อย่าลืมฉัน EP2: ส.ค.ส. 2023 จากคนถูกขังข้ามปี

เมื่อถึงวันสุดท้ายของปี 31 ธันวาคม หลายครอบครัวคงนั่งล้อมโต๊ะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า ร่วมดื่มกินมื้อแสนสุข พบปะและสังสรรค์ เพื่อนฝูงเจอะหน้าเจอกัน ร่วมเฮฮาและยินดี เสียงดนตรีทำนองรื่นเริงดังก้องอยู่ทั่วทุกแห่งหน ถนนทุกสายถูกประดับด้วยไฟสีอุ่นสว่างไสว ท้องฟ้าสว่างวาบจากดอกไม้ไฟหลากสีดวงแล้วดวงเล่า  

5 4 3 2 1 … 

HAPPY NEW YEAR!!!

คืนข้ามปี การเริ่มต้นใหม่ เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง ความสุข และงานรื่นเริง ช่างอบอวลไปด้วยความสุขและความหรรษา แต่สำหรับคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ข้างหลัง “กรงขัง” กลับเป็นเพียงวันธรรมดาวันหนึ่งเช่นทุกวันที่ผ่านมาและจะผ่านไป 

หลายคนจากข้างในนั้นเล่าว่า ในคืนข้ามปี แม้กระทั่งเสียงเพลงและแสงไฟจากพลุก็ไม่สามารถเล็ดลอดเข้าไปถึงห้องสี่เหลี่ยมที่เรียกว่า “เรือนจำ” ให้พวกเขาได้ยินและได้เห็น

ในวาระเทศกาลปีใหม่ 2023 เราชวนฟังเสียงของ “ผู้ต้องขังทางการเมือง” อีกครั้ง 

ช่วงรอยต่อเปลี่ยนผ่านจากปี 2565 เข้าสู่ปี 2566 ในเดือนธันวาคมนี้ ยังคงมีผู้ต้องขังในคดีทางการเมือง อย่างน้อย 17 ราย แบ่งเป็นผู้ต้องขังระหว่างต่อสู้คดี 11 ราย ในจำนวนนี้เป็นคดีที่ถูกกล่าวหาตามมาตรา 112 จำนวน 3 ราย อีก 8 รายเป็นคดีที่สืบเนื่องจากการชุมนุมและการแสดงออกทางการเมือง ส่วนผู้ต้องขังที่คดีสิ้นสุดแล้ว หรือ ‘นักโทษเด็ดขาด’ มีอย่างน้อย 6 ราย ในจำนวนนี้เป็นคดีตามมาตรา 112 จำนวน 2 ราย

หมายเหตุ: บทสัมภาษณ์นี้รวบรวมข้อมูลจากการเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังทางการเมืองของทนายความได้เพียง 13 รายเท่านั้น โดยผู้ต้องขังอีก 4 รายที่เหลือ ได้แก่ วรรณภา, ณัฐชนน, ศุภากร และอดีตพลทหารเมธินนั้นยังไม่สามารถรวบรวมข้อมูลได้ทันตามกำหนด เนื่องจากข้อจำกัดในการเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังในคดีที่สิ้นสุดแล้ว

อัญชัญ

คดี: ถูกกล่าวหาว่าอัพโหลดและเผยแพร่คลิปเสียงของ “บรรพต” ดีเจผู้จัดรายการใต้ดิน ซึ่งมีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นประมาทกษัตริย์ รวมทั้งหมด 29 ครั้ง เป็นความผิด 29 กรรม โดยศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 87 ปี แต่รับสารภาพ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือโทษจำคุกราว 43 ปี 6 เดือน 

ข้อกล่าวหาหลัก: มาตรา 112

สถานะคดี: คดีสิ้นสุดแล้ว (นักโทษเด็ดขาด)

วันที่ถูกคุมขัง: 19 ม.ค. 2564 (ถูกขังในคดีนี้เป็นครั้งที่ 2) 

ป้าอัญชัญยิ้มและโบกมือทักทายตั้งแต่ยังไม่ทันนั่งลง ก่อนเริ่มบทสนทนาว่า “ป้าสบายดี แต่ว่าเมื่อคืน (20 ธ.ค.) อากาศหนาวมาก ยังกินอิ่มนอนหลับ ฝากขอบคุณกองทุนดา ตอร์ปิโด ที่คอยซื้ออาหารให้ป้าเสมอ เวลาเขาซื้อมาให้ ป้าก็จะแบ่งให้ผู้ต้องขังคนอื่นๆ ที่ไม่มีญาติได้กินด้วยกันตลอด และขออนุโมทนาให้เสมอ 

“ขอบคุณที่ยังไม่ลืมและไม่ทอดทิ้งป้า”

Q: หากได้รับการปล่อยตัว ปี 2566 ที่จะถึงนี้ วางแผนชีวิตไว้ว่าตั้งใจจะทำอะไรบ้าง

A: ป้าจะไปดำเนินการเรื่องเงินราชการ เพราะก่อนติดคุกป้าทำงานมาตั้ง 38 ปี แล้วที่ติดคุกก็ไม่ได้ติดเพราะทำผิดวินัยของการเป็นเจ้าหน้าที่ราชการ ป้าอยากได้ผลประโยชน์ตามสิทธิของป้าคืน

Q: หากขอของขวัญเนื่องในวันปีใหม่ได้ 1 อย่าง อยากจะได้อะไร เพราะอะไร

A: ของขวัญปีใหม่ ป้าก็อยากได้ “อภัยโทษ” นะ อยากออกไปสักที นี่ป้าก็อายุ 67 แล้ว ติดคุกตั้งแต่อายุ 59 ป่านนี้ยังไม่ได้ออกเลย 

ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2565 ทนายความได้ติดต่อไปสอบถามเรือนจำอีกครั้งเกี่ยวกับโทษจำคุกคงเหลือของป้าอัญชัญ ก่อนได้รับคำตอบเช่นเดิมว่า ป้าอัญชัญมีกำหนดพ้นโทษในวันที่ 24 ก.ย. 2574 หรืออีกประมาณเกือบ 9 ปีข้างหน้า 

Q: อยากจะส่งคำอวยพรปีใหม่ถึงใครบ้าง 

A: อยากอวยพรให้ทุกคนที่คอยช่วยเหลือป้าเลย ป้ารู้สึกขอบคุณทุกคนมาก เพราะมีกำลังใจจากน้องๆ หนูๆ ทั้งหลายนี่แหละ ป้าถึงยังอยู่ได้ ป้าขอให้ทุกคนมีสุขภาพที่แข็งแรง อย่ามีโรคภัยไข้เจ็บอะไร มีพลังกาย พลังใจ เจอแต่คนดีๆ อย่าย่อท้อ สู้ต่อไปเพื่อลูกหลานในอนาคต เราจะชนะด้วยกาลเวลา ขอให้พวกหนูๆ ระมัดระวังตัวเองให้มากๆ ป้าขอสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าเลยนะลูก

