเราะ) ผมชอบดูการ์ตูนไง พวกวันพีซอะไรงี้ ถ้าลูกชอบไม่เหมือนกันคงต้องอยู่คนละมุม (หัวเราะ)”

มะบอกว่า เขาคิดถึงครอบครัวมาก เนื่องจากครอบครัวอยู่ต่างจังหวัด เข้ามาเยี่ยมในกรุงเทพฯ บ่อย ๆ ไม่ได้ 

“ทุกเดือนผมจะได้เยี่ยมไลน์ 2 ครั้ง ครั้งละ 20 นาที โห เป็นช่วงเวลาที่รอคอยเลยนะ (ยิ้ม) ได้คุยกับครอบครัว ได้เห็นหน้าลูก แฟนกับแม่บอกว่า ลูกพอจะโวยวายอะไรได้แล้ว แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้วครับ ทุกวันนี้แฟนส่งโดมิเมลมาเล่าเรื่องลูกให้อ่าน ส่งรูปลูกมาให้ดู ผมก็ดูทุกคืนก่อนนอน (ยิ้ม)”

จนถึงวันที่ 12 ธ.ค. 2566 “มะ” ณัฐชนน ถูกคุมขังมาแล้ว 548 วัน หรือราว 1 ปี 6 เดือน เขากำลังรับโทษในคดีมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเขาได้ให้การรับสารภาพ โดยไม่มีทนายความและไม่ได้รับการประกันตัว ศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุก 6 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เนื่องจากเขาให้การรับสารภาพ เหลือจำคุก 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา ทั้งนี้มะได้ยื่นหนังสือขอพักโทษไปแล้วและกำลังติดตามความคืบหน้าของเรื่องดังกล่าว

.

“มาย” ชัยพร: ห่วงคนที่โดนคดีไกล ๆ เขาจะเข้าถึงความช่วยเหลือยังไง

“สวัสดีคร้าบ” มายทักทายอย่างอารมณ์ดีเหมือนทุกครั้ง เขาตอบว่าได้หนังสือ Game of Thrones ที่ส่งไปให้แล้ว 

“คือหนังสือเรื่องนี้ มันมีในห้องสมุดอยู่แล้วพี่ แต่ก็เป็นเวอร์ชั่นแบบขาด ๆ อะ ผมก็เพิ่งได้อ่านเล่มนี้แหละ สนุกจริง อ่านจบแล้วคาใจมาก อยากได้เล่มต่อไปเลยพี่

“ตอนนี้ก็สบายดี ยังกินอิ่มนอนหลับ ได้ย้ายไปอยู่ห้องเก่า ซึ่งก็คือห้อง 12 มันก็เป็นห้องผู้ช่วยเหมือนกัน

“วันพ่อที่ผ่านมาไม่ได้มีกิจกรรมอะไร ช่วงนี้คิดว่าจะมีการแข่งกีฬาอยู่เรื่อย ๆ ไปจนถึงปีใหม่เลย” มายบอกว่าเพื่อนนักกิจกรรมมาเยี่ยมบ่อย ทำให้เขาเห็นแล้วก็มีกำลังใจ

ทนายเล่าให้มายฟังเรื่องคุณหมอกฤตไท จากเพจ สู้ดิวะ ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด ซึ่งหนึ่งในสาเหตุของโรคมาจากฝุ่น PM 2.5 ที่จังหวัดเชียงใหม่ มายบอกว่า

“เรื่องฝุ่น PM มันควรหาวิธีแก้ไขให้ตรงจุด ไม่ใช่ทำแบบลวก ๆ จนถึงทุกวันนี้ ประเทศไทยมีกฎหมายหลายอย่างที่ผมรู้สึกว่ามันบังคับใช้กับคนเฉพาะกลุ่ม อย่าง พ.ร.บ.ความสะอาด งี้ ผมดูสารคดีที่ทางเรือนจำเปิดให้ดูประเทศต่าง ๆ เหตุผลที่ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่สะอาดที่สุดในโลก เพราะมีการปรับใช้กฎหมายเกี่ยวกับความสะอาดอย่างจริงจัง จนคนในประเทศปรับตัวตาม แต่ประเทศเรา พ.ร.บ.ความสะอาด เหมือนมีไว้จับผู้ชุมนุมมากกว่า”

มายถามเรื่องทักษิณต่อว่าตอนนี้เขาอยู่ไหนกันแน่ 

“ทักษิณนี่เรียกว่าติดคุกได้จริงเหรอ บางคนเจ็บป่วยจะเป็นจะตาย ถ้าอาการไม่หนักจริงก็ไม่ได้ออกมาโรงพยาบาลหรอก มันยากมากเลยนะสำหรับผู้ต้องขังทั่วไป ซึ่งต่างจากทักษิณราวฟ้ากับเหว

“ผมเป็นห่วงคนที่โดนคดีไกล ๆ เขาจะเข้าถึงความช่วยเหลือยังไง จะโดนรังแกไหม สำหรับตัวผมไม่มีอะไรต้องห่วง ยังดูแลตัวเองได้”

จนถึงวันที่ 12 ธ.ค. 2566 “มาย” ชัยพร ถูกคุมขังมาแล้ว 301 วัน

.

