ระหว่างวันที่ 9-15 พ.ย. 2566 ทนายความได้เข้าเยี่ยมผู้ต้องขังทางการเมืองซึ่งถูกคุมขังในคดีมาตรา 112 ได้แก่ “เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง, ‘อารีฟ’ วีรภาพ วงษ์สมาน, สมบัติ ทองย้อย, ‘แม็กกี้’, เวหา แสนชนชนะศึก ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และเยี่ยม ‘วุฒิ’ ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี
ในภาพรวมผู้ต้องขังบางรายมีปัญหาด้านสุขภาพจากอาการไอ และเจ็บคอ เนื่องจากสภาพแวดล้อมและความไม่ค่อยสะอาดของการอยู่ในเรือนจำ ส่วนสภาพจิตใจมี “อารีฟ” ที่รู้สึกเครียดบ้างก่อนร่างกายจะตอบสนองด้วยอาการหลับ ๆ ตื่น ๆ ระหว่างนอน แต่ทุกคนยังรู้สึกถึงความหวังว่าจะได้ออกมาอยู่ในโลกภายนอก ได้เจอกับคนที่พวกเขาคิดถึง เป็นที่แน่นอนว่า พวกเขาดีใจที่มีคนได้ประกันออกไปบ้าง ทั้งหวังยิ่งว่าสักวันหนึ่งจะได้กันทั้งหมดสักที
เก็ท โสภณ: จะใฝ่ฝันและจะสู้ต่อ
13 พ.ย. 2566 เก็ททักทายอย่างสดใสเหมือนทุกที ก่อนทนายอัพเดทข่าวสารในช่วงสุดสัปดาห์ให้ฟัง
เก็ทเล่าว่าก่อนที่จะเดินมาห้องเยี่ยม เขาได้วิดีโอคอลผ่านโทรศัพท์กับเพื่อน ที่มาแฮปปี้เบิร์ธเดย์เขาซึ่งเกิดวันที่ 12 พ.ย. เก็ทฝากปรินท์กลอน “หมดจิตหมดใจจะใฝ่ฝัน” ของ ยังดี วจีจันทร์ มาให้ดู เก็ทอยากเอามาเขียนเรียงให้เป็นขั้วตรงข้ามคือเขาจะใฝ่ฝันและจะสู้ต่อ
จากนั้นมีคนมาตามเก็ทว่าญาติมาเยี่ยม เก็ทจึงเดินออกไป ก่อนมีเสียงร้องเพลงเเฮปปี้เบิร์ธเดย์ ดังลั่นห้องเยี่ยม เพราะคนที่มาตีเยี่ยมเก็ทวันนี้ร่วมกันร้องเพลงให้จากฝั่งคนเยี่ยม
เมื่อกลับมาคุยต่อ ช่วงหนึ่งเก็ทจามออกมาแล้วบ่นว่า จริง ๆ ช่วงนี้ก็เป็นหวัดอีกแล้ว น่าเบื่อที่หน้าแดนไม่มียาสามัญประจำบ้านสักที จะได้สะดวกกว่านี้อีกหน่อย
‘วุฒิ’ : หวังเหลือเกินว่าจะคืนความยุติธรรมให้นักโทษการเมืองทุกคนสักที
วันที่ 13 พ.ย. 2566 หลังจากที่ทนายขอตรวจสอบเอกสารที่วุฒิต้องไปเซ็นทุกวันพุธ ทราบจากเจ้าหน้าที่ว่าเป็นเพียงเอกสารรายงานผู้บังคับบัญชาว่ามีผู้ต้องหาทางการเมืองคดี ม.112 อยู่ในเรือนจำพิเศษมีนบุรี และได้รับการดูแลตามสิทธิผู้ต้องหาทั่วไป เป็นหนังสือรายงานภายในไม่สามารถตรวจสอบได้
วุฒิฝากขอบคุณทุกคน ๆ น้อง ๆ ที่คอยเคลื่อนไหว ขอบคุณครอบครัวทนายอานนท์มาก ๆ ที่คอยสนับสนุนเรื่องอาหารการกิน มันเป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่ทำให้รู้ว่าคนข้างนอกไม่ลืมเรา
