บันทึกเยี่ยมชัยพร-ชนะดล: คนในเรือนจำติดตามสถานการณ์การเมืองใกล้ชิด หวังตั้งรัฐบาลโดยเคารพเสียงประชาชน

20-21 ก.ค. 2566 ทนายความได้เดินทางเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ได้แก่ “มาย” ชัยพร ซึ่งถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษาในคดีครอบครองวัตถุระเบิด (ระเบิดปิงปอง) ก่อนมีการชุมนุม #ม็อบ29สิงหา64 ซึ่งไม่ได้ประกันตัวมาตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. 2566 ภายหลังศาลอาญามีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี ขณะนี้ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาไปแล้ว

นอกจากนี้ยังเข้าเยี่ยม “มาร์ค” ชนะดล ผู้ถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดี กรณีถูกกล่าวหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง (ระเบิดปิงปอง) จากกรณีเข้าร่วมชุมนุมบริเวณดินแดง เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2564 หลังอัยการมีคำสั่งฟ้องเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2566 ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันตัวระหว่างพิจารณา โดยคดีมีกำหนดสืบพยานในเดือนตุลาคมนี้

.

มาย ชัยพร: “บางคนถึงกับบอกว่าไม่อยากออกจากคุกเลย กลัวออกไปเจอรัฐบาลเดิม”

มายทักทายทนายในตอนที่เจอกันว่า “ข้างนอกเป็นไงบ้างพี่” มายเล่าว่า พอรู้ข่าวในเรือนจำอยู่บ้าง แต่ไม่ทราบรายละเอียดมากนัก ทนายจึงเล่าเรื่องที่รัฐสภาลงมติไม่ให้เสนอชื่อพิธาขึ้นโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี ในครั้งที่ 2 ให้ฟัง

มายมีความเห็นว่า “เรื่องแบบนี้ จะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ก็ไม่สำคัญเท่าการเห็นหัวประชาชนหรอกพี่ หากได้เป็นรัฐบาลแล้ว แต่ไม่ทำตามนโยบายที่เคยพูดไว้ มันก็เหมือนเดิม ครั้งนี้เราไม่ได้แพ้ แล้วเรายังมีโอกาสเริ่มใหม่เสมอ เรียนรู้จากข้อผิดพลาดกันไป ตราบใดที่คนดีๆ ยังไม่ตายไปจากสังคม มันก็จะมีการต่อสู้กันเสมอ”

“อยากฝากถึงก้าวไกลว่า ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป ผมยังเชื่อว่าคนมีอุดมการณ์ยังไม่สิ้น เรามาได้ขนาดนี้ก็เป็นความสำเร็จพอสมควรแล้ว จากแต่ก่อนเป็นอนาคตใหม่ ไปไหนมีแต่คนโห่ไล่ ได้ทำงานพิสูจน์ตัวเอง 1 สมัย ก็เปลี่ยนใจคนที่เคยโห่ไล่มาเป็นสนับสนุนได้ อาจจะไม่ประสบความสำเร็จในสภา แต่ประสบความสำเร็จในใจประชาชน ถ้าคุณยังทำดีต่อเนื่องแบบนี้ ประชาชนก็พร้อมสนับสนุนไปตลอด”

นอกจากนี้ มายยังเล่าให้ฟังว่า คนในเรือนจำก็ตื่นเต้นกับการเลือกนายกฯ เช่นกัน

“พวกเขามาถามผมทุกวันว่าจะมีรัฐประหารมั้ย ใครจะได้เป็นรัฐบาล ผมก็แบบ เฮ้ย พี่ เราก็ติดคุกอยู่แดนเดียวกัน ผมก็รู้เท่าที่พี่รู้นั่นแหละ (หัวเราะ) บางคนถึงกับบอกว่าไม่อยากออกจากคุกเลย กลัวออกไปเจอรัฐบาลเดิม”

“ฝากข้อความถึงคนที่ออกมาเคลื่อนไหวว่าขอให้ยึดมั่นในสันติวิธี ระวังเรื่องมือที่ 3 ที่จะเข้ามาสร้างสถานการณ์ด้วย ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย ก่อนหน้านี้ผมไปร่วมทุกที่ ทุกม็อบ ตอนนี้ออกไปไม่ได้แล้วนะครับ (หัวเราะ)

มายยังยืนยันว่าจะยื่นอุทธรณ์ต่อไปแน่นอน และคิดว่ากำลังรอให้สถานการณ์ดีกว่านี้แล้วค่อยยื่นประกันตัวอีกครั้ง

