เมื่อวันที่ 19 – 20 ก.ย. 2566 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทนายความเข้าเยี่ยม “สมบัติ ทองย้อย” ซึ่งถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2566 ในคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากกรณีโพสต์ข้อความ “#กล้ามาก #เก่งมาก #ขอบใจนะ” พร้อมกับอีก 2 ข้อความ กล่าวถึงการทำตัวใกล้ชิดประชาชนและการแจกลายเซ็น ก่อนศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัวระหว่างฏีกา
และยังได้เข้าเยี่ยม “เวหา แสนชนชนะศึก” ซึ่งถูกศาลตัดสินจำคุก 3 ปี 18 เดือน ในคดีมาตรา 112 กรณีใช้บัญชีทวิตเตอร์ “ฟ้าฝน ver.เกรี้ยวกราด” โพสต์ข้อความเกี่ยวกับคุกวังทวีวัฒนา และศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ประกันตัว ปัจจุบันเวหาถูกคุมขังล่วงเข้าวันที่ 126 และอดอาหารเข้าวันที่ 28 แล้ว
หนุ่ม สมบัติ: ตอนฟังคำพิพากษาอุทธรณ์ คิดว่าจะได้ประกันตัว พอผลเป็นอย่างนี้เลยไม่มีโอกาสได้กอดลูกสาว
ใบหน้าของสมบัติดูหมองและเครียดกว่าครั้งก่อนที่เจอกัน พอถามไถ่ถึงความเป็นอยู่ เขาก็บอกว่าเครียดเรื่องผลประกันตัวจริง ๆ
“แม้จะไม่มีใครเข้ามาบอก แต่มันก็รู้ได้ด้วยระยะเวลา 2 – 3 วัน ยอมรับว่าเครียดมาก เพราะคิดว่าตัวเองจะได้ประกัน ตอนนี้จากที่ตั้งใจจะสู้ต่อ ก็เริ่มลังเลว่าจะปล่อยให้คดีถึงที่สุดดีไหม” สมบัติระบายความรู้สึกกับทนายที่เข้าเยี่ยมเขา
“เห็นว่าเร็ว ๆ นี้ทนายจะยื่นประกันตัวอีก อยากรอดูผลประกันที่จะยื่นเร็ว ๆ นี้ก่อน และรอย้ายออกจากแดน 2 ก็จะคุยกับครอบครัวว่าจะเลือกทางไหนดี”
ในระหว่างบทสนทนา เสียงของเขาแหบพร่า แต่สมบัติบอกว่าตัวเองยังสบายดี อาจเพราะอากาศเปลี่ยนนิดหน่อย ท้งเขายังคงอยากรู้ระยะเวลาของการยื่นฎีกาว่ามันจะต้องรอนานขนาดไหน และหากยื่นไปผลมันจะออกมาดีกว่าอุทธรณ์หรือไม่ เพราะคำพิพากษาในศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 6 ปี ก่อนศาลอุทธรณ์ลดเหลือ 4 ปีแล้ว เรื่องนี้มีผลกับการตัดสินใจของเขาจริงๆ
“ไม่คิดว่าจะได้เข้าเรือนจำเลย คิดว่าคงได้ประกันเลยไม่ได้กอดลูกสาวและครอบครัวเลย เพราะจากการได้ประกันคราวที่แล้ว เราก็ไม่ได้ทำผิดสัญญาประกัน และมีไปขอถอดกำไล EM ศาลก็ให้ ระหว่างถอดเราก็ไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนีเลย”
อย่างไรก็ตาม สมบัติได้กล่าวก่อนจากกันในวันนี้ถึงประชาชนและเพื่อน ๆ ที่อยู่ข้างนอกไว้ว่า “ขอบคุณความคิดถึงจากพี่ ๆ น้อง ๆ และขอฝากกลับไปหาทุกคนเช่นเดียวกัน แม้ว่าความคิดเราจะแตกต่าง แต่เราก็รักกัน เป็นห่วงทุกคนที่ร่วมอุดมการณ์กันมา ขอบคุณมาก ๆ”