“ตอนนี้ผมห่วงแต่ผู้ต้องขังทางการเมืองด้วยกัน ดีใจที่มีคนได้ประกันตัวออกไปบ้าง ทุกครั้งที่มีคนได้ประกัน ก็หวังอยู่ตลอดว่าจะได้กันทั้งหมดสักที”
วุฒิเล่าต่อว่า “พูดถึงเรื่องเด็ก ๆ ที่ลี้ภัยไปผมก็รับไม่ได้นะ ที่มีคนต้องลี้ภัยเพราะคดีการเมือง ยิ่งเป็นเด็กผู้หญิงด้วยเป็นห่วง ไม่รู้เลยว่าต้องมีอีกกี่คนที่ต้องลี้ภัยไปแบบนี้”
ก่อนเสริมว่า “กระบวนการยุติธรรมประเทศไทยมันแย่มากเลย เพราะต้องการกดขี่ กดหัวประชาชนแท้ ๆ มันถึงเป็นแบบนี้ จริงๆ ควรมาพูดคุยหาทางแก้ไขไปด้วยกัน ไม่ใช่เอะอะจับยัดข้อหายัดคุก”
“เราเองต่างก็รู้ว่าเราหยุดการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ผมเองก็ได้แต่ให้กำลังใจตัวเองและผู้ที่ประสบชะตากรรมเดียวกันให้เราสู้ไปด้วยกัน อยากให้กระบวนการยุติธรรมคืนความเป็นธรรมให้กับผู้ต้องหา 112 ผู้ต้องหาคดีการเมืองได้แล้ว ไม่งั้นประเทศไม่ไปไหนหรอก การทำแบบนี้ก็เหมือนวางระเบิดเวลาไปเรื่อย ๆ กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ หากไม่มีการแก้ไข มันก็จะสร้างรอยร้าวให้กับคนรุ่นต่อ ๆ ไปอีก”
วุฒิระบายต่อว่า “ควรเอาคนโดนคดี 112 คดีการเมืองคืนสู่สังคม ไม่ต้องถึงกับยกเลิกก็ได้ แต่ต้องมีการแก้ไขเพื่อให้สอดคล้องกับสถาพความเป็นจริงในปัจจุบัน ไม่ใช่ใครแจ้งก็ได้ ใครฟ้องก็ได้ เห็นคนแจ้งข้ามจังหวัดมาเยอะ รวมทั้งคดีตัวเอง มันก็ยิ่งชัดว่ามันคือการกลั่นแกล้งทางการเมือง ทั้งที่เราไม่ได้ทำให้สังคมเสื่อมอะไร ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไร ไม่ได้ฆ่าใครตาย แค่พูดก็ผิดแล้วเหรอ การแสดงความคิดเห็นมันร้ายแรงกว่าการฆ่าคนตายเหรอ แค่ความเห็นต่าง”
ก่อนทิ้งท้ายอย่างมีหวังว่า “ผมหวังเหลือเกินว่าจะคืนความยุติธรรมให้ผู้ต้องหา นักโทษการเมืองทุกคนสักที”
‘อารีฟ’ วีรภาพ : สะดุ้งตื่นตอนกลางคืนอยู่บ่อย ๆ เหมือนฝันร้าย
วันที่ 15 พ.ย. 2566 ช่วงนี้อารีฟเริ่มกลับมาเจ็บคอบ้าง ระหว่างที่คุยกันก็มีไอบ้างประปราย อารีฟบอกว่าในแดนเริ่มกลับมาป่วยกันแล้ว ช่วงนี้เลยใส่หน้ากากนอนเลย ได้แต่หวังว่าสองคนที่นอนขนาบข้างจะไม่ป่วย เพราะใครเป็นอะไร ในเรือนจำจะติดต่อกันได้ง่ายมาก
อารีฟเล่าว่าเมื่อวานกับวันนี้มีวิทยากรเข้ามาบรรยายในแดน แต่เป็นของกองงานอื่นเลยไม่ได้เข้าไปฟัง แต่พอวิทยากรกับ ผบ.แดน เดินเข้ามาในแดนจะมีเสียงเหมือนนกหวีดที่เป็นสัญญาณให้ทุกคนต้องนั่งลง อารีฟบอกว่าเวลาได้ยินอารีฟก็ไม่นั่ง อารีฟไม่เข้าใจว่าก็เป็นคนเหมือนกันทำไมต้องนั่งด้วย แล้วพอมีวิทยากรมา ในแดนก็ปิดลาน ไม่ให้เล่นกีฬาหรืออะไรเลย ไม่รู้จะมาบรรยายกี่วัน ช่วงนี้เลยไม่ได้ออกกำลังกาย
