1 ปี ประกันตัวคดีการเมือง ถูกสั่งติด EM ไม่น้อยกว่า 54 คน พร้อมผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน


ตั้งแต่เดือน มี.ค. ปี 2561 เป็นต้นมา กระทรวงยุติธรรมและศาลยุติธรรม เริ่มนำกำไล “EM” (Electronic Monitoring Center) เพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องติดตามตัว และใช้แทนการวางหลักทรัพย์จำนวนมากสำหรับประกันตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาและคดียาเสพติด เพื่อให้คนที่ด้อยโอกาสทางเศรษฐกิจสามารถเข้าถึงสิทธิในการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างการต่อสู้คดีต่างๆ ได้

ในปี 2561 ลูกความของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนจำนวน 7 คน ใน 2 คดี ได้แก่ จำเลยในคดีสหพันธรัฐไท ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดในข้อหายุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และ ข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร และ จำเลยในคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากการแชร์โพสต์จากเพจ ‘กูต้องได้ร้อยล้านจากทักษิณแน่ๆ’ ได้เขียนคำร้องขอให้ให้ศาลติดกำไล EM แทนการใช้เงินประกันตัวหลักแสน เนื่องจากไม่สามารถหาเงินจำนวนดังกล่าวมาได้ 

หลังจากปี 2561 เป็นต้นมา ไม่พบว่ามีลูกความของศูนย์ทนายฯ ต้องยื่นเรื่องหรือถูกสั่งให้ติดกำไล EM แทนการใช้เงินประกันตัวอีก

>>>  ติด ‘EM’ ไว้กับตัวผู้ต้องหา ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสิทธิประกันตัว?

จนถึงช่วงปี 2564 เป็นต้นมา ศูนย์ทนายฯ พบว่าศาลเริ่มใช้ดุลยพินิจในการสั่งติดกำไล EM กับผู้ต้องหาในคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการเคลื่อนไหวเรียกร้องทางการเมือง โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใช้กำไล EM แทนหลักทรัพย์ในการประกันตัวแต่อย่างใด เนื่องจากบางคดีต้องวางเงินประกันตัวจำนวนมาก ไปพร้อมกับต้องติดกำไล EM ควบคู่กันไปอีกด้วย

สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เคยให้สัมภาษณ์ผ่านมติชนออนไลน์ ในช่วงปี 2563 ว่า นโยบายสำคัญของกระทรวงยุติธรรม คือมุ่งเน้นการลดความแออัดในเรือนจำ และลดการใช้การคุมขังในขั้นตอนต่างๆ ของกระบวนการยุติธรรม โดยมีเป้าหมายคือการควบคุมและติดตามผู้ที่ได้รับการพักการลงโทษ, ผู้ถูกคุมความประพฤติ ซึ่งศาลให้รอการลงโทษจำคุก และ กลุ่มผู้รอการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด เพื่อความปลอดภัยของสังคม

อย่างไรก็ดี ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนพบว่าจนถึงเดือน เม.ย. 2565 มีลูกความที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดจากการแสดงออกทางการเมืองรูปแบบต่างๆ ถูกศาลสั่งให้ติดติดกำไล EM อย่างน้อย 61 คน แบ่งเป็นช่วงปี 2561 จำนวน 7 คน โดยลูกความอย่างน้อย 2 คนในช่วงปี 2561 ยังคงติดกำไล EM มาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากได้รับการประกันตัวระหว่างรอคำพิพากษาศาลฎีกา ทำให้ทั้งสองคนถูกติดกำไล EM มากว่า 3 ปีครึ่งแล้ว

ขณะที่ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ระหว่างเดือน มี.ค. 2564 – มี.ค. 2565 มีลูกความอย่างน้อย 54 คน ถูกศาลสั่งติดกำไล EM 

จำนวนกลุ่มคดีที่ถูกสั่งติดกำไล EM สามารถแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่

