อวัยวะบนร่างกายที่เรียกว่า “กำไล EM” กับบาดแผลที่เท้าของ “บิ๊ก เกียรติชัย” 

“บิ๊ก” เกียรติชัย ตั้งภรณ์พรรณ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 สมาชิกกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เป็นอีกหนึ่งคนที่ถูกดำเนินคดีจากการแสดงออกทางการเมือง และต้องใช้ชีวิตภายใต้เงื่อนไข รวมทั้งการถูกให้ติดกำไลอิเลกทรอนิกส์ (EM) ไว้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายตลอดเวลา

บิ๊กถูกดำเนินคดีในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ ฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กรณีร่วมปราศรัยในกิจกรรม #ราษฎรยืนยันดันเพดาน ครบรอบ 89 ปี การอภิวัฒน์สยาม เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2564 ที่บริเวณสกายวอร์คแยกปทุมวัน ร่วมกับ “ตี้” วรรณวลี ธรรมสัตยา และ เบนจา อะปัญ

เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2565 หลังอัยการสั่งฟ้องคดีของทั้งสามคนต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลได้อนุญาตให้ประกันตัว แต่พวกเขาจะถูกศาลกำหนดเงื่อนไข “ห้ามกระทำการใดๆ อันมีลักษณะทำนองเดียวกันกับที่ถูกฟ้องหรือมีลักษณะทำให้เสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ห้ามชักชวนหรือโพสต์ข้อความลงในสื่อโซเชียลมีเดีย ชักชวน ยุยง ให้เกิดการชุมนุมที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากศาล” นอกจากนี้ยังถูกกำหนดให้ติดกำไล EM ด้วย 

เป็นเวลากว่า 4 เดือนแล้ว ที่บิ๊กใช้ชีวิตอยู่กับกำไล EM โดยช่วงเดือน ต.ค. 2565 เขาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับแผลที่ข้อเท้าซึ่งเป็นผลกระทบจากกำไล EM หลายต่อหลายครั้ง รวมทั้งพยายามยื่นคำร้องขอถอดอุปกรณ์นี้ออกจากตัวมาแล้ว 4 ครั้ง แต่ศาลไม่อนุญาต

บิ๊กบอกเล่าถึงผลกระทบการใช้ชีวิตร่วมกับกำไล EM ในช่วงที่ผ่านมาว่า เขาถูกสั่งติดกำไล EM ในช่วงกำลังฝึกงานอยู่ โดยมีบางวันที่เขาจำเป็นต้องเดินทางไปดำเนินการเรื่องกำไล EM ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ทำให้เขาต้องขับรถจากที่ฝึกงานย่านรามคำแหงไปศาล ซึ่งเป็นระยะทางที่ไกลพอสมควร บิ๊กบอกว่าเป็นการดำเนินการที่เสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก

“ผมต้องใช้วันลางานซึ่งมีอยู่ไม่กี่วัน เพื่อไปดำเนินการเรื่องนี้ (การยื่นคำร้องขอเปลี่ยน EM และยื่นคำร้องขอถอดกำไล) เพราะต้องไปในวันและเวลาทำการของราชการ แทนที่จะได้ใช้วันลาไปกับการพักผ่อนหรือทำธุระอย่างอื่น” เขาเริ่มเล่า 

“ในช่วงแรกของการติด EM มันไม่พอดีกับข้อเท้า มันหลวมมาก ขนาดของกำไล EM ในบ้านเราก็ใหญ่เกินไป ผมเห็นของเมืองนอกมีขนาดเล็กกว่านี้ ยิ่งเวลาแบตหมด มันยังส่งเสียงดังรบกวนคนอื่นด้วย” 

โดยปกติคนจะคิดว่ากำไลข้อเท้าที่หลวม น่าจะทำให้สวมใส่ได้สบายกว่ากำไลข้อเท้าที่รัดจนคับ แต่เรื่องนั้นอาจเป็นความเข้าใจผิดของคนทั่วไป

“พอกำไลข้อเท้ามันหลวมเกิน มันทำให้ผมเจ็บมาก เพราะเวลาเดินมันไม่ล๊อคอยู่กับข้อเท้า มันแกว่งและตีข้อเท้าผมตลอดเวลา” บิ๊กอธิบายให้เห็นข้อเสียของการใส่กำไลที่หลวม 

เมื่อถามต่อว่าทำไมเขาถึงขอขยับหรือเปลี่ยนขนาดกำไลไม่ได้ บิ๊กได้อธิบายเพิ่ม “แม้ว่ากำไล EM จะขยับเพิ่มลดขนาดที่สายได้ แต่ก็ยังมีหลายขนาดที่ต่างกัน ตอนที่ไปติดครั้งแรกมันมีขนาดเดียวเพราะฉะนั้นผมต้องติดแค่ขนาดที่มีอยู่ เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีของ” 

บิ๊กเล่าว่าเขาต้องติดกำไล EM ที่หลวมกว่าข้อเท้าไปมากอยู่ราว 1 เดือน ระหว่างนั้นเขาใช้วิธีติดพลาสเตอร์ไว้ที่เท้าก่อนจะขยับมาเป็นการพันผ้าพันแผลไว้แทน แต่ก็พบว่าไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่สะดวกมากนัก เพราะมีปัญหาเรื่องการดูแลรักษาความสะอาดตามมา

