จำคุก 4 ปี 2 นศ. “ศักดิ์ดา-กรรภิรมย์” ฐานพยายามวางเพลิงเผารถยกตำรวจใน #ม็อบ11สิงหา64 ก่อนส่งศาลอุทธรณ์สั่งให้ประกันหรือไม่

วันที่ 15 มี.ค. 2566 เวลา 09.00 น. ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในคดีของ 2 นักศึกษา “ศักดิ์ดา” (สงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี และ “กรรภิรมย์” (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี กรณีถูกกล่าวหาว่า วางเพลิงเผารถบรรทุกพ่วงลากจูงรถยกจราจร ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บริเวณแยกใต้ทางด่วนดินแดง ถนนวิภาวดีรังสิต ภายหลังการชุมนุมเดินขบวนขับไล่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปตามถนนราชวิถี ถนนดินแดง เพื่อมุ่งหน้าไปกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2564 

คดีนี้ศักดิ์ดาและกรรภิรมย์ถูกฟ้องโดยพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ตามลำดับ ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 217 ฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น, มาตรา 215 ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายฯ ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และฝ่าฝืนข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยการสืบพยานในคดีนี้มีขึ้นวันที่ 2-3 ก.พ. 2566

ย้อนไปเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2564 ศักดิ์ดาถูกจับกุมตัวตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1388/2564 โดยในบันทึกจับกุมที่ตำรวจให้ศักดิ์ดาลงลายมือชื่อ มีข้อความระบุว่า “ผู้ถูกจับรับทราบข้อกล่าวหา และสิทธิดีแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยผู้ถูกจับกุมไม่ประสงค์จะพบและปรึกษาทนายความ” และตำรวจยังให้เขียนคำรับสารภาพโดยไม่ได้มีทนายความอยู่ด้วย

ต่อมาในวันที่ 16 ก.ย. 2564 กรรภิรมย์ก็ถูกตำรวจชุดจับกุมรวม 8 นาย นำหมายจับของศาลอาญาที่ 1505/2564 เข้าติดตามจับกุม พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา โดยที่ไม่เคยได้รับหมายเรียกมาก่อน ชุดจับกุมยังให้กรรภิรมย์เขียนคำรับสารภาพ และยังให้ลงนามรับรองว่าเป็นบุคคลในภาพถ่ายระหว่างการชุมนุมเพื่อประกอบคำรับสารภาพด้วย โดยกระบวนการนี้ไม่ได้มีทนายความอยู่ด้วย 

ศักดิ์ดาและกรรภิรมย์ให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวน โดยได้รับการประกันตัวในชั้นฝากขัง ส่วนในชั้นศาลทั้งสองรับสารภาพในทุกข้อหา แต่ปฏิเสธว่าในข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์นั้น การกระทำความผิดยังไม่สำเร็จ

ในวันนี้ (15 มี.ค. 2566) เวลา 09.00 น. ณ ห้องพิจารณาคดีที่ 907 กรรภิรมย์เดินทางมาศาลพร้อมครอบครัว ส่วนศักดิ์ดาถูกฝากขังอยู่ที่เรือนจำกลางฉะเชิงเทราด้วยคดีส่วนตัว และถูกเบิกตัวมาศาลเพื่อสืบพยานในคดีนี้ตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ. 2566 เนื่องจากติดปัญหาเกี่ยวกับหนังสือส่งกลับและเจ้าหน้าที่แจ้งว่ารถผู้ต้องขังมีไม่เพียงพอ ทำให้เขาต้องถูกขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครจนถึงปัจจุบัน โดยศักดิ์ดาถูกเบิกตัวมาฟังคำพิพากษาในวันนี้ด้วยและมีครอบครัวเดินทางมารอพบและให้กำลังใจ

เวลา 09.50 น. ศาลออกนั่งพิจารณาคดี ก่อนอ่านคำพิพากษาในคดีนี้โดยย่อ มีใจความโดยสรุปดังนี้

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในการสืบพยาน โจทก์มีพยานบุคคล ภาพถ่าย และบันทึกภาพเคลื่อนไหวมาแสดงต่อศาล และจำเลยทั้งสองเขียนคำให้การรับสารภาพด้วยตนเอง คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า การที่รถบรรทุกพ่วงลากจูงรถยกเกิดเพลิงไหม้เสียหายทั้งคันมาจากการกระทำของจำเลยทั้งสองหรือไม่

เห็นว่า เพลิงที่ลุกไหม้จากการขว้างวัตถุติดไฟไปยังรถของจำเลยทั้งสองได้ดับไปแล้ว ต่อมามีบุคคลอื่นขว้างวัตถุติดไฟไปที่รถทำให้เพลิงลุกไหม้ขึ้น จำเลยทั้งสองไม่ใช่กลุ่มเดียวกับบุคคลที่ก่อเหตุ การกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองในการขว้างวัตถุติดไฟไปยังรถยกกระทำไปตลอดแล้วแต่ไม่บรรลุผล จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานพยายามวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น

พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 วรรคหนึ่ง ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายฯ ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง, มาตรา 217 ประกอบ มาตรา 80 ฐานพยายามวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น และฝ่าฝืนข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักที่สุด คือ ฐานพยายามวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 4 ปี เนื่องจากให้การรับสารภาพ จึงลดโทษลงกึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 2 ปี

หลังศาลมีคำพิพากษาศักดิ์ดาและกรรภิรมย์ถูกควบคุมตัวลงไปที่ห้องขังใต้ถุนศาล ก่อนที่ทนายความจะยื่นประกันทั้งสองระหว่างอุทธรณ์ 

ต่อมาในเวลา 16.50 น. ศาลอาญามีคำสั่งส่งคำร้องขอประกันศักดิ์ดาและกรรภิรมย์ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาว่าจะอนุญาตให้ประกันระหว่างอุทธรณ์หรือไม่ ทำให้ในวันนี้ทั้งสองต้องถูกควบคุมตัวไปขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อรอฟังคำสั่งของศาลอุทธรณ์ซึ่งคาดว่าจะรู้ภายใน 2-3 วัน 

น่าสังเกตว่า ขณะเกิดเหตุศักดิ์ดาและกรรภิรมย์มีอายุไม่ถึง 20 ปี ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ศาลอาจใช้ดุลพินิจลดมาตราส่วนโทษลง 1 ใน 3 หรือกึ่งหนึ่งก็ได้ เช่นเดียวกับที่ลดโทษให้น้ำเชี่ยวในคดีเผารถผู้ต้องขัง และคงเพชรในคดีครอบครองระเบิดปิงปอง ที่ศาลอาญาพิพากษาเมื่อวันที่ 2 และ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา แต่ในคดีนี้ศาลไม่ใช้ดุลพินิจลดโทษให้จำเลยทั้งสองจากเหตุดังกล่าว คงลดโทษให้จากเหตุที่จำเลยรับสารภาพเท่านั้น

.

ย้อนอ่านข่าวการจับกุม >>> #ม็อบ16กันยา จับตามหมายจับ 3 ราย จับหลังชุมนุมดินแดง 2 ราย ถูก คฝ. ฟาดด้วยปืน-รุมกระทืบ ก่อนศาลไม่ให้ประกัน 1 ราย

X