นอกจากนี้ป้าอัญชัญยังขอฝากให้กำลังใจ “พายุ ดาวดิน” หลังถูกยิงกระสุนยางใส่ดวงตาข้างขวา ในเหตุการณ์จับกุมและสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการชุมนุม #ม็อบ18พฤศจิกา65 จนปัจจุบันไม่สามารถกลับไปมองเห็นได้ดังเดิม 

“บอกเขาว่าสู้ๆ อย่ายอมแพ้ ฟ้องอะไรได้ก็ฟ้องเลย เราต้องให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบการกระทำของพวกเขา”

หมายเหตุ: ข้อมูลจากการเข้าเยี่ยมเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2565

สมบัติ ทองย้อย

คดี: ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ข้อความ “#กล้ามาก #เก่งมาก #ขอบใจนะ” พร้อมกับอีก 2 ข้อความ โดยศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกเป็น 2 กรรม กรรมละ 3 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้น 6 ปี โดยไม่รอลงอาญาและไม่มีการลดหย่อนโทษจำคุก 

ข้อกล่าวหาหลัก: มาตรา 112

สถานะคดี: ถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์ 

วันที่ถูกคุมขัง: 28 เม.ย. 2565

สมบัติบอกว่า ยังคงสบายดีเช่นเดิม ช่วงนี้ได้รับมอบหมายให้ทำงานอยู่ที่ห้องสมุดของเรือนจำ มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับการยืมและคืนหนังสือ แม้จะใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่ในนั้น แต่สมบัติกลับบอกว่าแทบจะไม่ได้หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอย่างจริงจังเลย เพราะเขามีปัญหาด้านสายตาที่ไม่ค่อยจะดีนัก สมบัติไม่แน่ใจว่าตัวเองสายตาสั้นหรือยาวกันแน่ ฉะนั้นหากอยากจะอ่านหนังสือจริงๆ เขาจะเลือกอ่านในช่วงกลางวันที่มีแสงสว่างเพียงพอ โดยหนังสือเกี่ยวกับการเมือง รถ บ้านและสวน คือ หนังสือที่เขาชอบอ่านมากที่สุด

ตลอดฤดูกาลแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ที่ผ่านมา แม้สมบัติจะไม่มีโอกาสได้ดูถ่ายทอดสดการแข่งขันเลยสักนัด แต่เขาทราบข่าวแล้วว่าปีนี้ ‘อาร์เจนตินา’ ได้เป็นแชมป์โลก อย่างไรก็ดี ทางเรือนจำเองก็ได้จัดการแข่งขันฟุตบอลของผู้ต้องขังคู่ขนานไปด้วยพร้อมกัน โดยจะจับคู่ให้แต่ละห้องขังมาแข่งกัน นอกจากนี้ยังมีการแข่งกีฬาประเภทอื่นๆ อีกด้วย เช่น ตะกร้อ ปิงปอง ฯลฯ โดยสมบัติชอบที่จะลงเล่นฟุตบอลกับปิงปอง

ช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมานี้ สมบัติถูกเบิกตัวจากเรือนจำไปศาลหลายครั้ง ทั้งนัดสืบพยานและนัดฟังคำพิพากษาในคดีที่ยังคงค้างอยู่ก่อนเข้าเรือนจำ ทำให้เขามีโอกาสได้เจอกับญาติ พี่น้อง และเพื่อนฝูงหลายคนที่ตั้งใจมาให้กำลังใจเขาโดยเฉพาะ สมบัติเผยว่ารู้สึกดีใจและมีกำลังใจมากขึ้นกับการจะต้องใช้ชีวิตในเรือนจำต่อไป

“ตอนถูกเบิกตัวไปศาล เราเห็นต้นคริสต์มาส กล่องของขวัญตกแต่งรอต้อนรับเทศกาล เห็นแล้วรู้สึกดิ่งไปเลย เพราะถ้าอยู่ข้างนอกคงจะได้ไปเที่ยวต่างจังหวัด กินหมูกระทะอย่างที่วางแผนกับลูกสาวไว้แล้ว …” 

Q: หากได้สิทธิประกันตัวก่อนสิ้นปี วางแผนจะทำอะไรบ้าง

A: สมบัติหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะตอบว่า “มัน Impossible ดูเป็นไปไม่ได้เลย”

“นั่นเป็นเหตุผลที่พี่ไม่อยากให้อัพเดทเรื่องประกันอีกแล้ว เพราะไม่อยากมีความหวังแล้วผิดหวังซ้ำซากอีก (เสียงเศร้า) คงได้แต่รอผู้คุมถือใบขาวมาปล่อยตัวอย่างเดียว พี่ไม่รู้สึกถึงแสงสว่างปลายอุโมงค์เลย แต่ถ้าได้ออกไปก็จะไปทำงานใช้หนี้”

“จากโทษจำคุกทั้งหมด 6 ปี ตอนนี้ก็เหลือ 5 ปีกว่า นี่ถูกขังมาจนจะครบปีหนึ่งแล้ว (หัวเราะ) การต่อสู้ครั้งนี้เป็นที่สุดของพี่หนุ่มแล้ว นักสู้อย่างเรา ไม่ตายก็ติดคุก ในเมื่อพี่หนุ่มยังไม่ตาย พี่หนุ่มก็จะสู้ต่อ (ยิ้ม)” 

Q: อยากจะส่งคำอวยพรปีใหม่ถึงใครบ้าง 

A: “ตอนนี้พี่ได้มานอนกับน้องๆ ทะลุแก๊สแล้ว คุยกันว่าตอนอยู่ข้างนอก พวกเขามาเคาท์ดาวน์หน้าเรือนจำ จุดพลุ ร้องเพลง สั่งอะไรมากินกันสนุกสนาน แต่คนในเรือนจำไม่รู้เรื่องเลย เพราะเสียงมันไปไม่ถึง 

“ปีใหม่ปีนี้พี่ขออาหารพิเศษเป็นของขวัญให้คนในเรือนจำได้มั้ย…”