อารีฟบอกว่าตอนนี้น้ำหนักขึ้นมาเล็กน้อย เพราะฝืนกินมื้อเช้าของเรือนจำด้วย ข้าวแข็งมาก แข็งแบบเจ็บคอ ต้องกลืนพร้อมน้ำแกงเอา แต่ก็พยายามกินให้ได้วันละ 2 มื้อ เพราะจะได้น้ำหนักขึ้น ไม่อยากซูบผอมแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้เขาไม่ค่อยกินข้าวเลย
ก่อนจะพูดถึงช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่รู้เป็นอะไร สะดุ้งตื่นตอนกลางคืนอยู่บ่อย ๆ เหมือนฝันร้าย แต่ก็จำไม่ได้ว่าฝันอะไร พอจะนอนต่อ ก็นอนไม่หลับ ไม่รู้ความเครียดมันแสดงออกมาทางร่างกายไหม เพราะช่วงนี้ก็เริ่มเจอผมหงอกที่หัวด้วย ทั้งที่ปกติไม่เคยเจอ
อารีฟยังเล่าว่าเรื่องที่โดนมาถ่ายรูปทุกเดือน ช่วงนี้โดนถ่ายทุก 3 วันเลย ไม่รู้ทำไมมาถ่ายถี่ขึ้น มีจัดท่าทางให้ไปยืนอ่านหนังสือโซนประวัติศาสตร์ด้วย ยังไม่ทราบว่าเอาไปทำอะไรบ้าง
“หนุ่ม” สมบัติ ทองย้อย: เลือกทางที่รู้ปลายทางแล้ว ดีใจที่มีน้อง ๆ ได้ประกันตัว
วันที่ 15 พ.ย. 2566 พี่หนุ่ม สมบัติ บอกว่าช่วงนี้สุขภาพสบายดี ยังไม่ได้มีอาการป่วยอะไรอีก ตอนนี้นักโทษในเเดนก็เยอะขึ้น เดือนที่เเล้วได้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไปเเล้ว ตอนนี้การดูแลในเรือนจำเรื่องสุขภาพก็รู้สึกดีขึ้น โดยรวมความเป็นอยู่ก็พอโอเค สิ่งที่เเย่คืออยู่แบบไม่มีอิสรภาพ
พี่สมบัติ อัปเดตว่า คดี 112 ของเขาตอนนี้ แม้ตัวแกตัดสินใจไม่ฎีกาคำพิพากษาต่อแล้ว แต่อัยการยังยื่นขยายระยะเวลาฎีกาอยู่ต่อ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ทำให้คดียังไม่ถึงที่สุด แกคาดว่าคงเป็นระเบียบของทางอัยการแบบนั้น
พี่สมบัติยังเล่าว่าเห็นทีมเด็ก ๆ “4 พล” เเบงค์ เก่ง ต้อม อาร์ม ทยอยได้ประกันตัวออกไปวันละคน ถูกเรียกไปทยอยใส่ EM แกก็รู้สึกดีใจไปด้วย หรือคิดมากแบบในการถูกคุมขังคราวที่แล้ว เพราะตอนนี้เหมือนได้ตัดสินใจเลือกทางที่จะเดินของตัวเองแล้ว ทำให้เห็นปลายทางว่าจะไปจบเมื่อไร การที่เห็นน้อง ๆ เพื่อน ๆ ได้ประกันตัวไป ก็ไม่ได้เครียด แต่รู้สึกดีใจแทน
‘แม็กกี้’: รู้สึกไม่เดียวดายที่ยังมีคนเป็นห่วง และไม่ทิ้งกัน
วันที่ 15 พ.ย. 2566 แม็กกี้แต่งหน้าออกมาพบทนาย ทันทีที่นั่งบนเก้าอี้ ก่อนยกหูคุย เธอเปิดแมสก์ออกให้ดูลิปสติกสีสด ทนายชมว่าแต่งหน้าสวย แม็กกี้หัวเราะเขิน ๆ