“ช่วงแรกนี่ผมไม่ล้างเลย คิดว่าจะได้ติดไว้ไม่นาน” เขาว่า แต่เมื่อเวลาผ่านไปบิ๊กก็ทราบว่าเขาคงจะไม่ได้ถอดกำไลในเร็ววันนี้แน่นอน บิ๊กเล่าว่าในช่วง 1 เดือนแรก เขาเคยเขียนคำร้องไปยื่นต่อศาลเพื่อจะถอดกำไลครั้งหนึ่งด้วยปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเท้า แต่ศาลไม่อนุญาต หลังจากนั้นไม่นานนัก บิ๊กได้เปลี่ยนกำไลอันใหม่ เป็นขนาดที่พอดีกับข้อเท้าของเขามากขึ้น

“เรียกว่าพอดีก็ได้ แต่มันก็ยังหลวมนิดๆ แกว่งบ้าง แต่ไม่แกว่งเท่าอันเก่า” 

อย่างไรก็ตาม บิ๊กบอกว่ามีปัญหาใหม่เกิดขึ้นจากตัวกำไล “พอมันติดกับข้อเท้ามากขึ้น มันก็เสียดสี ไม่รู้คนอื่นมีปัญหามากน้อยแค่ไหนแต่ผิวหนังผมอาจจะเป็นพวกแพ้ง่าย”

ภาพทางเฟซบุ๊กส่วนตัวของบิ๊ก เผยให้เห็นรอยแผลอักเสบเป็นผื่นแดงรอบข้อเท้าของเขา บางภาพมีพลาสเตอร์มากมายปิดรอยแผลไว้

.

ภาพทางเฟซบุ๊กส่วนตัวของบิ๊ก บิ๊กบอกว่าข้อเท้าของเขาอาจเป็นแผลเป็นในอนาคตเนื่องจากการเกิดแผลซ้ำๆ บริเวณจุดเดิม


“แรกๆ ผมใช้เคาเตอร์เพนทา แต่พอหลายๆ เดือนเข้า เริ่มทนไม่ไหว บางคืนเจ็บจนนอนไม่หลับ ต้องไปหาหมอ เลยได้ยามาทาพร้อมใบรับรองแพทย์ เพื่อใช้ยื่นหลักฐานประกอบการขอถอดกำไล”

แม้ว่าบิ๊กได้พยายามยื่นคำร้องขอถอดกำไล EM ไปแล้ว 4 ครั้งในรอบ 4 เดือน เนื่องจากปัญหาการเกิดผื่นแผลที่ข้อเท้า ซึ่งครั้งล่าสุดเขาได้ยื่นคำร้องต่อศาลไปเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2565 ศาลอาญากรุงเทพใต้ยังคงยกคำร้องขอถอดกำไล โดยให้เหตุผลว่า “ไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่ง” 

“ใบรับรองแพทย์ตัวจริงก็ถูกแนบไปกับคำร้องครั้งที่ 4 แล้ว ถ้าผมจะยื่นครั้งที่ 5 ก็ต้องไปเสียเงินค่าตรวจอีกขั้นต่ำ 500 บาท” บิ๊กกล่าว 

นอกจากนี้บิ๊กยังพูดถึงสภาพจิตใจของคนที่ต้องใส่กำไล EM “ผมถามเพื่อนบางคน เขาก็บอกว่าเขาชิน อยู่กับมันไปได้ แต่บางคนก็รำคาญ ผมก็รู้สึกรำคาญ มันมีผลกับจิตใจของเรา ทำให้เรารู้สึกว่าถูกเฝ้ามองจับจ้องอยู่ตลอดเวลา การติดกำไลก็เหมือนการเตือนว่าห้ามไปทำกิจกรรม ห้ามไปเคลื่อนไหว เพราะคุณสามารถถูกถอนประกันได้ตลอด”

ปัจจุบันบิ๊กกำลังดำเนินเรื่องขอถอดกำไล EM เป็นครั้งที่ 5 โดยอยู่ในขั้นตอนการรอใบรับรองพฤติกรรมจากคณะรัฐศาสตร์และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งเป็นต้นสังกัด เพื่อยืนยันว่าตนจะไม่หลบหนีและจะสู้คดีตามกระบวนการทั้งหมด โดยที่ผลกระทบที่เกิดขึ้นเหล่านี้ต่อบิ๊ก เขายังไม่ได้ถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิดแต่อย่างใด และคดีอาจต้องใช้เวลาต่อสู้ไปอีกหลายปีในศาลชั้นต่างๆ

“คนจะหนี มี EM ก็หนีอยู่ดี ผมไม่คิดจะหนี ผมพร้อมสู้ตามกระบวนการเพราะมั่นใจว่าการปราศรัยเรื่องรัชกาลที่ 7 ไม่เข้าข่ายผิดมาตรา 112” บิ๊กยืนยัน 

.

ย้อนอ่านรายงาน 9 ปัญหาการติดกำไล EM

X