1. คดีมาตรา 112 ซึ่งประกอบด้วยทั้งนักกิจกรรมที่เป็นแกนนำในการชุมนุม และประชาชนซึ่งไม่ได้ถูกดำเนินคดีจากเหตุการชุมนุม แต่เป็นการแสดงความคิดเห็นทางออนไลน์ รวมจำนวน 22 คน

2. คดีช่วงการชุมนุมทะลุแก๊ส บริเวณดินแดง ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดจำนวนหลายข้อหา อาทิ ร่วมกันมีวัตถุระเบิด, ชุมนุมมั่วสุมเกิน 10 คน ใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายฯ, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ตำรวจ, ร่วมกันพกอาวุธ, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์, วางเพลิงเผาทรัพย์, พยายามฆ่า เป็นต้น  รวมจำนวน 21 คน

3. คดีอันเนื่องมาจากการชุมนุมในช่วงปี 2564 ที่ไม่ใช่บริเวณดินแดง อาทิ การชุมนุมของกลุ่มทะลุฟ้า และ กลุ่ม REDEM ซึ่งถูกกล่าวหาข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215, 216  รวมจำนวน 13 คน

4. คดียุยงปลุกปั่นและอั้งยี่ซ่องโจร ซึ่งเป็นจำเลยชุดคดีสหพันธรัฐไทที่ถูกดำเนินคดีในช่วงปี 2561 และปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างต่อสู้ในชั้นฎีกา จำนวน 4 คน 

5. พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตามมาตรา 14 (5) ซึ่งเป็นจำเลยในคดีแชร์เพจ ‘กูต้องได้ 100 ล้าน จากทักษิณแน่ๆ’ จำนวน 3 คน

จากจำนวนสถิติข้างต้น ศูนย์ทนายฯ พบว่ามีผู้ยื่นคำร้องต่อศาลขอถอดกำไล EM และได้รับการอนุญาตให้ถอดแล้วอย่างน้อย 23 คน ทำให้ยังมีผู้ที่ติดกำไล EM จนถึงปัจจุบัน (วันที่ 9 เม.ย. 2565) อยู่จำนวน 38 คน ในจำนวนดังกล่าวเคยมีผู้ที่ถูกศาลจำกัดเวลาเข้า-ออกจากเคหสถาน จำนวน 13 คน    

.

.

สรุป 9 ปัญหาที่ตามมาจากการติด EM 

นอกจากรายละเอียดในเชิงสถิติแล้ว ศูนย์ทนายฯ พบว่าลูกความจำนวนมากได้รับผลกระทบที่แตกต่างกันออกไป ภายหลังถูกศาลสั่งให้ติดกำไล EM โดยส่วนใหญ่สิ่งที่พ่วงมากับการติดกำไลดังกล่าว คือการก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตประจำวันในทุกมิติ แม้จะแลกมากับการที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวก็ตาม  ปัญหาดังกล่าวอาจพอจำแนกออกมาได้เป็น 9 รูปแบบ

1. สายตาที่หวาดระแวง: ความเชื่อของคนในสังคมเกี่ยวกับกำไล EM

เป็นที่เข้าใจโดยทั่วไปของคนในสังคมว่าผู้ที่มีกำไล EM ติดอยู่ที่ข้อเท้า จะต้องเป็นผู้ที่ถูกลงโทษหรือมีคดีความติดตัว อย่างไรก็ตามประชาชนทั่วไปไม่อาจทราบได้ว่าบุคคลที่ติดกำไล EM นั้นต้องโทษหรือถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดในคดีประเภทใด  แม้ว่าผู้ต้องหาในคดีการเมือง จะถูกแจ้งข้อกล่าวหาหรือสั่งฟ้องจากการแสดงออกทางการเมือง การมีกำไล EM ติดที่ขาอาจทำให้ผู้พบเห็นเข้าใจไปได้ว่าบุคคลดังกล่าวกระทำความผิดในคดีอุกฉกรรจ์ เช่น การฆ่าคนตาย หรือเป็นผู้ที่ได้กระทำความผิดไปแล้ว ทั้งที่ทั้งหมดยังเป็นผู้บริสุทธิ์ และยังอยู่ระหว่างต่อสู้คดี