ไพฑูรย์: ปรับตัวกับการจำแนกไปอยู่แดนใหม่ ที่มีคนกว่า 1,000 คน

ไพฑูรย์เดินมาท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส พอยกหูโทรศัพท์ก็บอกว่า “ผมย้ายแดนเรียบร้อยแล้วครับ” เขาบอกว่า ตอนนี้สุขภาพแข็งแรงดี ไม่ได้เจ็บป่วยอะไร แต่เนื่องจากเพิ่งออกศาลเมื่อตอนสิ้นเดือน พ.ย. พอกลับมาเลยถูกกักตัวในแดน 7 อยู่ 5 วัน แล้วจึงได้เก็บข้าวของย้ายมาแดน 4 

ไพฑูรย์เล่าย้อนไปถึงวันที่เข้าต้องย้ายแดน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาจะไม่ได้อยู่กับสุขสันต์ เพื่อนร่วมคดีเดียวกัน 

“วันที่ย้ายสุขสันต์ก็เดินมาส่งที่หน้าแดน 6 แล้วผมก็เดินไปแดน 4 คนเดียว ไม่มีเจ้าหน้าที่หรือผู้คุมเดินคุมเลย เพราะย้ายไม่พร้อมคนอื่น” ไพฑูรย์บอกว่า ย้ายแดนช่วงเย็น ๆ เดินเข้าไปในแดนคนเดียวอย่างเฉิดฉาย (หัวเราะ) คนอื่นก็งง ผมก็งง แต่ก็หาห้องเจอแล้วก็ไปอาบน้ำนอนในคืนแรก 

“เช้าวันต่อมามีพี่ ๆ มาตามหา เป็นพี่ที่บ้านนนท์เคยเขียนมาฝากฝังไว้ เขาก็บอกว่าเมื่อวานหาตัวไม่เจอเลย ไพฑูรย์บอกว่าพอเจอพี่ ๆ เขาก็สบายใจขึ้นหน่อย”

ไพฑูรย์เล่าว่า สภาพในแดน 4 เหมือนเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มากกว่า มีแต่ห้องนอนใหญ่ประมาณ 30 ห้อง มีคนเยอะ คนรวมทั้งแดนน่าจะ 1,000 นิด ๆ และมีวัยรุ่นเยอะ เข้ามาแล้วรู้สึกแปลกใหม่ไปหมด งง ๆ เพราะที่นี่ไม่มีอะไรให้ทำเลย มองไปทางไหนก็มีแต่กองงาน แล้วก็รู้สึกไม่สะอาดหู สะอาดตาแบบแดน 6 ไม่มีที่ออกกำลังกาย บาร์โหนก็ไม่มี ถ้าจะโหนต้องไปหาขื่อคานโหนกันเอง 

“ตอนอาบน้ำ น้ำก็หมดเร็วมากจนงง ยังไม่ทันล้างฟองออกน้ำหมด แต่ยังดีที่อาบน้ำบนห้องนอนได้เพราะบ่อบนห้องใหญ่ นอกจากนั้น เวลากินข้าวก็ต้องรอกินพร้อมกัน นั่งรอจนมาครบทุกคนก่อนจะเข้าโรงเลี้ยง” (โรงอาหาร)

ไพฑูรย์ยังบอกอีกว่า พอย้ายแดนแล้วก็ต้องกลับมาเริ่มฝึกแถวใหม่อีกแล้ว แล้วคนที่เข้าแดนมาใหม่กับคนที่โดนลงโทษจากการทำความผิดในแดนก็ถูกส่งมาฝึกแถวอยู่ด้วยกัน ไพฑูรย์บอกว่า พื้นที่ที่ไฟไหม้ เป็นอาคารกองงานทั้งหมด ซึ่งมี 3 อาคาร ก็ไหม้ทั้ง 3 หลัง แล้วก็ปิดผ้าไว้ ดูไม่มีท่าทีจะซ่อมแซม