เมื่อใกล้ถึงเทศกาลปีใหม่ เรือนจำจะจัด “อาหารพิเศษ” ให้ญาติสั่งเข้าไปให้ผู้ต้องขังได้กินกันเป็นโอกาสพิเศษ อาหารเหล่านั้นมีด้วยกันหลายอย่าง เช่น พิซซ่า ไก่ทอด เค้ก เป็ดพะโล้ ปลากะพงทอดน้ำปลา ซูชิคละหน้า ผัดไทยกุ้งสด ฯลฯ โดยสามารถสั่งล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 20 – 23 ธ.ค. 2565 เท่านั้น และผู้ต้องขังจะทยอยได้รับอาหารตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 2565 – 2 ม.ค. 2566  

สุดท้ายสมบัติบอกว่า “พี่ได้รับจดหมายจาก Google Form แล้ว 3 ฉบับล่าสุด ประมาณ 200-300 ข้อความ เป็นกำลังใจที่ดีมากๆ พี่ขอฝากความคิดถึงให้ทุกคน ขอบคุณที่ยังไม่ทิ้งพี่หนุ่มนะ 

“ขอสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าเลย ใครจะไปเที่ยวหรือกลับบ้านที่ไหนก็ให้ระมัดระวังกันด้วย”

นอกจากนี้ เรายังมีโอกาสได้พูดคุยกับ “ณัฏ” ลูกสาวของสมบัติด้วย โดยณัฏเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่สมบัติผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวถูกคุมขังในคดีนี้ ทำให้ชีวิตการเรียนปริญญาโทของเธอได้รับผลกระทบมากที่สุด ณัฏต้องย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านแทนหอพักใกล้มหาวิทยาลัย เพื่อลดค่าใช้จ่าย และยังต้องแบ่งเวลาไปหางานทำเพื่อช่วยแม่อีกแรงหนึ่งด้วย จึงไม่มีสมาธิจดจ่อกับการเรียนอย่างที่ควรจะเป็นสักเท่าไหร่ 

ณัฏเล่าอีกว่า เทศกาลปีใหม่เมื่อปีก่อน ครอบครัวของเธอทั้งสามคนเดินทางไปเที่ยวพร้อมหน้ากันที่จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนปีนี้คุยกันไว้ว่าจะไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูกระดึงที่จังหวัดเลย แต่ทว่าพ่อถูกจำคุกเสียก่อน จึงน่าจะต้องปรับเปลี่ยนแผนการเที่ยวปีนี้ใหม่อีกครั้ง พร้อมกับบอกว่า “การได้ออกจากเรือนจำ น่าจะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับพ่อแล้ว”  

หมายเหตุ: ข้อมูลจากการเข้าเยี่ยมเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2565

ก้อง – อุกฤษฏ์ สันติประสิทธิ์กุล

คดี: ถูกกล่าวหาว่าโพสต์เฟซบุ๊กรวม 5 ข้อความ เกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 10 และพระราชินี โดยศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 5 กรรม กรรมละ 3 ปี แต่รับสารภาพจึงลดเหลือโทษจำคุกทั้งสิ้น 5 ปี 30 เดือน

ข้อกล่าวหาหลัก: มาตรา 112

สถานะคดี: ถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์ 

วันที่ถูกคุมขัง: 28 เม.ย. 2565

ก้องเดินมาในชุดผู้ต้องขังสีน้ำตาล พร้อมผมทรงสกรีนเฮด สั้นเกรียนทั้งหัว ใบหน้านิ่งสงบไร้ซึ่งอารมณ์ ตอนนี้ก้องถูกคุมขังอยู่แดน 2 ห้องที่ 14 พร้อมเพื่อนร่วมห้องขังอีก 13 คน

“ต้มเตี๋ยวใส่ผักกาด” เมนูที่นำเส้นก๋วยเตี๋ยวไปกับต้มผักกาด คล้ายก๋วยเตี๋ยวแต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว นี่คืออาหารมื้อแรกของก้องหลังต้องก้าวเท้าเข้าเรือนจำ คืนแรกในนั้นผ่านไปด้วยดี ก้องไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย เพราะได้เตรียมใจกับเหตุการณ์เช่นนี้ไว้แล้ว 

Q: หากได้สิทธิประกันตัวก่อนสิ้นปี วางแผนจะทำอะไรบ้าง

A: ถ้าไม่ได้ติดคุกเหมือนตอนนี้ ผมก็คงไปเคลื่อนไหวต่อ แต่ถ้าได้ประกันตัวทันสิ้นปี ก็คงกลับไปพักผ่อนกับครอบครัว แล้วหลังปีใหม่ทำอะไรได้ก็ค่อยคิด ค่อยทำกันอีกที

 Q: หากขอของขวัญปีใหม่ได้ 1 อย่าง อยากได้อะไรมากที่สุด เพราะอะไร

A: ของขวัญที่อยากได้ คงเป็นหนังสือเรียน 4 ตัวสุดท้ายที่กำลังเรียนอยู่เทอมนี้ เพราะจะเอามาอ่านเตรียมตัวสอบออนไลน์ในเรือนจำ ถ้าผมเตรียมตัวทัน อ่านหนังสือพร้อม ผมก็จะจบภายในเดือนมีนาคม 2566 นี้ตามแผน แล้วผมก็จะลงเรียนด้านรัฐศาสตร์ สาขาระหว่างประเทศ ที่ ม.รามฯ ต่ออีก 1 ใบ

ที่ผมเลือกของขวัญเป็นหนังสือเรียน เพราะมันดูเป็นไปได้มากที่สุด อยู่ในนี้ไม่ใช่ว่าผมสิ้นหวังนะ ตอนนี้เหมือนผมอยู่ในถ้ำ แต่ผมก็ยังมองหาแสงสว่างของผมอยู่เสมอ ซึ่งอย่างน้อยการเรียนจบนิติฯ ตามแผน ก็ยังเป็นแสงสว่างให้กับผม

Q: อยากจะส่งคำอวยพรปีใหม่ถึงใครบ้าง 

A: อยากอวยพรให้ทุกคนที่ยังสู้อยู่ อย่ายอมแพ้ อย่าสิ้นหวัง ถึงผมอยู่ในนี้ผมก็ยังสู้อยู่ อีก 10-20 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเป็นของคนรุ่นใหม่ 

“ผมยังไหว … บอกพ่อแม่ น้องๆ ทะลุราม เพื่อนๆ ไม่ต้องเป็นห่วง ผมอยู่ได้” ก้องพูดพร้อมกับน้ำตาคลอและเสียงสั่น “ฝากบอกทะลุรามให้ทำตามเป้าหมายที่วางไว้ อย่าได้ยอมแพ้”