กำไล EM จึงเป็นสิ่งที่สร้างความหวาดระแวงให้กับผู้ที่จะต้องเข้ามาปฏิสัมพันธ์ด้วย และสร้างความลำบากใจให้จำเลยหรือผู้ต้องหาที่จะต้องดำรงชีวิตอยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่น ทำให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยรู้สึกว่าตนถูกตีตราไปก่อนล่วงหน้าว่าเป็นผู้กระทำผิดไปแล้ว 

การติดกำไล EM ยังส่งผลไปยังการเปลี่ยนรูปแบบการแต่งตัวของผู้ต้องหาหรือจำเลย ในกรณีที่พวกเขาและเธอรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการที่ผู้อื่นจะมองเห็นกำไลที่ข้อเท้า จึงจำต้องเลือกใส่กางเกงขายาวที่คลุมลงมาถึงข้อเท้าตลอดเวลา ขณะที่ผู้หญิงไม่มั่นใจที่จะใส่กระโปรงหรือกางเกงขาสั้นเนื่องจากจะทำให้ถูกสังเกตเห็นกำไลที่ข้อเท้าได้ง่ายขึ้น

.

2. หลากปัญหาทางเทคนิคที่เกิดขึ้นกับอุปกรณ์

ผู้ต้องหาและจำเลยจำนวนหนึ่งประสบปัญหาเชิงเทคนิคเกี่ยวกับการใช้กำไล EM กล่าวคืออุปกรณ์ยังมีระบบที่ไม่สมบูรณ์มากนัก เนื่องจากเมื่อได้รับการติด EM แล้ว จำเป็นจะต้องมีการชาร์ตแบตอยู่ทุกๆ 4-5 ชั่วโมง จำเป็นต้องชาร์ตแบตอย่างน้อย 2 ครั้ง หากปล่อยให้แบตหมดอาจจะถูกถือว่ามีเจตนาหลบหนี 

อีกทั้ง ผู้ที่ถูกติดกำไล EM หลายคนยังประสบปัญหาไม่สามารถชาร์ตแบตได้ เนื่องจากเกิดปัญหาขึ้นกับสายชาร์ตที่ได้รับมา ซึ่งเป็นสายชาร์ตแบบเฉพาะหรือเกิดปัญหาขึ้นกับตัวแบตเตอรี่ของกำไล EM เอง ทำให้แบตหมดเร็วกว่าปกติ ทำให้ต้องมีภาระในการประสานงานนำเครื่องเข้าไปเปลี่ยนกับเจ้าหน้าที่ที่ศาล สร้างความไม่สะดวกในการต้องเดินทางไปศาลหลายต่อหลายครั้ง 

ผู้ต้องหาบางส่วนยังประสบปัญหาในเรื่องการชาร์ตแบตเตอรี่ขณะนอนหลับ เพราะอาจนำมาซึ่งความเสี่ยงเกี่ยวกับไฟฟ้าลัดวงจรได้ ผู้ที่สวมใส่กำไล EM จึงเลือกที่จะใช้พาวเวอร์แบงค์ในการชาร์ตไฟ อย่างไรก็ตามพาวเวอร์แบงค์ที่ใช้ต้องมีความจุมากพอสมควร จึงตามมาด้วยขนาดที่ใหญ่และหนัก และต้องคอยชาร์ตพาวเวอร์แบงค์อีกต่อหนึ่งด้วย 

ทั้งนี้หากแบตเตอรี่ใกล้หมดขณะที่ยังอยู่นอกที่พักอาศัย บางคนอาจจำเป็นต้องเดินชาร์ตแบตเตอรี่ด้วยสายที่ระโยงระยางไปมา ทำให้ตกเป็นเป้าสายตาของประชาชนทั่วไปโดยง่าย  

