ศาลยกฟ้องข้อหาอั้งยี่-ซ่องโจร 8 ทีมการ์ด Wevo ชี้พยานหลักฐานโจทก์ไม่เพียงพอ แต่ลงโทษปรับข้อหาพกวิทยุสื่อสาร

25 เม.ย. 2566 ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดีของสมาชิกกลุ่ม Wevo จำนวน 8 คน ได้แก่ โสภา, รพงศ์, ทนง, ณัฐพงษ์, ภัชราภร, กัลยกร, ปวีณ์กร และ ธนบัตร จากกรณีที่ทั้งหมดถูกจับกุมก่อน #ม็อบ7สิงหา2564 บริเวณลานจอดรถวัดมหรรณพาราม และบริเวณห้องพักในเขตพระนคร ทั้งหมดถูกกล่าวหาในข้อหาเป็นอั้งยี่ และซ่องโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 และ 210 โดยมีจำเลย 5 ราย ยังถูกฟ้องในข้อหามีเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต และโสภา จำเลยที่ 1 ถูกฟ้องในข้อหาพกพาอาวุธไปในเมืองโดยไม่มีเหตุอันควร (กระบองดิ้ว) 

คดีนี้เกิดขึ้นก่อนการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2564 ซึ่งมีการนัดหมายชุมนุมโดยกลุ่ม Free Youth ตำรวจได้เข้าจับกุมสมาชิก Wevo สองจุดในช่วงสายวันดังกล่าว ได้แก่ สองรายถูกจับบริเวณห้องพักในเขตพระนคร ส่วนอีก 6 ราย ถูกจับกุมบริเวณลานจอดรถวัดมหรรณพาราม หลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นรถสองคัน ทั้งหมดถูกจับกุมโดยไม่มีหมายจับ แต่เจ้าหน้าที่อ้างเหตุมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกจับกุมจะนําสิ่งของที่จะใช้ในการต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานในการชุมนุม และมีการนำตัวไปทำบันทึกจับกุมและแจ้งข้อหาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ก่อนศาลจะให้ประกันตัว

คดีนี้พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องเมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2564 กล่าวหาว่าทั้ง 8 คน กับพวกอีกประมาณ 200 คน ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของคณะบุคคลโดยใช้ชื่อว่า We Volunteer หรือ Wevo ซึ่งปกปิดวิธีดําเนินการ มีวัตถุประสงค์อันมิชอบด้วยกฎหมาย มีพฤติกรรมร่วมกันชุมนุมมั่วสุมสมคบกันวางแผนเป็นยุทธวิธี ขั้นตอน ซ่องสุมกําลัง ฝึกกําลังพล เพื่อแบ่งหน้าที่กันกระทําหน้าที่ต่างๆ ตามระบบสายบังคับบัญชา

เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2564 จําเลยทั้งแปดได้ร่วมกันสมคบกันเป็นซ่องโจร โดยได้จับกลุ่มนัดหมายประชุมกัน ปรึกษาหารือ ตลอดจนมีการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน วางแผนเป็นยุทธวิธีขั้นตอน เตรียมกําลังคนโดยแบ่งหน้าที่ระหว่างกัน และตกลงกันเพื่อจะไปกระทําความผิด โดยได้ร่วมกันตระเตรียมเตรียมอาวุธ หนังสติ๊ก ลูกแก้ว ลูกเหล็ก ระเบิดควัน และวัตถุอื่นจํานวนหลายชนิด และหลายรายการ เพื่อใช้ในการป้องกันตน จากการปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในการดูแลการชุมนุมของเจ้าพนักงานตามกฎหมาย และตระเตรียมวิทยุสื่อสารอันเป็นเครื่องวิทยุคมนาคมที่ต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าพนักงาน

ทั้งหมดให้การปฏิเสธข้อหา และคดีมีการสืบพยานไปทั้งหมด 8 นัด ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก่อนศาลจะนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้

.