“ไม่รู้ว่ารองบอยู่หรือจะไม่ซ่อมเลย ซึ่งโซนที่ไฟไหม้นั้นน่าจะมีพื้นที่สักครึ่งแดนได้ กลายเป็นว่าพื้นที่ตรงนี้ทำอะไรไม่ได้เลย”

พอทนายถามว่ารู้สึกยังไงบ้าง เหงามั้ย ไพฑูรย์ก็บอกว่า “ยังรู้สึกเคว้ง ๆ ไม่ชิน กลายเป็นว่ามานั่งคิดว่าตื่นเช้ามาจะเจออะไรมั้ยนะ จะอาบน้ำทันมั้ย ถ้ามีเจ้าหน้าที่เดินมาถามว่า ให้กลับไปแดน 6 เอามั้ย ผมก็พร้อมเก็บของกลับวันนี้เลยนะ (หัวเราะ)

ไพฑูรย์บอกว่า ถ้าให้เทียบกันแดน 6 ดีกว่าแดนนี้ทั้งการกิน การอยู่ ส่วนอาหารที่มีคนส่งมาก็ยังได้รับปกติอยู่แม้จะย้ายแดนแล้ว ไม่ตกหล่นอะไร

จนถึงวันที่ 12 ธ.ค. 2566 ไพฑูรย์ถูกคุมขังมาแล้ว 90 วัน หรือ 3 เดือน 

.

สุขสันต์: สุขภาพยังแข็งแรงดี – ต้องแยกกันอยู่กับเพื่อนหลังการจำแนกแดน

ทนายทักทายสุขสันต์ว่า เพื่อนย้ายแดนแล้วเป็นไงบ้าง ภายหลังที่ไพฑูรย์ต้องย้ายไปอยู่แดนอื่นเนื่องจากมีการจำแนกแดน สุขสันต์บอกว่า 

“รู้สึกหวิว ๆ นิดหน่อยครับ พี่ในแดนก็ถามกันว่า อ่าวคู่หูไปไหนแล้ว ส่วนวันที่ไพฑูรย์ย้าย ผมก็เดินไปส่งเขาที่หน้าแดน ไพฑูรย์หน้าตาดูเซ็ง ๆ พี่ ๆ ข้างในเขาแนะนำว่า ถ้าอยากให้เพื่อนกลับมา ลองขอให้ทนายเขียนคำร้องขอย้ายแดนให้ดู” 

เนื่องจากสุขสันต์เองก็ต้องกักตัวภายหลังออกศาลเหมือนกัน เขาเล่าว่า หลังจากออกศาลกลับมากักตัวที่แดน 7 ก็ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับไพฑูรย์ แล้วในแดน 7 ก็ยุงเยอะมาก 

“มันเป็นห้องมีลูกกรงแต่ไม่มีมุ้งลวด อากาศก็ร้อนต้องทนเอาผ้าห่มคลุมโปงนอน ยุงจะได้ไม่กัด” นอกจากนี้สุขสันต์ยังได้นอนข้างห้องน้ำเพราะกลับมาช้า เลยโดนจองที่หมดแล้ว ตอนกักตัวเลยนอนไม่ค่อยสบาย แต่พอกลับมาแดน 6 ก็ได้นอนอยู่ที่เดิมห้องเดิม ไม่เจอยุงแล้ว

“ช่วงนี้ยังสุขภาพแข็งแรงดีอยู่ ผ่านมาหลายวันแล้วไม่น่าเป็นไข้เลือดออก เมื่อเช้าก็เพิ่งได้กลับมาออกกำลังกายแล้ว”

สุขสันต์เล่าย้อนไปถึงวันที่ออกศาลว่า ทุกอย่างผ่านไปเร็วมาก ไม่ได้คุยกับญาติเลย พอฟังคำพิพากษาเสร็จตำรวจก็พาเดินออกไป

“เพราะคิดว่าของผมยกฟ้องแล้วจะกลับบ้าน พอลงมาข้างล่างตำรวจถึงถามจะได้กลับบ้านมั้ย ก็เลยบอกว่าไม่ได้กลับ ตำรวจก็ เอ้า! ไม่บอก จะได้ให้อยู่คุยกับญาติก่อน สุดท้ายก็ไม่ได้คุยกับใครเลย”

วันนี้ทนายยังเตรียมเรื่องผีไปเล่าให้สุขสันต์ฟังตามที่เขาเคยขอ แต่พอฟังแล้วสุขสันต์ก็บอกว่า “ไม่น่ากลัวเลยครับ แต่ก็ดีกว่าไม่มีให้ฟัง”

จนถึงวันที่ 12 ธ.ค. 2566 สุขสันต์ถูกคุมขังมาแล้ว 90 วัน หรือ 3 เดือน 

X