นอกจากนี้กำไล EM เป็นอุปกรณ์ที่สามารถกันน้ำได้ระยะหนึ่ง แต่ไม่อาจแช่อยู่ในน้ำได้ ความทนทานของอุปกรณ์จึงก่อให้เกิดขีดจำกัดในการดำรงชีวิต เช่น หากผู้ที่ถูกติดอุปกรณ์ EM ประกอบอาชีพที่ต้องอยู่ในน้ำ เช่น ชาวประมงหรือครูสอนว่ายน้ำ ก็อาจไม่สามารถจะประกอบอาชีพเหล่านั้นต่อไปได้อีกเลย หรือประกอบอาชีพได้อย่างยากลำบาก

จากการสำรวจยังพบว่าสัญญาณของกำไล EM สามารถกวนเข้าไปในเครื่องดนตรีหรือลำโพงได้ ทำให้ผู้ที่ประกอบอาชีพนักดนตรี ซึ่งต้องเล่นดนตรีหรืออยู่ใกล้ลำโพง ไม่สามารถเล่นดนตรีได้อย่างสะดวก ส่งผลกระทบไปถึงอาชีพที่เคยทำได้เป็นปกติไปด้วย

.

3. ต้องดูแลสุขอนามัย: ปัญหาและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับผิวหนัง 

กำไล EM เป็นอุปกรณ์ที่ถูกติดตั้งรอบข้อเท้าของจำเลยหรือผู้ต้องหาตลอด 24 ชั่วโมง โดยผู้ต้องหาส่วนหนึ่งประสบปัญหาเกี่ยวกับยางที่รัดอยู่รอบข้อเท้า เช่น เกิดอาการคันหรือแพ้ยางดังกล่าว ต้องหาผ้ามารองตัวกำไลไว้ หรือต้องทาโลชั่นเพื่อทำให้ข้อเท้าถูกเสียดสีน้อยลง เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายที่อาจไม่เคยมีมาก่อนเกี่ยวกับการต้องดูแลผิวหนังที่เสียดสีอยู่กับอุปกรณ์ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังต้องคอยทำความสะอาดและรักษาความสะอาดอุปกรณ์ที่ติดอยู่ที่ข้อเท้าอย่างเสม่ำเสมอ 

เนื่องจากกำไล EM มีแบตเตอรี่อยู่ด้านใน การชาร์ตแต่ละครั้งจึงมีความร้อนเกิดขึ้นที่ข้อเท้า คล้ายกับการต้องพกโทรศัพท์แนบอยู่กับตัวตลอดเวลา จึงเป็นสิ่งที่สร้างความกังวลใจและไม่สบายตัวกับผู้ที่ต้องติดกำไล EM

.

4. เงื่อนเวลาเข้า-ออกบ้าน จำกัดการเข้าถึงโอกาสทางอาชีพ  

จากการสำรวจ พบว่ามีจำเลยหรือผู้ต้องหาของศูนย์ทนายฯ จำนวน 13 คน ถูกจำกัดเวลาเข้า-ออกเคหสถาน ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ศาลได้กำหนดขึ้นเป็นการเฉพาะ สิ่งนี้สร้างอุปสรรคในการประกอบอาชีพของผู้ต้องหาเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการจำกัดเวลาที่จะอยู่นอกบ้านพักอาศัยซึ่งเวลาส่วนใหญ่ที่ถูกจำกัดเป็นเวลาเย็นหรือกลางคืน  