“มาร์ค” ชนะดล: ผลการเลือกตั้งก็ออกมาแล้วว่าประชาชนเลือกใคร

“เมื่อเช้าโดนนกขี้ใส่ไม่รู้จะโชคดีหรือโชคร้าย แต่ก็ขอให้เป็นโชคดี แล้วพี่ก็มาเยี่ยมฮ่าๆๆ “ มาร์คพูดขึ้นทันทีที่พบทนายความ

ในเรื่องสุขภาพของเขา มาร์คยังคงมีอาการปวดหัวอยู่เป็นประจำเพราะหยุดคิดถึงเรื่องต่างๆ ไม่ได้ ปัจจุบัน (24 ก.ค. 2566) มาร์คถูกขังมาแล้ว 132 วัน และเมื่อได้พูดคุยกับมาร์คเกี่ยวกับรายละเอียดในคำร้องขอประกันตัว โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2566 หลังการยื่นประกันตัวอีกครั้ง โดยขอวางหลักประกัน 3 แสนบาท ศาลอาญายังคงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยเห็นว่าไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

มาร์คยังถามว่า “พี่คิดว่าผมจะได้ประกันไหม ส่วนตัวผมคิดว่าอาจจะได้ก็ได้ จริงๆ ทุกรอบที่ยื่นประกันผมก็เชื่อนะว่าจะได้ประกัน ขอให้มันได้สักที ถ้าไม่ได้อีก บางทีก็คิดว่า หรือจะพักไม่ยื่นไปสักพักดีไหม มันมีแว่บมาในหัวตลอด แต่สุดท้ายก็ยังอยากยื่นดีกว่า”

มาร์คถามถึงการเลือกตั้งและพูดถึงผลการเลือกตั้ง “ผลการเลือกตั้งก็ออกมาแล้วว่าประชาชนเลือกใคร คือมันไม่น่าจะมาเป็นแบบนี้ได้เลย พรรคก้าวไกล จะดีหรือไม่ดีก็ต้องให้เค้าได้ทำงานก่อน ผมเชื่อว่ามันต้องดีกว่านี้แน่นอน

“พี่เชื่อไหม คนในเรือนจำติดตามเรื่องเลือกตั้งกันมากๆ เสียงส่วนใหญ่อยากให้ก้าวไกลเป็นรัฐบาลสักที บางทีมีข่าว ผมเห็นก็รีบไปดู บางทีก็ไม่ทัน ก็ต้องถามเพื่อนเอา ตอนนี้ข่าวการเมืองเป็นที่สนใจของคนในเรือนจำมากๆ ผมเห็นเค้าคุยกัน 2 แบบ คือ หนึ่ง ก้าวไกล เป็นรัฐบาลยากเพราะติดเรื่อง ส.ว. สอง ยังไงก้าวไกลก็ต้องเป็นรัฐบาล ถ้าเป็นไปตามกติกา ตามเสียงส่วนมากที่คนเลือกมา ก้าวไกลต้องได้เป็นรัฐบาล

“จะว่าไปมันก็น่าเบื่อมากๆ เลยนะพี่ ไม่จบไม่สิ้นสักทีทั้งในสภา แล้วก็เรื่องคดีผม ก้าวไกลก็คือความหวังของผม รวมถึงหลายคนในนี้ เค้ามาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลง มันต้องเปลี่ยนแปลง เราควรจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลง

“ดูค่าไฟสิ แพงมาก นี่ผมยังไม่รู้เลยว่าที่บ้านจะเป็นยังไง พูดละคิดถึงบ้านชิบหายเลย ไม่รู้ว่าต้องแบกรับภาระเพิ่มอีกเท่าไหร่ ถ้าก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล อะไรๆ คงจะดีขึ้น นี่ถ้าอยู่ข้างนอกผมก็คงตามการเมืองทุกชั่วโมงเหมือนพี่แหละ ผมภาวนาให้ผลมันเป็นไปในทางที่ดีนะ มันต้องเปลี่ยนแปลงได้แล้ว

“อาทิตย์ก่อนที่บ้านมาเยี่ยม แม่ น้า ลูกพี่ลูกน้อง 2 คน พอน้องถามว่า ‘พี่มาร์คเมื่อไหร่จะกลับบ้าน’ แค่นั้นแหละ ผมน้ำตาคลอ แม่ก็ยังไม่ได้ผ่าตัดสักที แม่บอกว่ารอผมออกไป ค่อยไปผ่า ไม่งั้นเดี๋ยวไม่มีใครดูแลเค้า ผมก็ภาวนานะ ให้ได้ออกไปสักที

มาร์คทิ้งท้ายว่า “ฝากบอกที่บ้านหน่อยนะพี่ว่า คิดถึง”