2 มิ.ย 2566 เวลา 09.00 น. ศาลอาญา รัชดาฯ นัดสืบพยานในคดีของ “ลูกเกด” ชลธิชา แจ้งเร็ว ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคก้าวไกล ผู้ถูกฟ้องในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) จากการโพสต์ข้อความถึงสถาบันกษัตริย์ในการเคลื่อนไหว “ราษฎรสาส์น” เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2563
สำหรับการสืบพยานคดีนี้เป็นการสืบต่อเนื่องจากวานนี้ (1 มิ.ย. 2566) ศาลอาญาฯ ได้นัดสืบพยานชลธิชา หลังศาลเลื่อนนัดหมายคดีจากเดิมปี 2567 ที่คู่ความตกลงกันมาเอง แม้ทางจำเลยได้แจ้งกับศาลว่า เนื่องจากทนายจำเลยในคดีนี้ติดว่าความอยู่ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ในคดีอื่น ซึ่งได้กำหนดนัดหมายไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว และได้แจ้งต่อศาลไปแล้วในคำร้องตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย. 2565 อีกทั้งจำเลยก็ไม่ได้ลงลายมือชื่อในการกำหนดวันนัดสืบพยานใหม่นี้ด้วยแต่อย่างใด จึงขอให้ศาลเลื่อนการพิจารณาคดีนี้ออกไปก่อน
อย่างไรก็ตาม ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี เนื่องจากเห็นว่าพยานโจทก์มาพร้อมสืบแล้ว และอ้างว่าจำเลยไม่ได้คัดค้านในประเด็นนี้ไว้ตั้งแต่ที่ศาลกำหนดนัดหมายใหม่ ดังนั้นศาลจึงจะให้สืบพยานไปก่อนโดยไม่มีทนายความ ด้านชลธิชาลุกขึ้นแถลงต่อศาลว่าจะไม่รับกระบวนศาลใดๆ ทั้งสิ้น การสืบพยานจึงดำเนินต่อไปต่อหน้าชลธิชาโดยไม่มีทนายความอยู่ในการพิจารณาคดี
อนึ่ง ในคดีนี้ “อรรถการ ฟูเจริญ” รองอธิบดีของศาลอาญาฯ เป็นผู้กำหนดให้เลื่อนการสืบพยานคดีจากปี 67 มาสืบให้เร็วขึ้น โดยได้มีการส่งหมายกำหนดวันนัดสืบพยานใหม่ ลงวันที่ 5 ก.ค.2565 และไม่ได้ระบุเหตุผลที่ชัดแจ้งกับจำเลยแต่อย่างใด
หมายแจ้งกำหนดวันนัดสืบพยานใหม่
.
“ลูกเกด” ยื่นหนังสืออธิบดี-กต. ขอให้มีการสอบสวนองค์คณะผู้พิพากษา ด้านศาลยืนยันกระบวนการชอบด้วยกฎหมายแล้ว ให้สิทธิจำเลยถามค้านเอง แต่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี
ในช่วงเช้าของวันนี้ที่ศาลอาญาฯ “ชลธิชา” กับว่าที่ ส.ส. พรรคก้าวไกลจำนวนหนึ่ง ได้ร่วมกันเข้ายื่นหนังสือต่อ สำนักคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (กต.) และอธิบดีศาลอาญาฯ เกี่ยวกับการพิจารณาคดีที่ไม่เป็นธรรม โดยมีการเรียกร้องให้สอบสวนองค์คณะผู้พิพากษาในคดีนี้ และดำเนินการทางวินัยกรณีพิจารณาคดีละเมิดสิทธิจำเลยในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ศาลอาญาฯ ได้รับหนังสือเอาไว้แล้วแจ้งว่าจะดำเนินการส่งเรื่องไปที่ กต. และอธิบดีศาลอาญาฯ
อ่านจดหมายฉบับเต็ม
.