“ผิดหวังมากๆ กับกระบวนการยุติธรรม ตัวบทมันมีปัญหาอยู่แล้วแหละ แต่ที่หนักสุดก็คงจะเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย ตั้งแต่ตำรวจ อัยการ แล้วก็ศาล ในการตัดสินคดี มาตรา 112 บทลงโทษมันรุนแรงมาก ทั้งๆ ที่ไม่มีความเสียหายที่ประจักษ์เลย 

“ผมหรือจำเลยคนอื่นไม่ได้ทำร้ายใครให้บาดเจ็บ ไม่ได้ฆ่าใครตายเลย แต่โทษที่ศาลลงนั้นหนักเสียยิ่งกว่าคดีเหล่านั้น”

“อยากให้มีการแก้ไขเกี่ยวกับการกระทำความผิดมาตรานี้ให้มันชัดเจน บอกให้ชัดว่าทำอะไรแล้วผิดบ้าง ตอนนี้ทำอะไรก็เข้า 112 ได้ง่ายมาก ตัวบทมีปัญหามากอยู่แล้ว มาเจอผู้บังคับใช้อย่างนี้อีก มันพากระบวนการยุติธรรมไทยพังไปหมด หากเป็นไปได้อยากให้ผู้เสียหายเท่านั้นที่มีอำนาจในการแจ้งความร้องทุกข์และดำเนินคดี อยากให้เป็นไปตามหลักกฎหมายอาญาทั่วไป ไม่ใช่ว่าทุกคนสามารถแจ้งความเอาผิดได้” 

ปัจจุบัน ก้องอายุ 24 ปี เป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ชั้นปีที่ 4 และสมาชิกกลุ่มทะลุราม โดยเทอมนี้เป็นเทอมการศึกษาสุดท้ายของก้องแล้ว หากเป็นไปตามแผนที่วางไว้ คือ ก้องสามารถอ่านหนังสือและเตรียมตัวสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพระหว่างถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจนสอบผ่านทุกวิชาที่ลงทะเบียนในเทอมนี้ได้ ก้องจะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีภายในเดือนมีนาคม 2566 นี้

หมายเหตุ: ข้อมูลจากการเข้าเยี่ยมเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2565

เอก (นามสมมติ)

คดี: ถูกกล่าวหาว่าแชร์โพสต์จากเพจ “KTUK – คนไทยยูเค” มีเนื้อหาเชื่อมโยงรัชกาลที่ 10 กับคุกวังทวีวัฒนา

ข้อกล่าวหาหลัก: มาตรา 112 

สถานะคดี: ช้้นพิจารณาคดี

วันที่ถูกคุมขัง: 22 ธ.ค. 2565

เอกเล่าว่า ตอนนี้ถูกขังอยู่ห้องขังที่ 15 พร้อมกับเพื่อนร่วมห้องอีก 13 คน เป็นห้องขังที่อยู่ติดกันกับ “ก้อง อุกฤษฏ์” สภาพจิตใจตอนนี้ของเอกไม่ค่อยจะดีมากนัก แค่เพียงเริ่มพูดคุยกับทนายความผู้เข้าเยี่ยม เอกก็ร้องไห้ออกมาทันที เขาบอกว่าแม้ก่อนหน้านี้จะเตรียมใจมาในระดับหนึ่งแล้ว แต่พอต้องเข้ามาอยู่ในเรือนจำจริงๆ เขากลับรู้สึกว่ามันหนักหนากว่าที่จะรับมือไหว 

“ตอนนี้ยังงงๆ อยู่เลย เพราะคดีผมยังไม่ได้เริ่มต้นอะไรเลย แค่อัยการสั่งฟ้องเอง ทำไมถึงไม่ให้ประกัน กะจะขังกันข้ามปีเลยเหรอ …” เอกพูดพร้อมร้องไห้ตลอดเวลาที่พูดคุยกับทนาย

Q: หากได้รับการปล่อยตัว ปี 2566 ที่จะถึงนี้ วางแผนชีวิตไว้ว่าตั้งใจจะทำอะไรบ้าง

A: ผมมีนัดกับเพื่อนว่าจะไปกินเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ร้านอาหาร เป็นการรวมตัวกันแค่ปีละครั้ง ถ้าได้ประกันออกไปผมก็จะได้ไปตามนัด ไม่อยากผิดนัดกับเพื่อนเลยครับ 

Q: หากขอของขวัญเนื่องในวันปีใหม่ได้ 1 อย่าง อยากจะได้อะไร เพราะอะไร

A: อยากขออิสรภาพ ขอให้ได้สิทธิประกันตัวคืนแก่นักโทษการเมืองทุกคน ไม่ควรมีใครโดนคดีตั้งแต่แรก

Q: อยากจะส่งคำอวยพรปีใหม่ถึงใครบ้าง 

A: ขออวยพรให้คนรักประชาธิปไตยมีสุขภาพแข็งแรง จิตใจเข้มแข็ง เป็นกำลังใจให้พวกผมข้างในเรือนจำด้วยนะ

หมายเหตุ: ข้อมูลจากการเข้าเยี่ยมเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2565

 

ดูคดีของเอก อัยการสั่งฟ้องคดี ม.112 “พนักงานบาร์” แชร์โพสต์เพจ “คนไทยยูเค” ก่อนศาลไม่ให้ประกัน อ้างเกรงหลบหนี

กฤษณะ 

คดี: ถูกกล่าวหาว่าแจกใบปลิว และครอบครองเสื้อที่มีโลโก้ ‘สหพันธรัฐไท’

ข้อหาหลัก: ‘เป็นอั้งยี่’ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209

สถานะคดี: คดีสิ้นสุดแล้ว (นักโทษเด็ดขาด)

วันที่ถูกคุมขัง: 30 พ.ย. 2565

กฤษณะเดินมาหาทนายในชุดผู้ต้องขังสีน้ำตาล ท่าทีดูนิ่งสงบ น้ำเสียงดูเข้มแข็ง ในการถูกคุมขังครั้งนี้กฤษณะตั้งใจใช้เวลาทั้งหมดเพื่อ “ปฏิบัติธรรม” ไม่ว่าจะเป็นการนั่งสมาธิ เดินจงกรม หรือสวดมนต์ก็ตาม 

อันที่จริงแล้ว ตั้งแต่ถูกดำเนินคดีนี้เมื่อปี 2561 เขาได้ธรรมะเป็นที่พึ่งทางใจมาโดยตลอด และจนถึงวันที่ศาลนัดฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา กฤษณะก็ได้เตรียมตัวและเตรียมใจมาเป็นอย่างดี เขาแต่งตัวด้วยชุดสีขาวทั้งตัว โกนหัวจนเกลี้ยงเกลา และวันนี้เกือบ 1 เดือนแล้วที่เขาถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ กฤษณะเผยว่าเขาได้ทำตามสิ่งที่ตั้งใจไว้ทุกประการแล้ว และจะทำต่อไปจนกว่าจะได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ   

