ทีมงานพรรคก้าวไกลกำแพงเพชร ถูกตำรวจตามถึงบ้านทั้งสัปดาห์-ไปหาญาติทั้งที่ไม่เกี่ยวข้อง เหตุมีเสด็จไปพิษณุโลก

จากกรณีศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานสถานการณ์ กรณีมีอดีตผู้สมัคร สส. พรรคก้าวไกล และผู้ที่เคยทำกิจกรรมทางการเมืองช่วงปี 2563-64 ในจังหวัดเพชรบูรณ์และอุตรดิตถ์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามไปถามข้อมูลถึงบ้านในวันเดียวกัน คือช่วงวันที่ 23 พ.ย. 2566 อย่างน้อย 5 ราย โดยยังไม่ทราบสาเหตุการติดตามนั้น

ต่อมาพบว่ายังมีสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในจังหวัดกำแพงเพชรในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วย โดยเหตุการคุกคามดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะตำรวจภูธรภาค 6 มีคำสั่งให้ติดตามผู้ที่เคลื่อนไหวทางการเมือง เนื่องจากมีการเสด็จของพระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ไปยังจังหวัดพิษณุโลก ในวันที่ 26 พ.ย. 2566

อภิสิทธิ์ พรมฤทธิ์ ปัจจุบันเป็นกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล เคยถูกดำเนินคดีจากการเข้าร่วมกิจกรรมคาร์ม็อบกำแพงเพชร เปิดเผยว่าระหว่างวันที่ 20-25 พ.ย. ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งจากหน่วยสืบสวนของจังหวัดกำแพงเพชร และตำรวจจากภูธรภาค 6 เดินทางมาที่บ้านเขาทุกวัน

ในวันที่ 20-21 พ.ย. มีเจ้าหน้าที่สืบสวนของจังหวัดจำนวน 2 นาย พยายามาขอพบอภิสิทธิ์ที่บ้าน โดยตำรวจแจ้งว่า “นาย” จากภูธรภาค 6 สั่งให้มาหา เพราะมีฟ้าหญิงจุฑาภรณ์จะเสด็จมาพิษณุโลก เมื่อได้สอบถามว่าเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเขา ตำรวจก็ตอบว่ากลัวจะไปเคลื่อนไหว หรือไปถวายฎีกา อภิสิทธิ์ยืนยันว่าเขาไม่ได้ไปไหน และไม่มีเรื่องอะไรจะไปถวายฎีกา เขายังขอดูหนังสือคำสั่งของเจ้าหน้าที่ที่ให้มาติดตามเขา แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้แสดงให้ดู ตำรวจได้ขอถ่ายรูปเขาไป โดยอ้างว่าเพื่อไปยืนยันว่าเขาไม่ได้ไปไหน และอยู่ที่บ้าน

ในช่วงวันที่ 22 พ.ย. คราวนี้ ไม่ใช่ตำรวจชุดเดิม แต่เป็นตำรวจจากภูธรภาค 6 อีก 2 นาย ใส่ชุดนอกเครื่องแบบ ได้เข้ามาที่บ้าน และถามหาเขาอีก เมื่อถามว่ามาหาทำไม ก็ได้รับคำตอบว่ามาเยี่ยม เพราะจะมีบุคคลสำคัญมาที่พิษณุโลก อภิสิทธิ์ก็ถามว่าทำไมถึงต้องมาตามเขาที่อยู่จังหวัดกำแพงเพชร ทั้งเมื่อเขาขอดูบัตรตำรวจ ก็ไม่ได้มีการแสดงให้ดู เจ้าหน้าที่ยังสอบถามว่าจะไปชุมนุมที่ไหนหรือไม่ หรือจะไปชูป้ายประท้วงหรือไม่ เขาปฏิเสธว่าไม่ได้จะแสดงออกใด

เจ้าหน้าที่ยังขอถ่ายรูปไป โดยเป็นการถ่ายภายในพื้นที่อาคาร อภิสิทธิ์ได้แจ้งว่าไม่อนุญาตให้ถ่าย เมื่อทางตำรวจจะเดินกลับไป ก็มีเจ้าหน้าที่หันมาจะถ่ายภาพอีก อภิสิทธิ์ก็ได้เข้าไปห้าม ว่าไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ

.

.

ในช่วงเย็นวันเดียวกันนั้น ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุดหนึ่งซึ่งเป็นคนละชุดกับที่มาที่บ้านของอภิสิทธิ์ จำนวน 2 นาย เดินทางไปที่บ้านของพ่อตาแม่ยายของอภิสิทธิ์ซึ่งอยู่ในอีกอำเภอหนึ่ง ไปสอบถามถึงตัวอภิสิทธิ์และแฟนของเขา โดยอภิสิทธิ์เห็นว่าเจ้าหน้าที่ก็น่าจะรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว แต่ก็ยังไปถามหา และถ่ายรูปที่หน้าบ้านไปด้วย ทำให้คนในครอบครัวรู้สึกว่าถูกคุกคาม

วันถัดจากนั้น ช่วงวันที่ 23-25 พ.ย. อภิสิทธิ์ไม่ได้อยู่ที่บ้าน เดินทางไปทำงานที่ต่างจังหวัด แต่ก็มีตำรวจโทรศัพท์ติดต่อมาแจ้งขออนุญาตไปถ่ายรูปที่หน้าบ้านของเขา แต่จากมุมไกล ๆ อีกด้วย

“ผมรู้สึกว่าการกระทำแบบนี้ คุณไม่บอกที่มาที่ไป ไม่มีหนังสือะไรมาแสดงเลย ผมรู้สึกว่าเป็นการคุกคาม ทำให้คนเขาเข้าใจผิดได้ ว่าเราไปทำอะไรมา ตำรวจถึงมาตามบ่อยแบบนี้ มันก็มีคนข้างบ้านก็ถามว่าตำรวจมาทำไมทุกวันเลย

“รัฐบาลใหม่ก็ตั้งแล้ว ประยุทธ์หมดอำนาจไปแล้ว กระบวนการแบบนี้มันควรจบไปได้แล้ว คุณยังส่งตำรวจมาติดตามผมเพื่ออะไร ผมก็ไม่ได้ไปชุมนุมอะไรที่ไหน มันก็เป็นพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสม” อภิสิทธิ์ตั้งคำถาม

เขายังระบุว่าหากมีการเสด็จหรือการเดินทางมาของบุคคลสำคัญในพื้นที่กำแพงเพชรในช่วงก่อนหน้านี้ ก็มักมีตำรวจมาติดตามถึงบ้านเขา ทั้งที่เขาไม่เคยไปแสดงออกใด และคราวนี้ ถึงขนาดแม้จะเป็นการเสด็จในจังหวัดใกล้เคียง ไม่ใช่จังหวัดที่เขาอาศัยอยู่ ตำรวจก็ยังมาติดตามอีกด้วย

นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่ามีประชาชนที่เคยเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองในพื้นที่กำแพงเพชร ถูกตำรวจไปติดตามในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาอีกอย่างน้อย 2 ราย และที่จังหวัดอุตรดิตถ์ นอกจากนักกิจกรรมที่รายงานไปก่อนหน้านี้ ยังมีผู้ถูกตำรวจติดตามอีกอย่างน้อย 3 ราย

.

ย้อนอ่านเรื่องราวของอภิสิทธิ์

“ถ้าไม่ทำวันนี้ ก็จะไม่มีวันข้างหน้า” คุยกับจำเลยคดีคาร์ม็อบกำแพงเพชร จากนักพัฒนาชุมชน ถึงคนทำงานการเมือง

X