เพนกวิน-อานนท์-รุ้ง-ไมค์ ยื่นขอเอกสารคดี กท.การคลัง ฟ้อง ร.7- งบ สนง.ทรัพย์สินฯ – เอกสารเดินทาง ร.10 เพื่อใช้ต่อสู้คดีชุมนุม 19 กันยา

ระหว่างวันที่ 21-22 ก.พ. 2565 ทนายความซึ่งรับมอบอำนาจจากพริษฐ์ ชิวารักษ์, อานนท์ นำภา, ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และภาณุพงศ์ จาดนอก ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อหน่วยงานรวม 5 หน่วยงาน ได้แก่ ศาลแพ่ง, ศาลอุทธรณ์, สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์, สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, บริษัท การบินไทย (จำกัด) มหาชน เพื่อร้องขอให้จัดส่งเอกสารซึ่งอยู่ในการครอบครองของหน่วยงานเหล่านี้เข้าไปในคดีความของศาลอาญา ซึ่งทั้งสี่คนถูกฟ้องร้องในข้อหาหลักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ มาตรา 116 จากกรณีการชุมนุมที่บริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 19 -20 กันยายน 2563 หรือที่เรียกกันว่าคดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร

ก่อนหน้านี้ในการนัดสืบพยานนัดแรกในคดีนี้ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2564 ทนายความและจำเลยได้แถลงร้องขอให้ศาลเจ้าของสำนวน ได้ออกหมายเรียกพยานเอกสารต่างๆ ที่เห็นว่าจำเป็นในการต่อสู้คดี และพิสูจน์ข้อเท็จจริงของคำปราศรัยที่จำเลยทั้งสี่คนถูกกล่าวหา ซึ่งพนักงานอัยการโจทก์มีการฟ้องร้องว่าคำปราศรัยของทั้งสี่คนมีข้อความอันเป็นเท็จ ได้แก่ เอกสารเกี่ยวกับคดีที่กระทรวงการคลังเคยฟ้องร้องสมเด็จพระปกเกล้าฯ รัชกาลที่ 7 เพื่อเรียกคืนทรัพย์สินที่เห็นว่ามีการโอนทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ไปเป็นของส่วนพระองค์โดยไม่มีอำนาจ, เอกสารเกี่ยวกับงบประมาณของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ และเอกสารการเดินทางของในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่ทรงเสด็จประทับที่ประเทศเยอรมนี แต่ศาลไม่ออกหมายเรียกให้ โดยระบุว่ายังไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ และให้สืบพยานไปก่อนเพื่อพิจารณาในภายหลัง แม้ทนายความและจำเลยยืนยันว่าจำเป็นต้องใช้ในการถามค้านพยานฝ่ายโจทก์ก็ตาม

หลังศาลอาญาไม่ออกหมายเรียกพยานเอกสารดังกล่าวให้ ได้ให้เริ่มสืบพยานโจทก์ทันที โดยในนัดต้นเดือนธันวาคม 2564 สามารถสืบพยานโจทก์ไปได้ 1 ปาก และกำหนดนัดสืบพยานคดีนี้ต่อไป คือวันที่ 29 มี.ค. 2565 นี้

ก่อนการนัดสืบพยานนัดต่อไป จำเลยจึงได้มอบอำนาจให้ทนายความเข้ายื่นหนังสือร้องขอเอกสารที่สำคัญจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง สำหรับการใช้ในการต่อสู้คดีนี้ต่อไป

สำหรับกรณีของศาลแพ่งและศาลอุทธรณ์ จำเลยทั้งสี่รายได้ยื่นขอคำฟ้องในคดีหมายเลขดำที่ 197/2482 หมายเลขแดงที่ 278/2482 ของศาลแพ่ง ในคดีระหว่างกระทรวงการคลัง ฟ้องร้องสมเด็จพระปกเกล้าฯ และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี เป็นจำเลย พร้อมกับคำเบิกความของพยานโจทก์ในคดี ได้แก่ หลวงกาจสงคราม, หลวงดำริอิศรานุวรรต, หลวงสารสินทะเบียนสิษฐ์, นายวานิต นาวิกบุตร์ และนายเฉลียว ประทุมรส และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีดังกล่าว

ทางจำเลยทั้งสี่เห็นว่าเอกสารดังกล่าวเกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงในคดี และเป็นพยานเอกสารสำคัญในการต่อสู้คดีของพวกตน และจำเป็นต้องใช้ในการถามค้านพยานบุคคลของพนักงานอัยการโจทก์ เพื่อพิสูจน์ว่าในอดีตกระทรวงการคลังมีการฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ต่อศาล ด้วยเหตุว่าอัยการบรรยายฟ้องว่าคำปราศรัยต่างๆ ของจำเลยเป็นเท็จ

ส่วนกรณีสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ จำเลยทั้งสี่รายได้ยื่นขอรายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ประจำปี 2560 ถึงปีงบประมาณ 2564 ซึ่งเป็นพยานเอกสารที่สำคัญในคดี เพื่อพิสูจน์ถึงประเด็นการใช้งบประมาณแผ่นดิน และการโอนทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไปเป็นทรัพย์สินพระมหากษัตริย์

ในส่วนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และบริษัท การบินไทย (จำกัด) มหาชน จำเลยทั้งสี่รายได้ยื่นขอเอกสารทางราชการแสดงรายละเอียดการเดินทางเข้าออกประเทศไทยของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 นับตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2559 ถึงวันที่ 20 กันยายน 2563 เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในประเด็นการประทับอยู่ในประเทศเยอรมนีขณะครองราชย์และในวันเกิดเหตุในคดีนี้ และพิสูจน์ว่ามีการเดินทางไปกลับประเทศเยอรมนีโดยเครื่องบินพระที่นั่ง

ทั้งนี้ ยังติดตามว่าหน่วยงานทั้ง 5 หน่วยงาน จะจัดส่งเอกสารที่ร้องขอเข้ามาในสำนวนคดีนี้หรือไม่ อย่างไรต่อไป

.

อ่านข้อมูลคดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร

X