สำหรับบรรยากาศการพิจารณาคดีที่ห้อง 905 วันนี้ มีผู้สนใจเข้าร่วมฟังการพิจารณาคดีเป็นจำนวนมาก ทั้งสื่อมวลชน ทีมงานพรรคก้าวไกล ผู้สังเกตการณ์จากองค์กรสิทธิมนุษยชน และประชาชนที่มาให้กำลังใจชลธิชา จนห้องพิจารณาเต็มห้อง
เวลา 10.31 น. ศาลออกนั่งพิจารณาคดี พร้อมถามว่าจำเลยไม่มีทนายความมาใช่หรือไม่ ด้านชลธิชาชี้แจงกับศาลว่าตนไม่มีทนายความและจะขอเลื่อนการพิจารณาคดีนี้ออกไป พร้อมกันนี้ตนจะขอยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
หลังได้พิจารณาคำร้องดังกล่าวแล้ว ศาลมีคําสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี เนื่องจากได้วินิจฉัยโดยชัดแจ้งแล้วในการพิจารณาคดีเมื่อวานว่า คดีนี้จำเลยได้แต่งตั้งทนายความสองคน ศาลเห็นว่าทนายความทั้งสองมีสิทธิเท่าเทียมกัน แม้ทนายความคนใดคนหนึ่งจะไม่ว่าง ทนายอีกคนก็สามารถว่าความแทนได้ ศาลจึงไม่มีเหตุให้เลื่อนคดี คำสั่งนั้นชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว
ในส่วนที่จําเลยอ้างว่า ทนายความอีกคนหนึ่งที่แต่งตั้งเข้ามาเป็นทนายความในการไต่สวนคําร้องถอนประกัน เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2565 จากกรณีที่จำเลยเผยแพร่เงื่อนไขการประกันตัวคลาดเคลื่อนไม่ตรงกับข้อเท็จจริงนั้น ไม่ได้เป็นทนายความในชั้นพิจารณาคดี และทนายความคนดังกล่าวไม่ได้เข้าร่วมกําหนดนัดสืบพยานและไม่มีการส่งหมายแจ้งกําหนดวันนัดสืบพยานใหม่ให้ทราบแต่อย่างใด จึงถือว่าทนายจำเลยไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นทนายความก็ติดว่าความที่ศาลอาญากรุงเทพใต้เช่นเดียวกันกับทนายอีกคน
ในประเด็นนี้ ศาลชี้แจงว่าแม้จะเป็นการแต่งทนายคนที่สองเพื่อไต่สวนถอนประกัน แต่จำเลยไม่ได้อธิบายหรือชี้แจงเรื่องดังกล่าวตั้งแต่แรก ดังนั้นศาลจะถือว่า ทนายคนที่สองที่แต่งเข้าไปจะมีอำนาจและสิทธิในการดำเนินการต่างๆ ตลอดกระบวนการพิจารณาคดีได้
แม้ทนายความคนที่สองจะไม่ได้รับหมายกำหนดวันนัดสืบพยานใหม่ แต่ทนายความที่รับผิดชอบในคดีนี้ตั้งแต่ต้นรวมถึงจำเลยได้รับหมายกำหนดนัดสืบพยานดังกล่าวแล้ว และการที่อ้างว่าทนายจำเลยคนที่สองติดสืบพยานที่ศาลอาญากรุงเทพใต้นั้น ก็ไม่ได้มีหลักฐานมารับรองแต่อย่างใด กรณีไม่มีเหตุให้ยกเลิกวันนัด ให้ยกคำร้อง
ต่อมา ศาลได้ชี้แจงกับจำเลยว่าเนื่องจากคดีนี้ละเอียดอ่อน ศาลจึงจะให้สิทธิจำเลยถามค้านทั้งพยานโจทก์ของวันนี้และกลุ่มพยานโจทก์เมื่อวานด้วยตนเอง
ด้านชลธิชาแถลงยืนยันเหมือนเดิมว่า จะไม่รับกระบวนการพิจารณาคดีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยชี้แจงว่าเบื้องต้นทนายจำเลยได้มีการแจ้งตั้งแต่วันนัดตรวจพยานหลักฐานไปแล้วว่าไม่สามารถมาสืบพยานในช่วงเวลานี้ ที่ศาลนี้ได้ เนื่องจากติดว่าความที่คดีอื่น
“หากศาลยืนยันจะสืบก็สืบไปโดยไม่มีทนายอยู่ด้วย กฎหมายมาตรา 112 เป็นคดีอาญา ตามหลักแล้วต้องมีทนายความอยู่ด้วย ถ้าท่านจะสืบก็เอาเลย กระบวนการยุติธรรมจะพังก็พังไป” ชลธิชาแถลงต่อศาล
อย่างไรก็ตาม ศาลยังคงยืนยันให้เริ่มการสืบพยานโจทก์ต่อไป พร้อมกับแจ้งว่าศาลไม่ได้มีอคติกับจำเลย จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ได้และให้ใช้สิทธิให้เต็มที่ ศาลเพียงแต่ทำตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น ก่อนให้อัยการนำพยานโจทก์ 3 ปากเข้าเบิกความ ได้แก่ คมสัน โพธิ์คง นักวิชาการนิติศาสตร์, พ.ต.ต.หญิงสุธัญดา เอมเอก และ พ.ต.ต.ประยุทธ สอนสวาท คณะพนักงานสอบสวน
หลังเสร็จสิ้นการพิจารณาคดี อัยการแถลงหมดพยานโจทก์ ศาลได้นัดสืบพยานจำเลยต่อไปในวันที่ 6 มิ.ย. 2566 เวลา 09.00 น.