20-21 ก.ค. 2566 ทนายความได้เดินทางเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ประกอบด้วย “กิ๊ฟ” ทีปกร หมอนวดอิสระ วัย 38 ปี ผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ที่ถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุก 3 ปี และศาลอุทธรณ์ยังไม่ให้ประกันระหว่างอุทธรณ์
และเยี่ยม “วัฒน์” (นามสมมติ) ช่างตัดผมจากราชบุรีวัย 29 ปี อีกผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ที่เพิ่งถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุก 1 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2566 จากการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กมีเนื้อหาชื่นชมในหลวงรัชกาลที่ 9 แต่วิพากษ์วิจารณ์ในหลวงรัชกาลที่ 10 เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2563 แม้ตัวเขาจะให้การรับสารภาพตามฟ้อง
.
กิ๊ฟ ทีปกร: การถูกย้ายแดนทำให้เกิดความเครียดมากขึ้น
วันนี้ทนายความไม่ได้เยี่ยมกิ๊ฟโดยเจอหน้าหรือแม้แต่เยี่ยมผ่านจอภาพ เนื่องจากกิ๊ฟ ถูกย้ายเเดนไปอยู่แดน 5 และกำลังกักตัวอยู่ จึงเป็นการเยี่ยมผ่านทางโทรศัพท์
เมื่อต่อสายได้เเล้ว จึงได้ไถ่ถามว่าทำไมจึงได้ย้ายแดน กิ๊ฟแจ้งว่าไม่ทราบเลยว่าทำไม เขาเล่าถึงความลำบากใจในการต้องย้ายแดน
“คนที่มาจากแดน 2 ด้วยกันมีเเต่ผมคนเดียวที่ย้ายมาแดน 5 อยู่ๆ ก็จำเเนก ไม่ได้บอกอะไรผมเลย ซึ่งเเดน 5 นี้เป็นแดนเด็ดขาด มีส่วนน้อยที่ยังอุทธรณ์อยู่ ผมงงมาก ผมคิดว่าบรรยากาศที่นี่ทำให้ผมเครียดขึ้นมาก เพราะที่นี่เเดน 5 จะอยู่กันเป็นบ้าน (“บ้าน” ผู้ต้องขังในเรือนจำเรียกแทนการรวมตัวเป็นกลุ่มของผู้ต้องขังกลุ่มต่างๆ) ซึ่งเเต่ละบ้านก็จะมีที่ประจำเป็นของตัวเอง ผมที่ไม่ได้อยากจะอยู่บ้านไหน เเละไม่รู้จะไปอยู่บ้านไหนได้ มันอยู่ลำบากมากเลยครับ ไม่เหมือนที่แดน 4”
เมื่อถามต่อเกี่ยวกับเรื่องสภาพร่างกาย หลังจากที่กิ๊ฟเคยเล่าว่ามีอาการหน้ามืดมาตั้งเเต่อาทิตย์ที่เเล้ว
“ยังไม่ดีขึ้น เหมือนจะเเย่ลง รู้สึกว่าร่างกายไม่โอเค หน้ามืดบ่อย ใจสั่น พอพยายามพักนอนพักมันก็ไม่หาย ผมคาดว่าน่าจะเกิดจากความวิตกกังวล ความเครียดของตัวเอง เเล้วผมยังเจ็บหน้าอกเป็นระยะๆ ด้วย แ
“ผมยอมรับตรงๆ ว่าตอนนี้ผมเครียดมาก ทั้งเรื่องผลประกัน เเละสภาพเเวดล้อมใหม่ ถ้ายังต้องอยู่ในนี้ผมอยากกลับไปแดน 4 อย่างน้อยก็สบายใจมากกว่า มีคนให้คุยด้วยเยอะกว่าต่างจากที่แดน 5 ตอนนี้ผมได้รับการฉีดวัคซีนโควืด เขาบังคับให้ฉีด วันเเรกๆ ทรมานมาก ปวดถึงกระดูกเลย 2-3 วันให้หลัง รู้สึกว่าไม่สบายเป็นหวัดหน่อย”
เมื่อเริ่มคุยเรื่องแผนการยื่นประกันตัวอีกครั้ง กิ๊ฟก็เริ่มมีเสียงที่เครียดขึ้นเเละถามว่าผมควรจะต้องทำยังไงต่อเเละวนกลับมาว่า
“หากผมต้องอยู่ไปอีกสักพัก ผมก็อยากกลับแดน 4 นะครับ มีเพื่อนนักโทษการเมืองด้วยกัน คุยกันได้รู้เรื่อง อยู่ง่ายกว่าเเดน 5 ที่มีระบบบ้าน เเละเป็นการบังคับกลายๆ ว่าเราต้องมีบ้าน ซึ่งที่เเดน 4 ไม่ได้มีเรื่องอะไรแบบนี้”
“ฝากถึงที่บ้านว่าคิดถึง อยากกลับบ้านแล้วครับ”
.
วัฒน์: หลังทราบคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกันตัว ยังคิดเรื่องการอุทธรณ์คดีต่อ
ทนายความได้เข้าเยี่ยมวัฒน์เป็นครั้งแรกในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ วัฒน์นั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขาย้ำว่าเขาอยู่ในเรือนจำได้และปรับตัวได้ ตอนนี้ได้เป็นหัวหน้าห้องของผู้ถูกคุมขังชุดที่เข้ามาพร้อมกัน ซึ่งกำลังแยกกักตัว 14 วัน ก่อนจะจำแนกแดน
จากนั้น เราพูดคุยเรื่องการประกันตัว ที่เมื่อช่วงปลายอาทิตย์ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยเห็นว่าพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ข้อหามีอัตราโทษสูง จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก มีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลย
วัฒน์เข้าใจว่าหากได้ประกันตัวออกไปและสู้คดีไปถึงศาลอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์ยังคงยืนตามศาลชั้นต้น เขาจะต้องมาติดคุกโดยนับหนึ่งใหม่ เราจึงได้อธิบายวิธีการนับโทษ รวมถึงการนำวันที่ถูกคุมขังมาหักกับวันที่ถูกพิพากษาลงโทษจำคุกออกภายหลังจากคดีสิ้นสุด ทำให้การถูกคุมขังในตอนนี้ ก็จะถูกนับโทษไปหักลบจากโทษที่ศาลลงเอาไว้ หากศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจริงๆ เขาดูสบายใจขึ้น
อย่างไรก็ตามวัฒน์ยังคงทบทวนถึงการอุทธรณ์คดีต่อไปอยู่ “ผมไม่อยากเข้าๆ ออกๆ เรือนจำ ถ้าประกันออกไป เดี๋ยวเวลาเข้ามาใหม่ ผมทำใจลำบาก เดี๋ยวถ้าออกไปแล้วผมหางานทำ พอถึงเวลาถ้าต้องเข้าผมก็ลำบากต้องลางาน ลาออก หางานใหม่ ถ้ายอมติดคุกไปเลย ปีครึ่งให้มันจบๆ มกราคมปี 68 ผมก็ได้ออกแล้ว” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
วัฒน์อยู่ในช่วงกำลังใคร่ครวญ และจะอัพเดทความคิดกับทนายความในการเยี่ยมต่อไป