จากเดิมที่ผู้ต้องหาบางคนสามารถประกอบอาชีพไรเดอร์ รับส่งของหรืออาหาร หรือขับแท็กซี่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่เมื่อถูกกำหนดให้เข้าเคหสถานตั้งแต่ 16.00 น. ทำให้พวกเขาไม่สามารถหารายได้ได้เท่าเดิม ก่อให้เกิดอุปสรรคในการประกอบอาชีพ หลายคนถูกเลิกจ้างเมื่อนายจ้างทราบว่าพวกเขามีข้อจำกัดเกี่ยวกับเรื่องเวลาในการทำงาน (ดูกรณีตัวอย่างของ “อาทิตย์ ทะลุแก๊ซ”)

ในช่วงเวลา 16.00 น. หรือ 19.00 น. เป็นต้นไป ยังอาจเป็นเวลาที่ใครคนหนึ่งจะเดินทางไปทำธุระในสถานที่ต่างๆ เช่น การรับประทานอาหารเย็นกับครอบครัว การดูภาพยนตร์ หรือทำกิจกรรมที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ผู้ที่ถูกติดกำไลบางส่วนไม่สามารถเดินทางไปรับประทานอาหารกับครอบครัวที่อยู่ในเขตพื้นที่อื่นที่ติดกับจังหวัดกรุงเทพมหานครได้ เนื่องจากเงื่อนเวลาที่มีอย่างจำกัด 

การกำหนดเงื่อนเวลาได้เปลี่ยนแผนการใช้ชีวิตของผู้ต้องหาหลายคน โดยเพิ่มความตึงเครียดให้กับการใช้ชีวิตมากขึ้นอย่างไม่จำเป็น เนื่องจากหากพวกเขาไม่ได้อยู่ในเคหสถานภายในเวลาที่กำหนด อาจจะถูกเจ้าหน้าที่โทรมาสอบถามหรือตักเตือนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว และอาจนำไปสู่เหตุแห่งการถอนการประกันตัวได้  

.

5. การจำกัดพื้นที่หรือคุกจำลอง

เนื่องจากเงื่อนไขห้ามออกนอกเคหสถาน จึงมีการกำหนดพื้นที่ที่จะสามารถอยู่อาศัยได้ตามมา ผู้ที่ถูกกำหนดเงื่อนเวลาจะต้องระบุพื้นที่ที่ตนจะอยู่ภายหลังสิ้นสุดเวลาที่กำหนด โดยส่วนใหญ่จะเลือกบ้านพักอาศัยในปัจจุบันของตนเอง อย่างไรก็ตามมีผู้ที่ถูกดำเนินคดีซึ่งมิได้มีภูมิลำเนาในกรุงเทพมหานคร แต่ต้องกำหนดเคหสถานในกรุงเทพมหานคร เพื่อให้สะดวกต่อการเดินทางไปมาระหว่างต่อสู้คดีด้วย  

ตามปกติ มนุษย์ทุกคนมีสิทธิที่จะเดินทางหรือค้างแรมในที่ต่างๆ ที่ตนต้องการได้ การจำกัดเคหสถานพ่วงด้วยการจำกัดเวลา ทำให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยหลายคนไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนได้ แม้จะเป็นภายในประเทศ เนื่องจากเงื่อนไขดังกล่าว หรือแม้แต่การนอนค้างนอกเคหสถาน เช่น การไปนอนค้างบ้านเพื่อน ก็ไม่อาจกระทำได้ หากไม่มีการขออนุญาตจากศาล 

เงื่อนไขเรื่องพื้นที่กระทบต่อการทำงานของผู้ต้องหาที่ต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลา เช่น ผู้ที่เป็นวิทยากรในการจัดอบรมให้ความรู้ ซึ่งต้องเดินทางไปบรรยายตามสถานที่ต่างๆ และพักค้างในสถานที่นั้นๆ หรือผู้ที่ทำธุรกิจและต้องเดินทางไปเจรจาค้าขายที่ต่างจังหวัดอยู่เสมอ 

แม้แต่นักดนตรีที่ต้องเล่นดนตรีส่วนใหญ่ในเวลากลางคืนหรือต้องเดินทางไปเล่นดนตรีในต่างจังหวัดก็อาจต้องประสบปัญหาในการขออนุญาตศาลทุกครั้งที่ต้องเดินทาง ส่งผลให้เกิดภาระในการประกอบอาชีพและใช้ชีวิตอย่างยิ่ง

.

