เลื่อนสืบพยานคดี #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ศาลยังไม่ออกหมายเรียกพยานเอกสารสำคัญ ทนายระบุคดีจะเร็วขึ้นหากได้ข้อมูลที่อยู่ในมือรัฐ

24 พ.ค. 2565 – ศาลอาญานัดสืบพยานโจทก์ต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 24 -27 พ.ค. 2565 ในคดีสืบเนื่องจากการชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร เมื่อวันที่ 19 – 20 ก.ย. 2563 ที่บริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และสนามหลวง คดีนี้มีจำเลยเป็นนักกิจกรรมทั้งหมด 22 ราย ถูกฟ้องด้วยข้อหาหลักตามมาตรา 112 จำนวน 7 คน คือ “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์, อานนท์ นำภา, “หมอลำแบงค์” ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม, สมยศ พฤกษาเกษมสุข, “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก และ “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา อีก 15 คน ถูกฟ้องในข้อหาหลักตามมาตรา 116

ในนัดหมายครั้งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2565 ศาลกำหนดนัดถามค้านพยานโจทก์ปากแรกคือ พันตำรวจเอกวรศักดิ์ พิสิษฐบรรณกร รองผู้บังคับการกองกำกับการตำรวจนครบาล 1 ซึ่งในขณะเกิดเหตุคดีนี้เป็นผู้กำกับการ สน.ชนะสงคราม แต่ทนายความจำเลยได้แถลงต่อศาล (องค์คณะชุดก่อน) ก่อนการพิจารณาว่า ทางจำเลยได้เคยยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานเอกสารไปยังหน่วยงานรัฐหลายแห่งเพื่อขอข้อมูล อาทิ เอกสารการเดินทางของรัชกาลที่ 10, เอกสารเกี่ยวกับงบประมาณของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ และเอกสารเกี่ยวกับคดีที่กระทรวงการคลังฟ้องร้องรัชกาลที่ 7  ศาลให้จำเลยไปขวนขวายหาหลักฐานมาเองก่อน ทว่าเมื่อทนายทำหนังสือไปเพื่อขอข้อมูล กลับมีแค่หน่วยงานบางแห่งที่ตอบกลับมา ระบุว่าเอกสารเหล่านั้น ศาลอาญาต้องเป็นผู้ออกหมายเรียกเท่านั้น

ข้อติดขัดดังกล่าวทำให้การสืบพยานดำเนินต่อไปไม่ได้ เนื่องจากทนายขาดข้อมูลที่สำคัญต่อการถามค้าน ศาลจึงอนุญาตให้เลื่อนสืบพยานในนัดนี้ออกไปก่อน

>>> เพนกวิน-อานนท์-รุ้ง-ไมค์ ยื่นขอเอกสารคดี กท.การคลัง ฟ้อง ร.7- งบ สนง.ทรัพย์สินฯ – เอกสารเดินทาง ร.10 เพื่อใช้ต่อสู้คดีชุมนุม 19 กันยา

>>> เลื่อนสืบพยานคดี #19กันยา ทนายจำเลยขอปรึกษาผู้บริหารศาล หลังศาลยืนยันไม่ออกหมายเรียกพยานหลักฐาน

.

เวลาราว 10.30 น. ผู้พิพากษาซึ่งเป็นองค์คณะชุดใหม่ ได้ขึ้นนั่งบัลลังก์ที่ห้องพิจารณา 704 นอกเหนือจากกลุ่มจำเลยแล้ว ยังมีตัวแทนจากสถานทูตอังกฤษและตัวแทนจากองค์กรระหว่างประเทศเข้าร่วมสังเกตการณ์ บรรยากาศโดยรวมเป็นไปด้วยดี ทางเจ้าหน้าที่ศาลไม่ได้มีการตั้งจุดตรวจหรือกำหนดให้ฝากเครื่องมือสื่อสารก่อนเข้าห้องพิจารณา

