ตร.ปอท.แจ้ง “ม.112-พ.ร.บ.คอมฯ” บี๋ นศ.มธ. กล่าวหาเป็นแอดมินเพจแนวร่วมมธ.ฯ โพสต์หมิ่นสถาบันกษัตริย์ 3 ข้อความ

วันนี้ (17 พ.ย. 64) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท) นิราภร อ่อนขาว หรือ “บี๋” นักศึกษาปี 3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในสมาชิกกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อหาตามหมายเรียกในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) โดยถูกกล่าวหาว่าเป็นแอดมินเพจ “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” และได้โพสต์ข้อความจำนวน 3 โพสต์

ก่อนหน้านี้นิราภร และ “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ได้รับหมายเรียกลงวันที่ 20 ตุลาคม 2564 โดยคดีมี นพดล พรหมภาสิต เลขาศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) ผู้กล่าวหา เดิมรุ้งนัดหมายเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาในวันเดียวกันนี้ แต่ไม่ได้รับการประกันตัวในคดีแต่งครอปท็อปเดินสยามพารากอนเสียก่อน

พ.ต.ท.วิพัฒน์ รัชอินทร์ และ ร.ต.อ.ปิยวัฒน์ ปรัญญา ได้เป็นผู้แจ้งข้อกล่าวหาต่อนิราภร พฤติการณ์โดยสรุประบุว่า คดีนี้มีนายนพดล พรหมภาสิต ได้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดําเนินคดีกับ ผู้ใช้บัญชีเพจเฟซบุ๊กชื่อ “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม – United Front of Thammasat and Demonstration” โดยผู้กล่าวหาได้กล่าวหาว่า บัญชีดังกล่าวมีการโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทกษัตริย์ จำนวน 3 โพสต์ ดังนี้

โพสต์ที่ 1 เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 63 เวลา 22.12 น. เพจดังกล่าวโพสต์ประกาศกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ฉบับที่ 1 โดยเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับ 10 ข้อเรียกร้อง เพื่อให้สถาบันกษัตริย์อยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ที่ประชาชนสามารถตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์ได้ 

โพสต์ที่ 2 เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 64 เวลา 10.34 น. เพจดังกล่าวได้โพสต์ข้อความว่า “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (รังสิต) #ภาษีกู #ยกเลิก112” พร้อมกับรูปภาพกษัตริย์รัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่ถูกพ่นสีสเปรย์ข้อความว่า “ยกเลิก 112” และ “ภาษีกู” จํานวน 9 ภาพ 

โพสต์ที่ 3 เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 64 เวลา 13.32 น. เพจดังกล่าวได้โพสต์ภาพกษัตริย์รัชกาลที่ 10 ที่มีการตัดต่อล้อเลียนให้เสื่อมเสีย จํานวน 1 ภาพ พร้อมกับเนื้อหาที่ระบุถึงบทบาทของสถาบันกษัตริย์ในเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 

ต่อมา จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า นิราภร และ “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล เป็นแอดมินและเป็นผู้ใช้งานบัญชีเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว จึงเชื่อว่าได้ร่วมกันโพสต์ข้อความและรูปภาพทั้ง 3 โพสต์ดังกล่าวข้างต้น 

พนักงานสอบสวนจึงแจ้ง 2 ข้อกล่าวหาต่อนิราภร ได้แก่ ข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) 

นิราภร ให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะให้การเป็นหนังสือเพิ่มเติมภายในวันที่ 17 ธ.ค. 64 ส่วน ปนัสยา ผู้ถูกกล่าวหาอีกรายในคดีนี้ พนักงานสอบสวนจะเข้าทำการแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลังหากยังถูกคุมขังในเรือนจำ

หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการ นิราภรได้รับการปล่อยตัว โดยไม่ถูกควบคุมตัวไว้ เนื่องจากมาตามหมายเรียกและไม่มีพฤติการณ์หลบหนี 

จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนพบว่า นพดล พรหมภาสิต ได้เข้าดำเนินคดีประชาชนในข้อหามาตรา 112 อย่างน้อย 6 คดี โดยปนัสยาถูกดำเนินคดีในมาตรานี้เป็นจำนวน 9 คดีแล้ว ส่วนนิราภรถูกดำเนินในมาตรานี้เป็นคดีแรก 