6. เวลาและค่าใช้จ่ายหากต้องเดินทางพุ่งสูงโดยไม่จำเป็น

ผู้ติดกำไล EM ยังไม่สามารถขึ้นเครื่องบินได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลให้เหตุผลว่าการเดินทางโดยเครื่องบินทำให้สัญญาณของกำไลขาดหายไป อีกทั้ง EM เป็นอุปกรณ์อิเลคโทรนิกที่ส่งสัญญาณอยู่ตลอดเวลาไม่สามารถปิดได้จึงอาจไปรบกวนสัญญาณของเครื่องบิน แม้ว่าเหตุผลเรื่องการติดตามตัวจะเป็นเหตุผลหลักที่ผู้ต้องหาและจำเลยถูกสั่งให้ติดกำไล EM แต่หลายครั้งผู้ต้องหาและจำเลย โดยเฉพาะกลุ่มแกนนำที่มีคดีในหลานพื้นที่ มีความจำเป็นจะต้องเดินทางไปที่ต่างจังหวัดเพื่อเข้าร่วมกระบวนการทางกฎหมาย เช่น การถูกอัยการส่งฟ้อง หรือการต่อสู้ในชั้นพิจารณา ซึ่งแม้ศาลจะมีคำสั่งอนุญาตให้เดินทางได้ แต่ขั้นตอนการเดินทางไม่สามารถทำได้โดยง่าย

เนื่องจากผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่สามารถเดินทางโดยเครื่องบินได้ ทำให้ต้องคิดเผื่อเวลาในการเดินทางโดยรถยนต์หรือรถสาธารณะ การเดินทางโดยรถสาธารณะเพิ่มความเสี่ยงทางด้านสุขภาพให้กับผู้ที่ต้องเดินทางเนื่องจากใช้เวลาเดินทางนานกว่าการขึ้นเครื่องบินและอยู่ในพื้นที่ที่แออัดมากกว่า 

ขณะเดียวกันหากเลือกเดินทางโดยรถส่วนตัวเพื่อความสะดวกและความปลอดภัยทางด้านสุขภาพ ก็จะมีค่าใช้จ่าย เช่น ค่าน้ำมันและต้องใช้เวลาการเดินทางมากกว่าเครื่องบินหลายเท่า   

.

7. ผลกระทบต่ออาชีพ: “ไม่มีงาน ก็หางานยาก มีงานทำ ก็ทำงานลำบาก”

ผู้ติดกำไล EM จำนวนหนึ่งประสบปัญหาในการหางานทำ เนื่องจากต้องทำงานที่สอดคล้องกับระยะเวลาที่ถูกกำหนดให้อยู่นอกบ้านได้อย่างจำกัด ผู้ว่าจ้างส่วนใหญ่อาจะมีแนวคิดที่ไม่ไว้วางใจผู้ที่มีคดีความหรือกำลังอยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดี โอกาสในการเข้าถึงอาชีพของผู้ที่ติดกำไล EM ในคดีที่เกี่ยวข้องกับการแสดงออกทางการเมืองจึงยากมากขึ้น 

ผลกระทบเกี่ยวกับการประกอบอาชีพไม่ได้หรือประกอบอาชีพได้ไม่สะดวกเท่าเดิม นำมาซึ่งปัญหาใหญ่อย่างเรื่องเศรษฐกิจและปากท้องของครอบครัว เนื่องจากผู้ที่ถูกดำเนินคดีส่วนใหญ่เป็นหัวหน้าหรือเสาหลักของครอบครัว การขาดผู้ที่ทำงานหาเงินจึงก่อให้เกิดปัญหาอีกหลายประการตามมา เช่น การที่บุตรไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือเนื่องจากไม่มีค่าเทอม อาหารการกิน สุขอนามัยของครอบครัวแย่ลง หรือกระทั่งมีเงินไม่พอในการจ่ายค่าเช่าบ้าน สุ่มเสี่ยงต่อการไม่มีที่อยู่อาศัย  

.