 Q: หากได้ปล่อยตัว ปี 2566 นี้ วางแผนชีวิตไว้ว่าจะทำอะไรบ้าง

A: คงจะพัฒนาและขยายธุรกิจขายข้าวแบรนด์ “คุณยายธรรม ” ที่ทำกับแฟนให้มั่นคงมากยิ่งขึ้น อาจจะไปจดทะเบียนการค้าให้เป็นทางการไปเลย ส่วนตอนนี้ผมไม่อยู่ แฟนก็คงดูแลไปเรื่อยๆ แค่คนเดียว 

Q: หากขอของขวัญวันปีใหม่ได้ 1 อย่าง อยากได้อะไรมากที่สุด เพราะอะไร

A: อยากขออิสรภาพให้ตัวเองและนักโทษการเมืองทุกคน เพราะนี่เป็นการต่อสู้ทางการเมืองที่เราทุกคนมีสิทธิตามกฎหมาย เป็นการแสดงความคิดเห็นที่กฎหมายรัฐธรรมนูญให้สิทธิไว้

Q: หากเลือกอวยพรปีใหม่ให้กับใครได้

A: อยากขอให้คนไทยได้อิสรภาพ ได้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบสักที ขอส่งกำลังใจให้น้องๆ นักกิจกรรม และนักสู้ทุกคนด้วย

หมายเหตุ: ข้อมูลจากการเข้าเยี่ยมเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2565

อ่านเรื่องราวของกฤษณะ “กฤษณะ” จำเลยคดีสหพันธรัฐไท ผู้ต้องใส่ EM มากว่า 4 ปีแล้ว นานที่สุดตั้งแต่มีรัฐประหาร 57

ต๊ะ – คทาธร และ เพชร – คงเพชร 

คดี: ถูกจับกุมขณะเดินทางไปร่วมงาน #ยุติธรรมไม่มี12ปีเราไม่ลืม และพบวัตถุระเบิดในครอบครอง 

ข้อกล่าวหาหลัก: ร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย

สถานะคดี: ชั้นพิจารณาคดี 

วันที่ถูกคุมขัง: 11 เม.ย. 2565

เพชรกับต๊ะ คือ สองผู้ต้องขังในคดีที่เกี่ยวข้องกับการเมืองที่ถูกคุมขังระหว่างต่อสู้คดีเป็นเวลานานที่สุดในปี 2565 ล่าสุดเมื่อทนายความได้เข้าเยี่ยมทั้งสองเล่าว่า ช่วงเดือนธันวาคมนี้อากาศเริ่มเย็นแล้ว ทั้งคู่นอนอยู่บนอาคารนอนชั้น 3 ซึ่งพื้นเป็นปูนเปลือยเปล่า และแต่ละคืนมีผ้าห่มเพียง 3 ผืนไว้ห่มคลายหนาวเท่านั้น 

“หนาวมากกกกกก …” ทั้งสองพูดลากเสียงยาว เพราะตอนนี้ผ้าเพียง 3 ผืน เริ่มให้ความอบอุ่นกับทั้งคู่ไม่ได้แล้ว เพชรเล่าอีกว่าบางครั้งหนาวมากจนต้องไปยืมเสื้อแขนยาวของรุ่นพี่มาใส่กันหนาว เพราะกลางคืนอากาศหนาวมากจริงๆ  

เพชรบอกกับทนายที่ไปเข้าเยี่ยมเสมอว่า ‘เขาอยากออกไปเรียนหนังสือ’ ส่วนต๊ะก็มักบอกกับทนายเสมอเช่นกันว่า ‘อยากออกไปทำงานและร่วมต่อสู้กับทุกคนข้างนอกแล้ว’ อยากให้คดีจบโดยเร็ว ทั้งสองยังมีความกังวลเกี่ยวกับคดีที่ถูกคุมขังอยู่เหมือนกันว่า นัดสืบพยานในวันที่ 7 มี.ค. 2566 ที่กำลังจะมาถึง อาจจะไม่มีความคืบหน้าทางคดีอีก นั่นหมายความว่าอาจทำให้พวกเขาถูกคุมขังต่อไป

สุดท้ายทั้งต๊ะและเพชรฝากสวัสดีปีใหม่กับทุกๆ คน พร้อมบอกว่าขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน ขอบคุณทุกคนที่ไม่ลืมกัน

“พวกเราจะรอดูพลุสวยๆ จากห้องขังในเรือนจำ หวังว่าจะได้เห็นนะ”

Q: หากได้รับการปล่อยตัว ปี 2566 ที่จะถึงนี้ วางแผนชีวิตไว้ว่าตั้งใจจะทำอะไรบ้าง

คงเพชร: จะไปจัดการเรื่องเรียนก่อนเป็นอันดับแรกเลยครับ ต่อไปก็จะจัดการเรื่องหางานพาร์ทไทม์ทำ แล้วก็จะไปทำงาน ‘ช่างประกอบรถจักรยานยนต์’ ที่เคยทำก่อนหน้านี้ด้วยครับ

คทาธร: คงออกไปหางาน หาเงินครับ และก็อยากเรียนต่อที่รามฯ ด้วย ผมเป็นคนชอบดนตรีมาก ออกไปก็คงจะออกไปทำเพลงด้วยครับ ตอนนี้ข้างในเรือนจำเองก็มีแข่งประกวดร้องเพลงด้วยนะครับ

Q: หากขอของขวัญเนื่องในวันปีใหม่ได้ 1 อย่าง อยากจะได้อะไร เพราะอะไร

คงเพชร: ขอให้ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ สักที เพราะอยากให้ชีวิตของทุกคนดีขึ้นครับ

คทาธร: ขอให้พวกผมออกไปได้ครับ และก็ขอให้ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายครับ

Q: อยากจะส่งคำอวยพรปีใหม่ถึงใครบ้าง 

คงเพชร: ขออวยพรให้แม่ครับ ขอให้แม่มีสุขภาพแข็งแรง อยู่กับเพชรไปนานๆ อาจจะมีเวลาคุยกันน้อย แต่รักเหมือนเดิม อยู่ให้เพชรกวนต่อไปนานๆ ให้เพชรได้เห็นรอยยิ้มของแม่ไปนานๆ นะครับ

คทาธร: ขออวยพรให้นักสู้ที่กำลังต่อสู้อยู่ ขอให้ทุกคนยังมีจิตใจที่ตามหาความถูกต้อง แม้การเปลี่ยนแปลงจะไม่ได้มาอย่างง่ายดาย ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนสู้ต่อไปและพบกันในโลกใหม่ที่ดีขึ้น