ทั้งนี้ ทั้งสองคนเคยถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจาก บก.ปอท. เข้าแสดงหมายจับ ในข้อหา “ยุยงปลุกปั่น” ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) โดยกล่าวหาว่าทั้งสองเป็นแอดมินเพจแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมที่โพสต์ให้ประชาชนออกไปชุมนุมประท้วงเพื่อขับไล่รัฐบาลเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาอีกด้วย

*อัพเดท 16 ธ.ค. 64*

“รุ้ง” รับทราบข้อหา 112 คดีที่ 9 หลังถูกกล่าวหาร่วมกับ “บี๋” เป็นแอดมินเพจแนวร่วมมธ.ฯ โพสต์หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ

ต่อมา 15 ธ.ค. 64 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท) “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในสมาชิกกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อหาตามหมายเรียกในคดีนี้ หลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

หลังพนักงานสอบสวนแจ้งพฤติการณ์คดีและข้อกล่าวหาเช่นเดียวกับที่แจ้งนิราภรแล้ว ปนัสยาได้ให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา และให้การเพิ่มเติมใน 5 ประเด็น ดังนี้

  1. ตามบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาของนายนพดล  พรหมภาษิต ผู้กล่าวโทษนั้น เธอยังไม่เข้าใจข้อกล่าวหา เนื่องจากเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาที่มีข้อกล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอย และมีที่สงสัยอยู่หลายประการ อีกทั้งข้อกล่าวหาก็ไม่ได้ระบุไว้ชัดเจนว่าข้อความที่อ้างว่าเป็นการหมิ่นประมาทกษัตริย์นั้น เป็นข้อความใดและมีความหมายอย่างไร
  2. ขอให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียก นายนพดล  พรหมภาษิต ผู้กล่าวโทษ   มาให้การเพิ่มเติมและอธิบายให้แจ้งชัดในคำกล่าวโทษว่า ข้อความส่วนไหน หรือประโยคใดเป็นการหมิ่นประมาทกษัตริย์ เพื่อให้เธอได้เข้าใจข้อหาได้ดี
  3. ที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) เป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงเกินเลยไปกว่าข้อความอันปรากฏอยู่ในข้อเท็จจริงในคดีนี้ อย่างปราศจากความเป็นจริง อีกทั้งพนักงานสอบสวนไม่ได้ใช้ดุลยวินิจฉัยโดยชอบด้วยเหตุผลและด้วยความชอบธรรม
  4. คดีนี้เป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง ในการรับแจ้งความนั้น ขอให้พนักงานสอบสวนได้พิจารณาและตระหนักถึงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งเป็นกฎหมายต้องการให้พนักงานสอบสวนเปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาได้แสดงความบริสุทธิ์ด้วย ไม่ควรเชื่อแต่คำกล่าวโทษแต่เพียงประการเดียว เพราะการเป็นคดีความย่อมสร้างภาระให้กับผู้ต้องหา มีผลกระทบและเป็นอุปสรรคต่อการเรียนการศึกษาของผู้ต้องหา ทั้งนี้ การกล่าวหาในคดีนี้ก็มีวัตถุประสงค์เพื่อจะปิดกั้นกลั่นแกล้งไม่ให้ผู้ต้องหาทำกิจกรรม หรือให้หยุดการเคลื่อนไหวทางการเมือง

    รวมไปถึงผู้กล่าวหาก็เป็นประชาชนธรรมดา หาได้เป็นผู้เสียหายโดยตรงไม่ ข้อกล่าวหาดังกล่าวย่อมมีข้อสงสัย และข้อพิรุธหลายประการ ซึ่งอาจจะมาจากอคติความคิดเห็นที่แตกต่างกันทางการเมืองอยู่ในข้อกล่าวหานั้น ขอให้พนักงานสอบสวนได้ใช้ดุลยวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวงก่อนตัดสินใจรับไว้เป็นคดี ซึ่งจะสร้างภาระและผลกระทบต่อผู้ต้องหาเป็นอย่างยิ่ง
  5. ผู้ต้องหามีความประสงค์จะดำเนินคดีกับนายนพดล  พรหมภาษิต ในข้อหาแจ้งความเท็จกับพนักงานสอบสวน 

ด้านพนักงานสอบสวนได้ให้ปนัสยาทำคำให้การดังกล่าวเป็นหนังสือมาอีกครั้ง โดยกำหนดยื่นคำให้การเป็นหนังสือเพิ่มเติมภายในวันที่ 15 ม.ค. 65

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

สถิติผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ปี 2563-64

X