8. ความกดดันทางจิตใจที่ถูกมองข้าม

จากผลกระทบข้างต้นที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่าแม้กำไล EM เป็นอุปกรณ์ซึ่งมีน้ำหนักไม่มากนักราว 300 กรัม แต่ได้สร้างปัญหาหลากมิติให้เกิดแก่ผู้สวมใส่ อย่างที่ใครหลายคนคาดไม่ถึง โดยเฉพาะหากปัญหาข้างต้นทั้งหมดเกิดขึ้นกับคนๆ ดียว ก็มักนำมาซึ่งความเครียดและความหดหู่อย่างมหาศาลให้แก่ผู้สวมใส่ 

โดยเคยมีรายงานเกี่ยวกับผลกระทบของผู้ที่ต้องสวมใส่กำไล EM เป็นเวลานาน เช่น กรณีของอาทิตย์ ผู้ถูกกล่าวหาจากการชุมนุมทะลุแก๊ซ ซึ่งรู้สึกเหมือนต้องติดคุก ทั้งที่คดียังไม่ถูกตัดสินและประสบปัญหาในการประกอบอาชีพจนนำไปสู่ปัญหาทางเศรษฐกิจ ในท้ายที่สุดความเครียดที่มาจากการใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ได้จุดชนวนให้เขาคิดฆ่าตัวตาย

ผู้ที่ต้องติด EM หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขารู้สึกว่าถูกจำกัดอิสรภาพทั้งที่ไม่ได้ถูกขังอยู่ในเรือนจำ สำหรับคดีกลุ่มแกนนำซึ่งขาดอิสรภาพมาเป็นเวลาหลายเดือนในเรือนจำ พวกเขาคิดฝันถึงการเดินทางไปพักผ่อนตามที่ต่างๆ อยู่ไม่น้อย เมื่อได้รับการอนุญาตประกันตัว แต่ก็ไม่สามารถเดินทางได้ตามที่ปรารถนา หรือไปในที่ที่อยากไปได้ตามปกติ ทำให้บางคนรู้สึกหดหู่ไม่น้อย 

ความหดหู่และอึดอัดที่สะสมในชีวิตประจำวันซ้ำๆ เป็นเวลานาน มีแนวโน้มจะนำไปสู่ความไม่มั่นคงทางอารมณ์ ผู้ที่ต้องติด EM บางคนรู้สึกว่าตนเองโกรธง่ายขึ้นกับเรื่องต่างๆ กลายเป็นคนที่อารมณ์เสียอยู่ตลอดเวลา เพราะมีสิ่งที่เป็นส่วนเกินผูกติดกับชีวิต และอาจก่อให้เกิดปัญหาต่อการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนทั่วไปในสังคม เนื่องจากความรู้สึกที่เหมือนถูกตีตราจากตรวนอิเล็กทรอนิกส์ 

.

9. ติด EM 1 คน = ติด EM ทั้งครอบครัว

ปัญหาภายในใจของแต่ละคนที่ต้องแบกรับความรู้สึกกดดันจากการทำงานได้ยากขึ้น หรือหางานทำไม่ได้ รวมถึงการถูกจำกัดเวลาและพื้นที่ที่จะเดินทางได้ ยังอาจนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่แย่ลงกับคนรอบข้างหรือครอบครัว เนื่องจากครอบครัวเป็นผู้ที่มีความใกล้ชิดกับผู้ต้องหามากที่สุด จึงอาจมีการปะทะอารมณ์ระหว่างกันได้เสมอ ขณะเดียวกันก็อาจเป็นผู้ร่วมแบกรับปัญหาทางจิตใจร่วมไปกับผู้ที่ถูกติดกำไล EM 