เวหา: การอดอาหารเข้าวันที่ 28 ทำให้มีการแทรกซ้อนหลายอย่าง
เวหานั่งรอด้วยท่าทีนิ่งเงียบ เขาทักทายตามปกติ และไม่รีรอที่จะถามเรื่องคดีของตัวเองทันที หลังจากเคยฝากช่วยติดตามการยื่นขยายอุทธรณ์ของอัยการ ซึ่งพบว่าอัยการได้ยื่นขยายอุทธรณ์ของเขาออกไปอีก จนถึงวันที่ 18 ต.ค. 2566 เวหาพยักหน้ารับรู้ตามนั้น
เขาอัปเดตอาการทั่ว ๆ ไปให้ฟังว่าช่วงนี้การอดอาหารเริ่มเกิดปัญหากับร่างกายหลายอย่างแล้ว เมื่อวานเวหาไปหาแพทย์ เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับอาการปวดท้อง แพทย์วินิจฉัยเบื้องต้นว่าเป็นโรคกระเพาะ และได้ยามา
สองตัว เป็นยาโรคกระเพาะให้กินต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ และแจ้งว่าหากจะหยุดการอดอาหารให้บอกแพทย์เพื่อจะได้เข้าสู่กระบวนการ Re – Feeding
เมื่อถามถึงอาการปัจจุบันว่าเกิดอะไรขึ้น เวหาได้เล่าว่าอาการปวดท้องที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นมาได้ 1 สัปดาห์แล้ว “กำลังคิดว่าตัวเองเป็นแผลในกระเพาะอาหาร เพราะเจ็บท้อง จุกเสียดที่ท้อง โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ถ้ามีความเจ็บ 10 ระดับ ตอนนี้จะให้คะแนนที่ระดับ 8”
แต่เขาก็บอกว่าตอนนี้ยังพอรับมือได้ เพราะในเวลากลางคืนก็ได้ยามากินแล้ว อาการก็ดีขึ้นสามารถนอนหลับได้ ส่วนอื่น ๆ เกี่ยวกับร่างกาย เขาบอกว่าตัวเองยังหายใจได้ปกติ มีอาการเหนื่อล้าเหมือนเดิม แต่พอได้ยาดม กับนั่งพักกินน้ำหวานก็จะมีแรงขึ้น
“แต่ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกอยากอาหารอยู่เลย” เวหาบอก
เมื่อขอให้เขาเล่าเรื่องราวทั่ว ๆ ไปที่เกิดขึ้นในเรือนจำตอนนี้ เวหาบอกว่าทุกวันนี้ยังมีคนมาคอยตามถ่ายรูปอยู่เหมือนเดิม เป็นผู้ต้องขังเหมือนกัน แต่เป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ เขาใช้กล้องดิจิทัลมาถ่ายในระหว่างวันที่ใช้ชีวิต และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 ก.ย. 2566) เจ้าหน้าที่ให้ย้ายที่นอนของเขามานอนอยู่ใกล้กล้องวงจรปิด
“ที่นอนเดิมมันไม่ได้อยู่กลางกล้อง รูปที่จับภาพไว้เจ้าหน้าที่บอกว่าจะทำรายงานส่ง ผบ.เรือนจำ และกรมราชทัณฑ์ บอกเราว่าเพราะเป็นคดีประเด็นสังคม แต่ก็ยังไม่เห็นว่าเขาจะเอาไปแถลงอะไร”
ทุกวันนี้ เจ้าหน้าที่ขอให้เวหาไปนั่งในโรงเลี้ยงในช่วงเวลารับประทานอาหาร แม้ว่าเขาจะไม่อยากทานก็ตาม แต่ก็มาขอความร่วมมือ เพราะต้องการจะถ่ายรูปตอนที่เรานั่ง แต่ขอแค่นั่งนิ่ง ๆ เฉย ๆ
สุดท้ายเวหาบอกว่ายังคงติดตามเรื่องการอุทธรณ์อยู่ และคงจะต้องประเมินอีกครั้งว่าจะทำอะไรต่อไป คงต้องคิดให้ถี่ถ้วนและปรึกษากับเพื่อน ๆ ด้วย