หมายเหตุ: ข้อมูลจากการเข้าเยี่ยมเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2565

เพชร – พรพจน์ แจ้งกระจ่าง

คดี: ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับเหตุปาระเบิดปิงปองใส่สนามหญ้าหน้ากรมทหารราบที่ 1 เมื่อ 10 เม.ย. 2565

ข้อกล่าวหาหลัก: ร่วมกันทำให้เกิดระเบิด และพาอาวุธเข้าเมืองโดยไม่มีเหตุอันควร

สถานะคดี: ชั้นพิจารณาคดี

วันที่ถูกคุมขัง: 13 เม.ย. 2565

พรพจน์ ถือเป็นผู้ต้องขังที่ถูกคุมขังระหว่างต่อสู้คดีนานที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ในปี 2565 รองจากคทาธรและพรพจน์ ทนายความผู้เข้าเยี่ยมพรพจน์อย่างสม่ำเสมอเล่าว่า ตอนนี้สภาพจิตใจของพรพจน์นั้นค่อนข้างย่ำแย่ อันเป็นผลมาจากการถูกคุมขังเป็นระยะเวลานาน โดยพรพจน์จะคอยถามย้ำถึงเรื่องเกี่ยวกับการประกันตัวทุกครั้งที่เข้าเยี่ยม

Q: หากได้รับการปล่อยตัว ปี 2566 ที่จะถึงนี้ วางแผนชีวิตไว้ว่าตั้งใจจะทำอะไรบ้าง

 A: ผมคิดว่าจะไปช่วยงานด้านสิทธิมนุษยชน และมีแผนที่จะเขียนบทความต่างๆ ลงช่องทางในโซเซียลครับ

Q: หากขอของขวัญเนื่องในวันปีใหม่ได้ 1 อย่าง อยากจะได้อะไร เพราะอะไร

A: อยากขอให้ทุกคนอย่าสิ้นหวัง เพราะศัตรูที่สำคัญของเราคือความสิ้นหวัง

Q: อยากจะส่งคำอวยพรปีใหม่ถึงใครบ้าง 

A: อยากจะขออวยพรให้กับตัวเอง จะขอให้มีกำลังใจที่เข้มแข็งและต่อสู้เพื่อส่วนรวม เพื่อให้ได้มาซึ่งความเสมอภาคและความเท่าเทียม

หมายเหตุ: ข้อมูลจากการเข้าเยี่ยมเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2565

แบงค์ – ณัฐพล

คดี: ถูกกล่าวหาเรื่องการทุบและเผารถยนต์ตำรวจ ระหว่างการชุมนุมในกิจกรรม #ราษฎรเดินไล่ตู่ หรือ #ม็อบ11มิถุนา65 บริเวณดินแดง

สถานะคดี: ชั้นพิจารณาคดี

วันที่ถูกคุมขัง: 17 มิ.ย. 2565

Q: หากได้รับการปล่อยตัว ปี 2566 ที่จะถึงนี้ วางแผนชีวิตไว้ว่าตั้งใจจะทำอะไรบ้าง

A: ผมก็คงกลับไปดูแลครอบครัว แฟนผม น้องชายคนเล็ก เหมือนที่เคยทำ ดูแลแฟนที่ท้องอยู่ให้เต็มที่ เพราะไม่ได้ดูแลเขาเลย แล้วก็น่าจะขยายร้านอาหารที่ทำกับแฟนให้ใหญ่ขึ้น จะขยันทำงานหาเงินไปสร้างบ้านที่อุตรดิตถ์ กลับอุตรดิตถ์ไปดูบ้านที่กำลังสร้างอยู่ ถ้าเงินเหลือมากพอก็คงจะสร้างบ้านอีกหลังให้พ่อแม่ด้วยครับ 

Q: หากขอของขวัญเนื่องในวันปีใหม่ได้ 1 อย่าง อยากจะได้อะไร เพราะอะไร

A: ของขวัญที่ผมอยากได้มากที่สุดก็คือผมกับเพื่อน ‘ได้รับการประกันตัว’ ได้กลับไปอยู่บ้านกับครอบครัว กับคนรักสักที คิดถึงแฟนมากๆ คิดถึงว่าลูกจะเป็นผู้หญิง-ผู้ชาย ผมจะตั้งชื่อลูกว่าอะไรดี วันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมานี้ก็ครบ 6 ปีที่ผมคบกับแฟนพอดี ผมเป็นห่วงเขามากจริงๆ ครับ

Q: อยากจะส่งคำอวยพรปีใหม่ถึงใครบ้าง 

A: ผมอยากอวยพรให้คนไทยทุกคนที่รักประชาธิปไตยได้เจอแต่สิ่งที่ดี เจอแต่เรื่องดีๆ ไม่ต้องมาเจออะไรแบบที่พวกผมเจอ ไม่ต้องพบเจอความอยุติธรรมแบบพวกผม ผมยังยืนว่า ‘ผมไม่ได้เผารถตำรวจอย่างที่ถูกกล่าวหา’ 

หมายเหตุ: ข้อมูลจากการเข้าเยี่ยมเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2565

เก่ง – พลพล

คดี: ถูกกล่าวหาเรื่องการทุบและเผารถยนต์ตำรวจ ระหว่างการชุมนุมในกิจกรรม #ราษฎรเดินไล่ตู่ หรือ #ม็อบ11มิถุนา65 บริเวณดินแดง

สถานะคดี: ชั้นพิจารณาคดี

วันที่ถูกคุมขัง: 17 มิ.ย. 2565 

Q: หากได้รับการปล่อยตัว ปี 2566 ที่จะถึงนี้ วางแผนชีวิตไว้ว่าตั้งใจจะทำอะไรบ้าง

A: ผมคงตั้งใจทำงาน เพื่อแบ่งเบาภาระครอบครัวและดูแลครอบครัวต่อไป ต่อให้ไม่ได้ติดคุกชีวิตผมก็ต้องดิ้นรนหาทางดูแลครอบครัว ตั้งใจทำงานอยู่แล้ว

Q: หากขอของขวัญเนื่องในวันปีใหม่ได้ 1 อย่าง อยากจะได้อะไร เพราะอะไร

A: ถ้าขอขวัญปีใหม่ได้ 1 อย่าง ผมคงขอให้ได้สิทธิการประกันตัวของผมและผู้ต้องหาทุกคนคืนกลับมาอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ขอให้ผมกับเพื่อนๆ ได้รับสิทธิการประกันตัว ได้กลับบ้านไปเป็นของขวัญปีใหม่ของครอบครัวกัน อาทิตย์ก่อนพ่อมาเยี่ยมผม พ่อก็บอกว่าขอให้พวกผมได้ประกันตัวกลับบ้านไปเป็นของขวัญปีใหม่ของครอบครัวนะ ผมก็หวังว่าจะได้ออกจากเรือนจำก่อนปีใหม่นี้