โดยสรุปคำพิพากษา ศาลเห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์ไม่เพียงพอว่า จำเลยทั้งแปดกระทำผิดตามอั้งยี่และซ่องโจรอย่างไร ทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสารในคดีไม่สามารถระบุได้ว่าจำเลยทั้งแปดได้เข้าร่วมประชุมเพื่อเตรียมการกระทำตามฟ้อง  อีกทั้ง ภาพแชทประกอบที่โจทก์อ้างส่ง ไม่สามารถระบุว่าใครเป็นผู้พิมพ์ และการที่พยานเข้าร่วมประชุมกับสายลับในแต่ละครั้งไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นการประชุมที่ไหน ใครเป็นตัวแทนของกลุ่มวีโว่ในการเข้าร่วมประชุม จำเลยทั้งแปดได้เข้าร่วมประชุมหรือไม่ พิพากษายกฟ้องในข้อหาเป็นอั้งยี่และซ่องโจร

ส่วนกรณีจำเลยที่ 1 ที่ถูกฟ้องในข้อหาพกพาอาวุธไปในเมืองโดยไม่มีเหตุอันควร จำเลยที่ 1 รับว่าเป็นผู้ขับขี่รถตู้คันที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น จึงฟังได้ว่ารถตู้อยู่ภายใต้การดูแลของจำเลยที่ 1 และสิ่งของที่ตรวจพบ (กระบองดิ้ว) จึงอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดในข้อหานี้ ลงโทษปรับเป็นเงิน 1,000 บาท

ส่วนข้อหาพกพาวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาต ในส่วนจำเลยที่ 1 ศาลให้เหตุผลการพิจารณาเช่นเดียวกับข้อหาพกพาอาวุธ ลงโทษปรับเป็น 5,000 บาท

จำเลยที่ 4 และ 5 (ณัฐพงษ์ และ ภัชราภร) ให้การรับสารภาพในข้อหานี้ จึงลงโทษปรับจำเลยที่ 4 เป็นเงิน 5,000 บาท ปรับจำเลยที่ 5 เป็นเงิน 4,000 บาท จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือปรับจำเลยที่ 4 เป็นเงิน 2,500 บาท ปรับจำเลยที่ 5 เป็นเงิน 2,000 บาท

ส่วนจำเลยที่ 7 และ 8 (ปวีณ์กร และ ธนบัตร) ต่อสู้ว่าวิทยุสื่อสารที่ตรวจพบไม่ใช่ของตนเอง โดยนำสืบว่าจำเลยที่ 7 เป็นผู้เปิดห้องพักในโรงแรม และจำเลยที่ 8 ได้เข้าพัก โดยจำเลยที่ 7 ไม่ได้เข้าพักด้วย และได้มีบุคคลภายนอกเข้ามาพักในห้องดังกล่าว แต่จำเลยไม่ได้อ้างพยานบุคคลภายนอกดังกล่าวมานำสืบ และเป็นเพียงคำเบิกความของจำเลยทั้งสองเท่านั้น การที่จำเลยเปิดห้องพักและเข้าพักนั้น สิ่งของที่อยู่ในห้องพักย่อมอยู่ภายใต้การครอบครองของจำเลยทั้งสองคน จึงเห็นว่าทั้งสองมีความผิดฐานมีวิทยุไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ลงโทษปรับคนละ 4,000 บาท

ภายหลังคำพิพากษา จำเลยห้ารายได้ชำระค่าปรับตามคำพิพากษาในคดี โดยได้มีการหักค่าชดเชยการถูกควบคุมตัวในระหว่างการถูกจับกุมที่ บช.น. เป็นเวลา 2 วัน หักค่าปรับไปคนละ 1,000 บาท จำเลยที่ 1 เหลือชำระค่าปรับ 5,000 บาท จำเลยที่ 4 ชำระ 1,500 บาท จำเลยที่ 5 ชำระ 1,000 บาท จำเลยที่ 7 และ 8 ชำระคนละ 3,000 บาท รวมค่าปรับทั้งหมด 13,500 บาท 

ทั้งนี้นอกจากคดีนี้แล้ว ยังมีคดีที่สมาชิกกลุ่ม Wevo ถึง 45 ราย ถูกกล่าวหาในข้อหาเป็นอั้งยี่และซ่องโจรอีกคดีหนึ่ง ได้แก่ กรณีการจับกุมบริเวณห้างสรรพสินค้าเมเจอร์รัชโยธิน ก่อนการชุมนุมเมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2564 โดยคดีนี้ถูกอัยการสั่งฟ้องที่ศาลอาญาเช่นเดียวกัน และมีนัดสืบพยานในช่วงเดือนเมษายน 2567 

.

X