ทางทนายจำเลยได้แถลงว่า จำเลยที่ 1 คือ “เพนกวิน” พริษฐ์ ไม่สามารถเดินทางมาเข้าร่วมพิจารณาในวันนี้ได้ เนื่องจากติดนัดรายงานตัวหลังครบกำหนดสัญญาประกันที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนจำเลยที่ 8 คืออรรถพล บัวพัฒน์ ไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ เพราะต้องกักตัวจากการเข้าใกล้ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ศาลจึงอนุญาตการพิจารณาคดีลับหลังจำเลย

ทั้งนี้ ศาลได้แจ้งว่า เนื่องจากคดีนี้มีจำเลยเป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นวางระเบียบสำหรับการสืบพยาน ขอให้จำเลยมาเข้าร่วมในกระบวนพิจารณา จะพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม รวดเร็ว ถูกผิดว่ากันไปตามกฎหมาย ทางอธิบดีของศาลอาญาได้แจ้งว่า การพิจารณาต้องทำอย่างชัดเจน ขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือเพื่อการพิจารณาอย่างต่อเนื่อง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ทนายได้แถลงต่อศาลว่า ในวันพรุ่งนี้ ทางจำเลยที่ 5 คือ “รุ้ง” ปนัสยา ติดนัดครบกำหนดรายงานตัวตามสัญญาประกันที่ศาลอาญากรุงเทพใต้เช่นเดียวกับเพนกวิน ในขณะที่อานนท์คือจำเลยที่ 2 ก็มีนัดรายงานตัวฯ ในวันที่ 27 พ.ค. ที่จะถึงนี้ ในนัดดังกล่าวจะต้องมีการพิจารณาว่า จำเลยได้กระทำผิดเงื่อนไขการประกันตัวหรือไม่ ซึ่งเป็นกระบวนการที่อาจใช้เวลาเกือบทั้งวันกว่าจะแล้วเสร็จ  ทนายจึงขอศาลเลื่อนนัดสืบพยานทั้งในอาทิตย์นี้ออกไป 

ทั้งนี้ ศาลได้เสนอทางเลือก 2 ทาง คือ ขอให้จำเลยยื่นคำร้องให้มีการพิจารณาคดีลับหลัง หรืออีกทางหนึ่งคือให้เลื่อนการพิจารณาคดีออกไปก่อน ยังกำชับอีกว่า การพิจารณาคดีล่วงเลยระยะเวลามามากแล้ว

ทนายได้กล่าวต่อศาลว่า จากการพูดคุยกับทางองค์คณะชุดเดิม มีการตกลงกันว่า กรณีของจำเลยที่ไม่ถูกฟ้องข้อหามาตรา 112 ได้ขอยื่นคำร้องให้มีการพิจารณาลับหลัง แต่ในกรณีของจำเลยบางราย เช่น เพนกวิน จำเลยยืนยันอยากจะเข้าร่วมในการสืบพยานด้วย ด้านอัยการระบุ พร้อมทำการสืบพยานในวันนี้

ต่อมา ศาลถามทนายความว่า ทนายจำเลยจะถามค้านทุกคนเลยไหม เนื่องจากในคดีนี้มีทนายถึง 16 คน เกรงจะใช้เวลามาก ทนายแจ้งว่ายังไม่ได้ตกลงกัน ศาลจึงเสริมว่า ให้ทนายจัดตัวแทนเพื่อถามค้านแทนทนายจำเลยปากอื่น เพื่อความรวดเร็ว ทางทนายอาวุโสของสมยศ แถลงศาลว่า คดีนี้ โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งหมดร่วมกันกระทำความผิด จึงเป็นหน้าที่ที่ต้องพิสูจน์ เป็นสิทธิของจำเลย โดยทางจำเลยที่ 4 ยังได้ยื่นคำร้องต่อศาล ขอให้ออกหมายเรียกพยานเอกสาร แต่ยังไม่มีความคืบหน้า ทั้งๆ ที่เป็นข้อมูลสำคัญ จึงขอความกรุณาต่อศาลด้วย