ส่วนสภาพร่างกายตอนนี้ แม็กกี้บอกว่า “ไม่ค่อยสบาย เป็นหวัด เจ็บคอตอนกลางคืน ไม่แน่ใจว่าเพราะอากาศหรือเปล่า ก็ได้กินยาพาราฯ แล้วก็ยาแก้ไอ หนูเพิ่งเป็นเมื่อวาน” ตลอดการสนทนา แม็กกี้จะไอเป็นระยะ ๆ
ปัญหาใหญ่ของแม็กกี้ตอนนี้คือความแออัดในเรือนจำ “หนูถูกย้ายมานอนห้องที่มีแต่ LGBTQ ในห้องมี 38 คนค่ะ แออัดมาก ไม่มีที่ให้ขยับตัวเลย ต้องนอนแบบสลับฟันปลา ตรงกลางที่เป็นทางเดินก็จะมีคนนอนอีกคู่หนึ่ง หันหัวเข้าหากัน หนูนอนติดกับบล็อคหน้าห้องน้ำเลย มีเสียงคนเข้าออกตลอด แต่ไม่ค่อยมีกลิ่น
“ถ้ามีห้อง LGBTQ อีกสักห้องก็น่าจะดีค่ะ จะได้ไม่แออัดมาก” แม็กกี้เสนอ
“วันนี้ผู้ต้องขังเข้าใหม่ได้ออกมาตรวจเลือด ตรวจดูโรคสำคัญ โรคเอดส์ โรคตับอะไรพวกนี้ ถ้าเจอคนเป็นโรค สิ้นเดือนเขาก็จะเรียกไปคุย เรียกไปรักษา” แม็กกี้บอก
เมื่อถามถึงอาหารการกิน แม็กกี้ตอบว่าไม่ขาดอะไร และฝากขอบคุณที่ส่งข้าวและของใช้มาให้ “หนูต้องขอขอบคุณที่เป็นห่วงหนู สั่งกับข้าว และของใช้มาให้หนู หนูก็รู้สึกไม่เดียวดายที่ยังมีคนเป็นห่วง และไม่ทิ้งกัน”
วันนี้แม็กกี้ออกมาพบทนายความพร้อมกับธี เก็ท และขจรศักดิ์ ทำให้แม็กกี้ได้เจอเพื่อนผู้ต้องขังทางการเมืองคนอื่น ๆ ซึ่งแม็กกี้บอกว่าการได้เจอเพื่อน ๆ ทำให้เธอรู้สึกดี และมีกำลังใจเยอะขึ้น
ก่อนเล่าชีวิตประจำวันในเรือนจำสำหรับผู้มีความหลากหลายทางเพศ LGBTQ+ ให้ฟังต่อ
“หนูตื่นตีสี่ ประมาณตีห้าครึ่งก็มาสวดมนต์ หกโมงกว่า ๆ ก็ลงไปกินข้าว ระหว่างวันก็จะมีแคมป์กีฬาของแต่ละห้อง จากนั้นก็นับยอด ประมาณบ่ายสองก็ให้ไปอาบน้ำ เตรียมขึ้นข้างบน มันก็น่าเบื่อที่มีเวลาอยู่ข้างล่างแปบเดียวค่ะ
“พวกเราจะอาบน้ำข้างบนได้ค่ะ มีห้องน้ำ แต่คิวยาว บางคนมาต่อคิวรออาบตั้งแต่ตีสามแล้วไปนอนต่อ ตีห้าครึ่งก็ลุกมาแต่งหน้า แต่หนูอาบข้างล่างรวมกับคนอื่นได้ ก็ใส่เสื้อกับกางเกงอาบ มันจะเป็นฝักบัวเนอะ ยืนอาบใครอาบมัน อาบเสร็จแล้วก็เปลี่ยนชุด
“ในแดนตอนนี้มีกีฬาปิงปอง วอลเลย์บอล ฟุตบอล ส่วนหนูเป็นเชียร์ลีดเดอร์ (หัวเราะ) หนูเต้นแบบ โอ้ย ผู้ชายมองอะแม่ แล้วทราบว่างานลอยกระทงปีนี้ก็จะมีประกวดทำกระทง มี LGBTQ+ ประกวดเป็นนางกระทง แล้วผู้ชายแต่ละห้องก็จะส่งตัวแทนมาเป็นเทพบุตร เดินรวมกับกะเทย หนูลงชื่อไม่ทัน เขารับ 10 คนเอง
“สภาพจิตใจดีขึ้นค่ะ ตอนแรกทำใจว่าจะติดเป็น 10 ปีเลยหรือเปล่า พอมีทนายความมาให้ความช่วยเหลือแล้ว หนูก็ดีใจ มีความหวังว่าจะได้ออกไปบ้าง (ยิ้ม) ความเครียดลดลง ไม่คิดมากเหมือนเดิม แต่ก่อนจะคิดว่าเราจะใช้ชีวิตยังไง เป็นนักโทษ ม.112 จะโดนกลั่นแกล้งรึเปล่า แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรค่ะ