Q: อยากจะส่งคำอวยพรปีใหม่ถึงใครบ้าง 

A: อยากขอพรให้ทุกคนที่ยังออกมาต่อสู้ให้มีแรงต่อสู้กันต่อไปด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง เราคงยังไม่ชนะในเร็วๆ นี้ เราถึงต้องเข้มแข็งและสู้กันต่อไป การที่ผมมาอยู่ตรงนี้ก็เหมือนกับเป็นอุปสรรคของพวกเราอย่างหนึ่ง แต่อุปสรรคไม่ได้มีแค่นี้ ผมยังเชื่อว่ายังไงเราต้องชนะ สักวันต้องเป็นของเรา 

ฝันที่ทุกคนอยากได้คือ ประชาธิปไตย สังคมที่ดีขึ้น ยังไงต้องเป็นของเราอยู่แล้ว ยังไงก็ต้องจบที่รุ่นเรา ผมจะไม่ยอมให้ไปถึงคนรุ่นหลังอีก เหนื่อยแค่รุ่นเราก็พอแล้ว ผมอยากให้เด็กๆ น้องๆ รุ่นหลังได้เติบโตมาสบาย กินดี อยู่ดี ไม่ต้องลำบากอย่างผม 

อยากให้พวกเราเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย เป็นการต่อสู้ที่คนรุ่นหลังจดจำว่าครั้งหนึ่งเราที่ออกมาต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อพวกเขา

สุดท้ายเก่งบอกว่า “อยากออกมากินหมูกระทะแล้ว!” เก่งยังคงมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับทนายความผู้เข้าเยี่ยมเสมอ ทุกครั้งก่อนจบบทสนทนาเรามักบอกกันและกันเสมอว่า “สู้ๆ !!!”

หมายเหตุ: ข้อมูลจากการเข้าเยี่ยมเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2565

อาร์ม – วัชรพล

คดี: ถูกกล่าวหาเรื่องการทุบและเผารถยนต์ตำรวจ ระหว่างการชุมนุมในกิจกรรม #ราษฎรเดินไล่ตู่ หรือ #ม็อบ11มิถุนา65 บริเวณดินแดง

สถานะคดี: ชั้นพิจารณาคดี

วันที่ถูกคุมขัง: 13 มิ.ย. 2565

อาร์มเล่าว่า ช่วงเทศกาลฟุตบอลโลก 2022 ที่ผ่านมา ทางเรือนจำได้จัดแข่งกีฬาคู่ขนานไปด้วย อาร์มและ ‘แบงค์ ณัฐพล’ ลงแข่งฟุตซอลด้วยกันชื่อทีม “ขนลุก” พร้อมเพื่อนร่วมทีมอีก 3 คน ปรากฏว่าอาร์มและทีมได้ลำดับที่ 3 ได้รางวัลเป็นเงิน 1,500 บาท 

“แต่ทีมต้อม (จตุพล) ตกรอบ ไอ้ต้อมมันไม่ยอมมาอยู่ด้วยเอง” อาร์มพูดพร้อมหัวเราะชอบใจใหญ่

Q: หากได้สิทธิประกันตัว ปี 2566 นี้ วางแผนชีวิตไว้ว่าจะทำอะไรบ้าง

A: ผมก็คงกลับไปทำงานขับรถส่งอาหาร หาเงินเหมือนเดิม ใช้ชีวิตเหมือนที่เคยเป็น แต่ถ้ามีเงื่อนไขเรื่องเวลาเข้าออกบ้าน ผมก็ต้องทำงานตามเวลาที่ศาลกำหนด คงไม่ได้ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ เหมือนเมื่อก่อน ถ้าไม่ติดเงื่อนไขอะไร ช่วงปีใหม่ผมก็คงกลับบ้านที่จังหวัดมหาสารคาม ปกติผมกลับบ้านทุกปี กลับไปเจอเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่ 3-4 ขวบ พวกผมมีนัดปาร์ตี้ กินหมูย่าง กินเบียร์กันประจำทุกปี

Q: ถ้าขอของขวัญวันปีใหม่ได้ 1 อย่าง อยากได้อะไรมากที่สุด เพราะอะไร

A: ถ้าขอของขวัญได้ก็คง ‘ขอให้ได้กลับบ้านสักที’ คิดถึงพ่อแม่ พ่อแม่ลำบากกับผมเยอะเลยตั้งแต่ผมเข้ามาอยู่ในเรือนจำ ขอของขวัญได้ก็ขอสิทธิประกันตัวของพวกผมคืนมา พวกผมไม่มีโอกาสได้ออกไปหาหลักฐานพิสูจน์เลย ศาลทำไมไม่ให้โอกาสพวกผมเลย ประวัติผมก็ไม่เคยมี ประวัติการหลบหนีก็ไม่มี คดีนี้เป็นคดีแรก ผมมามอบตัวเองแท้ๆ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย

อยากให้ศาลคืนความยุติธรรมให้พวกผม ถ้าพวกผมผิดจริง ผมยอมรับ แต่นี่พวกผมไม่ได้ทำอะไรเลย อยากให้คืนสิทธิการประกันตัวให้พวกผมสักที หลักฐานก็ไม่มีอะไรชัดเจนเลย พวกผมมาถูกฝากขังล่องลอย ไม่มีที่สิ้นสุด นักโทษที่ตัดสินแล้วยังมีวันที่ได้ออก แต่พวกผมไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่จะได้ออก 

ผมก็มีครอบครัวของผม มีคนรัก มีภาระ มีคนที่ต้องดูแลเหมือนศาลนั่นแหละ แม่ผมต้องยืมเงินเจ้านายมาส่งผมเรียนเทอมละเป็นหมื่น นี่ก็ 6 หมื่นแล้วนะที่ผมต้องหามาคืนเขา

“ตอนนี้พวกผมเหมือนอยู่ในคุกไม่มีกำหนด เหมือนคนที่ติดคุกตลอดชีวิตไปแล้วพี่”

 Q: หากเลือกอวยพรปีใหม่ให้กับใครได้ 

A: ผมอยากอวยพรให้พี่น้องประชาชนสู้ต่อไป อย่าหมดหวัง พวกผมที่อยู่ข้างในไม่เคยหมดหวัง อยากให้พวกเราได้เป็นประชาธิปไตย ได้เสรีภาพในเร็ววัน