ด้านจำเลยที่ 7 คือไผ่ ได้ลุกขึ้นแถลงระบุว่า คดีนี้แม้มีการลงวันนัดไว้แล้ว แต่ปรากฏว่าเกิดกรณีนัดซ้อนกับทางศาลอื่น เพราะจำเลยแต่ละคนก็โดนคดีหลายคดี ในหลายๆ ศาลแตกต่างกัน จึงอยากให้ศาลประสานงานกันเพื่อตกลงวันนัด โดยยังมีนัดทั้งในชั้นตำรวจและชั้นอัยการแยกอีกต่างหาก ศาลแจ้งว่า ขอรับคำแถลงของจำเลยไว้ และได้ขอให้ทนายรวบรวมคดีอื่นๆ ของจำเลยในคดีนี้ รวมทั้งรายชื่อศาล เพื่อการประสานงานต่อไป

สืบเนื่องจากกรณีจากนัดครั้งที่แล้ว ทนายแถลงว่า เคยได้ขอองค์คณะชุดก่อนไปว่าให้ออกหมายเรียกพยานเอกสารตามที่ทางจำเลยขอ ตัวอย่างเช่น ตารางการเดินทางออกนอกประเทศของรัชกาลที่ 10 เนื่องจากในคำฟ้องระบุว่า ท่อนหนึ่งของการปราศรัยที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางเข้าออกประเทศของกษัตริย์ การที่ทรงไม่อยู่เมืองไทยนั้นเป็น “ความเท็จ” จึงต้องมีข้อมูลมาประกอบ 

ศาลตอบว่า บางเรื่องอาจไม่เกี่ยวกับประเด็น นำไปสู่เหตุอื่นที่ไม่เหมาะสม ศาลไม่ได้มีกรอบอำนาจในการขอ ทนายชี้แจงว่าหลังได้เข้าพบกับเลขาธิการศาลฯ และอธิบดีศาลแล้ว เพื่อชี้แจงว่าเอกสารที่อยากให้ออกหมายเรียกนั้นมีความสำคัญต่อการสู้คดี ทางอธิบดีและเลขาฯ ชี้แจงว่า อำนาจในการออกหมายเรียกเป็นอำนาจของผู้พิพากษาองค์คณะ ไม่ใช่อำนาจของฝ่ายบริหาร

ก่อนที่จะมีคำสั่งต่อ ศาลได้พักการพิจารณาครู่หนึ่ง เมื่อกลับมา ได้บอกกับทนายว่า ศาลจะเอาข้อมูลคดีอื่นๆ ของจำเลยในคดีนี้และข้อมูลศาล ส่งต่อให้กับทางอธิบดีเพื่อประสานงานจัดการนัดต่อไป พร้อมทั้งรับคำร้องเรื่องขอหมายเรียกพยานเอกสารไปพิจารณา ศาลกำชับอีกครั้งว่า การถามค้าน อะไรที่ซ้ำซ้อน ขอให้ฝากตัวแทนทนายถาม ทนายยืนยันเช่นเดิมว่า กระบวนการจะเป็นไปได้รวดเร็วขึ้น หากศาลอนุญาตออกหมายเรียกพยานเอกสารสำคัญให้

ศาลระบุเกี่ยวกับการขอหมายเรียกเอกสารอีกว่า ศาลจำเป็นต้องดูภาพรวม เพราะมีกฎหมายอื่นนอกเหนือจากที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาคดี ต้องดูความถูกต้องเหมาะสม ดูความพร้อม และประเด็นที่กล่าวหาเป็นหลัก แต่เรื่องอื่นที่ปลีกย่อยออกไป อาจจะทำให้เสียเวลาของทนายเอง

โดยสรุปแล้ว ศาลได้พิจารณาให้เลื่อนการสืบพยานในวันที่ 24 – 27 พ.ค. นี้ออกไปทั้งหมด เพราะจำเลยหลายรายติดภารกิจต้องรายงานตัวครบสัญญาประกันฯ ประกอบกับ ในวันที่ 25 พ.ค. พยานโจทก์เองก็ติดภารกิจอื่น โจทก์จึงต้องขอเลื่อนการสืบพยานเช่นกัน

สำหรับกำหนดวันสืบพยานโจทก์อีกครั้ง ตามที่มีตารางนัดในคดีนี้ ได้แก่ ช่วงวันที่ 7-10 มิ.ย. 2565

.

อ่านข้อมูลคดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร

X