“ช่วงนี้ก็ดูกีฬา ซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ อยู่กับเพื่อนข้างใน แต่ก็คิดถึงการเดินข้างนอก คิดถึงครอบครัวที่สุด คิดถึงหมูกระทะ ตำซั่ว” แม็กกี้เล่าถึงความคิดถึงอาหารการกินภายนอก
เมื่อถามทิ้งท้ายว่าแม็กกี้มีความฝันไหม เธอตอบว่า “ฝันอยากเป็นแอร์โฮสเตสค่ะ เห็นยูนิฟอร์มแต่ละสายการบิน เค้าได้ใส่กระโปรง ใส่รองเท้าส้นสูง หนูดูแล้วก็ชอบ” เธอพูดทั้งรอยยิ้มและแววตาเป็นประกาย
เวหา: คิดถึงคนที่มาเยี่ยม แต่เรือนจำไม่ใช่ที่ ๆ พวกเราควรจะต้องมาอยู่
วันที่ 9 พ.ย. 2566 จากห้องเยี่ยม เวหาเดินออกมาทักทายทนายพร้อมอมยิ้มเล็กน้อย ก่อนแจ้งว่า ตอนนี้ไม่สบาย รู้สึกว่าในเรือนจำไม่ค่อยสะอาดเท่าไร ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ เรียกได้ว่าไม่สบายเป็นปกติ พร้อมกับหัวเราะ เวหายังพูดถึงเรื่องที่เรือนจำมีคนเข้ามาเพิ่มเรื่อย ๆ แต่แทบไม่มีการระบายออกอีกด้วย
เวหาแจ้งว่าหลังจากตัดสินใจไม่อุทธรณ์ใด ๆ ตอนนี้ก็เหลือแค่รอเวลาให้คำพิพากษาถึงที่สุด ท่าทีของเวหาดูไม่ได้เครียดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ต่อมาวันที่ 15 พ.ย. 2566 ทนายเข้าเยี่ยมเวหาอีกครั้ง วันนี้เวหาสีหน้าและน้ำเสียงดูสดใสปกติ เวหาแจ้งว่า ตอนนี้เป็นหวัดมาแล้ว 1 สัปดาห์ มีอาการไอ มีเสมหะ แต่ไม่ปวดและไม่ตัวร้อนแล้ว เลยไม่ได้กินยาแก้ไข้ต่อ
เวหาอัพเดตต่อถึงอาการปวดท้อง แจ้งว่า ตอนนี้ยังปวดท้องอยู่ ตอนหิวก็ปวด ตอนท้องว่างก็ปวด ตอนอิ่มก็ปวด ทำให้กินอาหารได้น้อย และกินอาหารเผ็ดไม่ค่อยได้ กินได้แต่อาหารรสชาติกลาง ๆ ซึ่งเขาต้องกินยาแก้โรคกระเพาะเพื่อรักษาอาการดังกล่าว
เวหาเล่าต่อว่าตอนนี้ตนอยู่ในสภาวะเหงา ๆ บรรยากาศเข้าช่วงปลายปี คิดถึงที่บ้าน คิดถึงบรรยกาศที่อยู่กับครอบครัว และเพื่อน ๆ
เขาเล่าต่อถึงบรรยกาศที่เพื่อน ๆ นักเคลื่อนไหวเข้ามาเยี่ยมที่เรือนจำ ตอนนั้นสนุกมาก รู้สึกคิดถึงมาก ๆ แต่อย่างไรก็ตามในเรือนจำมันไม่ใช่ที่ ๆ พวกเราควรจะต้องมาอยู่ เราอยู่ในนี้รู้สึกว่าทำอะไรไม่ได้เลย
เวหาฝากแจ้งว่า ตอนนี้มีเวลาว่างมาก ๆ ได้อ่านหนังสือที่มีหมดแล้ว เลยอยากได้หนังสือเพิ่ม ทราบว่ามีหนังสือบริจาคเข้ามาอีก จึงฝากทางทนายความดูเรื่องฝากหนังสือเข้ามาในเรือนจำต่อไป
อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
บันทึกเยี่ยมผู้ต้องขังคดี ม.112 “เก็ท-อารีฟ-วุฒิ-วารุณี-สมบัติ” 6-10 พ.ย. 2566