การถูกติด EM โดยกำหนดพื้นที่และเวลา อาจทำให้ตารางชีวิตประจำวันหรือแผนการในวันพิเศษของทั้งครอบครัวต้องเปลี่ยนไปด้วย เช่น ครอบครัวที่มักจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันนอกบ้าน อาจต้องกลับบ้านเร็วขึ้น หรือไม่สามารถไปยังที่ๆ ต้องการ

กรณีผู้ที่ทำงานในเวลา 8.00-17.00 น. อาจไม่มีเวลาที่จะทำกิจกรรมที่อยากทำร่วมกับครอบครัว อย่างการซื้อของ หรือออกกำลังกาย-เดินเล่นภายหลังจากเลิกงาน เนื่องจากต้องเผื่อเวลาในการเดินทางกลับบ้าน ทำให้กิจกรรมต่างๆ ต้องรอทำร่วมกันในวันที่มีเวลามากกว่าอย่างวันหยุดเสาร์-อาทิตย์

ทั้งอาจไม่ใช่ทุกครอบครัวที่จะให้การสนับสนุนและยินดีต้อนรับผู้ที่ถูกกล่าวหาดำเนินคดี แม้เป็นคดีจากการแสดงออกทางการเมืองก็ตาม การมีกำไล EM ติดที่ขาอาจตอกย้ำรอยร้าวระหว่างคนในครอบครัวให้ฝังลึกมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในครอบครัวที่ไม่ได้มีความคิดเห็นทางการเมืองไปในทางเดียวกัน หรือแม้แต่ในกรณีที่ต้องพบปะญาติพี่น้องที่ไม่ได้มีความเข้าใจกันมากนัก

เนื่องจากจุดประสงค์ดั้งเดิมของการติดกำไล EM นั้น มุ่งเน้นไปที่นักโทษเด็ดขาดที่ได้รับการพักโทษและต้องควบคุมนอกเรือนจำเพื่อลดความแออัดจนกว่าจะพ้นโทษ การนำกำไล EM มาติดให้แก่ผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ยื่นคำร้องขอประกันตัว ขณะที่ยังไม่ได้เริ่มการสืบพยานหรือมีคำพิพากษาแต่อย่างใด จึงต้องใช้ดุลยพินิจอย่างระมัดระวัง 

แม้เงื่อนไขการยินยอมที่จะติดกำไล EM จะปรากฎในคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวของจำเลยในคดีการเมือง เพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ใจของผู้ต้องหาหรือจำเลยว่ายินดีจะทำตามคำสั่งของศาล แต่ศาลสามารถที่จะพิจารณาถึงสัดส่วนของความผิดและความสมเหตุสมผลของคำสั่งติดกำไล EM ได้ เพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดแก่ผู้ที่ควรถูกสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้ได้มากที่สุด  เนื่องจากผลกระทบดังกล่าวเป็นความเสียหายที่ยังไม่มีข้อกฎหมายมารองรับหากภายหลังผู้ต้องหาหรือจำเลยได้รับการพิพากษายกฟ้องแล้ว  แตกต่างจากผู้ที่ถูกคุมขังในเรือนจำระหว่างพิจารณาคดี และต่อมาศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง ซึ่งได้มีกฎหมายรองรับเกี่ยวกับการได้รับการชดเชยเยียวยา 

แม้ว่าเงื่อนไขของการควบคุมทั้งสองลักษณะจะแตกต่างกัน โดยการติด EM ดูเหมือนการได้รับการผ่อนปรนมากกว่า แต่ผลกระทบทางด้านกายภาพและด้านจิตใจของกลุ่มบุคคลทั้งสองแบบเป็นสิ่งที่วัดประเมินมูลค่าความเสียหายได้ไม่ง่ายนัก

X