หมายเหตุ: ข้อมูลจากการเข้าเยี่ยมเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2565

ต้อม – จตุพล

คดี: ถูกกล่าวหาเรื่องการทุบและเผารถยนต์ตำรวจ ระหว่างการชุมนุมในกิจกรรม #ราษฎรเดินไล่ตู่ หรือ #ม็อบ11มิถุนา65 บริเวณดินแดง

สถานะคดี: ชั้นพิจารณาคดี

วันที่ถูกคุมขัง: 16 มิ.ย. 2565

Q: หากคุณได้สิทธิประกันตัวคืนข้ามปี 2566 นี้ คุณวางแผนชีวิตไว้ว่าจะทำอะไร หรือคิดว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรบ้าง

A: ถ้าตามแผนเดิม ผมวางแผนจะไปเที่ยวปีใหม่กับเพื่อนๆ น้องๆ ขับมอไซต์ไปทำบุญ 9 วัดที่จังหวัดสุโขทัย พอครบ 9 วัด ผมก็จะขับรถกลับสุรินทร์ไปหายายเลย วางแผนกันว่าจะไปวันที่ 25 ธันวาคม ไปแบบชิลๆ เรื่อยๆ กัน ปีนี้ผมตั้งใจจะกลับไปหายาย เพราะไม่ได้กลับมา 2 ปีแล้ว ติดโควิด ติดงาน พอวางแผนจะกลับปีนี้ ก็มาติดคุกซะก่อน

ถ้าได้ประกันทันวันปีใหม่ ผมก็คงตรงดิ่งกลับสุรินทร์ไปหายายเลย ผมคิดถึงยาย จะกลับไปอยู่กับยายสัก 2 เดือน แล้วค่อยกลับมาหางานทำที่กรุงเทพฯ

 Q: หากขอของขวัญวันปีใหม่ได้ 1 อย่าง อยากได้อะไรมากที่สุด เพราะอะไร

A: “ขอของขวัญเป็น ‘สิทธิประกันตัว’ ของผมกับเพื่อนๆ นักโทษการเมือง ให้ได้กลับบ้านไปฉลองปีใหม่กับครอบครัว กับคนรัก แค่ผมได้กลับไปหายายก็มีความสุขที่สุดแล้ว” ต้อมพูดพร้อมน้ำเสียงสั่นเครือ

Q: หากเลือกอวยพรปีใหม่ให้กับใครได้ 

A: อยากอวยพรให้ยายมีสุขภาพแข็งแรง มีอายุยืนยาว อยู่กับผมไปนานๆ ขอให้ยายไม่เจ็บไม่ไข้ ช่วงนี้ปวดหัวบ่อย คงเพราะเครียดอยากกลับบ้าน ในหัวผมคิดถึงแต่ยายตลอด

หมายเหตุ: ข้อมูลจากการเข้าเยี่ยมเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2565

แน็ค – ทัตพงศ์ เขียวขาว

คดี: ถูกกล่าวหาว่าครอบครองวัตถุระเบิดจากการเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มทะลุแก๊ส เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2564

ข้อกล่าวหาหลัก: ร่วมกันมีหรือใช้วัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาต

สถานะคดี: ชั้นสอบสวน

วันที่ถูกคุมขัง: 17 พ.ย. 2565

แน็คเล่าว่า สภาพจิตใจยังคงปกติดี ตอนนี้ถูกขังมาเกิน 1 เดือนแล้ว รู้สึกว่าปรับตัวเข้ากับเรือนจำได้บ้าง และยังคงกินอิ่ม นอนหลับ ตอนนี้ยังไม่ได้รับมอบหน้าที่ให้ทำงานชัดเจน แต่จะไปช่วยทำงานก่อสร้างภายในเรือนจำบ้าง แน็คยังบอกอีกว่า เขามักบรรเทาความเครียดด้วยการร้องเพลงและเล่นกีตาร์ของเรือนจำ ซึ่งก็สามารถช่วยได้ดีในระดับหนึ่งเลย

Q: หากได้รับการปล่อยตัว ปี 2566 ที่จะถึงนี้ วางแผนชีวิตไว้ว่าตั้งใจจะทำอะไรบ้าง

A: อยากออกไปช่วยแม่ทำธุรกิจขายอาหารทะเล ตอนเข้าคุกแรกๆ แม่มาเยี่ยมแล้วก็ร้องไห้ เมื่อวานแม่มาหาก็ร้องไห้เหมือนกัน ผมก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากร้องไห้ไปกับเขา แม่คงคิดเยอะกว่าผมมาก มันทำให้ผมเครียดนะ เพราะเราทำอะไรไม่ได้เลย เขาบังคับให้เราอยู่ที่นี่ ปกติผมก็อยู่บ้าน มีทำงานเสริมนิดหน่อย ถ้าได้ออกไปไวๆ มันก็ดี อยากออกไปสู้คดีให้เต็มที่ แล้วก็ออกไปหาเงินสู้คดีด้วย 

Q: หากขอของขวัญเนื่องในวันปีใหม่ได้ 1 อย่าง อยากจะได้อะไร เพราะอะไร

A: ถ้าขอของขวัญปีใหม่ได้ 1 อย่าง ผมขอให้ผมได้ออกไป ผมอยากบวช เพราะว่าผมเบญจเพสพอดีด้วย เลยอยากบวชให้แม่ และบวชให้ทุกคนที่คอยช่วยเหลือผม จริงๆ ผมเคยบวชให้แม่ไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ก็อยากบวชอีก เพราะเขาต้องมาเสียเงิน เสียเวลา เพื่อมาหาผมที่นี่ตลอด 

เวลาแม่มาหาผมแต่ละที ต้องเสียเงินไม่เคยต่ำกว่าครั้งละสองพัน แม่จะมาถามว่าอยากได้อะไร อยากกินอะไร ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยทำให้แม่หนักใจเลยนะ ไม่เคยยุ่งเกี่ยวเรื่องยาเสพติด เห็นแม่คิดมากเพราะผม ผมก็ยิ่งเครียด (หน้าเศร้า)

Q: อยากจะส่งคำอวยพรปีใหม่ถึงใครบ้าง 

A: ผมขออวยพรให้ครอบครัว และทุกคนที่ช่วยเหลือผม ขอให้มีชีวิตที่ดีกันทุกคนนะครับ ถ้าออกไปได้ ผมจะพยายามตอบแทนทุกคน

หมายเหตุ: ข้อมูลจากการเข้าเยี่ยมเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2565

X