23 ก.ย. 64 – ที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการ พนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการยื่นฟ้อง “นคร” (นามสมมติ) ช่างรับจ้างแต่งหน้าในจังหวัดเชียงราย ในฐานความผิดหมิ่นประมาทกษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 จากการแชร์โพสต์เฟซบุ๊กเพจ KonthaiUk และ “Thai Atheist เพจคนไม่เชื่อพระเจ้า V2”
ก่อนหน้านี้ ปลายปี 2563 นครได้รับหมายเรียกพยานจาก สภ.บางแก้ว ให้ไปให้ปากคำในฐานะพยาน กรณีนายศิวพันธุ์ มานิตย์กุล ได้กล่าวหาว่ามีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ข้อความพาดพิงสถาบันกษัตริย์ โดยนครได้เดินทางจากเชียงรายไปให้ปากคำ โดยไม่มีทนายความให้คำปรึกษา ก่อนที่ต่อมา ตนจะได้รับหมายเรียกผู้ต้องหาในข้อหามาตรา 112
นครจึงเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกอีกครั้ง โดยเข้าใจว่าเป็นการไปให้ปากคำในฐานะพยานเหมือนครั้งแรก ก่อนพนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อหามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พร้อมควบคุมตัวนครไปขออำนาจศาลฝากขัง ส่วนศาลมีคำสั่งอนุญาตฝากขัง ก่อนที่ญาติจะเดินทางมาประกันตัวเขาอีก 9 วันถัดมา เนื่องจากติดสัปดาห์วันหยุดช่วงสงกรานต์ ทำให้นครต้องถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางสมุทรปราการเป็นเวลา 9 วัน
หลังนครได้รับการปล่อยตัว พนักงานสอบสวน สภ.บางแก้ว ยังเดินทางไปแจ้งข้อหาและพฤติการณ์เพิ่มเติมถึงเชียงราย เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 64 เนื่องจากพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาครั้งก่อนไม่ครบถ้วน โดยได้แจ้งข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (5) และแจ้งพฤติการณ์คดีเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหาได้แชร์โพสต์เฟซบุ๊กของเพจ “KonthaiUK” ด้วย นอกเหนือจากโพสต์ของเพจเฟซบุ๊ก “Thai Atheist เพจคนไม่เชื่อพระเจ้า V2” โดยนครได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
นอกจากนี้ ในนัดรายงานตัวที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 64 ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนดผัดฟ้องจำนวน 7 ผัด 84 วัน เพื่อฟังคำสั่งทางคดีของพนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการ เมื่อนครเข้ารายงานตัว ได้รับแจ้งว่าทางพนักงานอัยการยังไม่ได้ยื่นฟ้องคดี จึงเดินทางไปสนามบินเพื่อกลับภูมิลำเนา แต่เวลา 15.00 น. พนักงานสอบสวน สภ.บางแก้ว กลับแจ้งทนายความว่า อัยการจะยื่นฟ้อง แต่ไม่พบตัวผู้ต้องหาที่ศาล และเขาได้เดินทางกลับแล้ว ทำให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกใหม่ เพื่อนำตัวผู้ต้องหามาส่งฟ้องต่อศาล
ในวันที่ 23 ก.ย. 64 นครได้เดินทางจากจังหวัดเชียงราย เพื่อมาฟังคำสั่งฟ้องในคดีนี้ โดยพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องในฐานความผิดหมิ่นประมาทกษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
พนักงานอัยการบรรยายฟ้องโดยสรุปว่า ขณะเกิดเหตุ ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 10 จากประวัติศาสตร์ ราชวงศ์จักรี ถือเป็นราชวงศ์ที่ปกครองประเทศไทย ต่อจากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จากการที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ปราบดาภิเษกเมื่อ พ.ศ. 2325
ยุคของราชวงศ์นี้เรียกว่า “ยุครัตนโกสินทร์” ชื่อของราชวงศ์จักรีมีที่มาจากบรรดาศักดิ์ของ เจ้าพระยาจักรีองครักษ์ ขณะนั้นดํารงตําแหน่งสมุหนายกซึ่งเป็นตําแหน่งทางราชการที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงเคยดํารงตําแหน่งนี้มาก่อนในสมัยกรุงธนบุรี คําว่า จักรี พ้อง เสียงกับคําว่า จักร และ ตรี ที่เป็นเทพอาวุธของพระวิษณุ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึงทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระแสงจักรและพระแสงตรีไว้ 1 สํารับ อีกทั้งกําหนดให้ใช้เทพอาวุธนี้เป็นสัญลักษณ์ ประจําราชวงศ์จักรีสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ต่อมา เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 63 จำเลยได้ใช้เฟซบุ๊กดูหมิ่นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 1, 2, 5 และ 10 ผ่านการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยแชร์โพสต์เฟซบุ๊ก 2 โพสต์ ได้แก่ โพสต์จากเพจ “Thai Atheist เพจคนไม่เชื่อพระเจ้า V2” โดยมีภาพของรัชกาลที่ 5 ประกอบ พร้อมข้อความในรูปว่า “ประวัติศาสตร์ ราชวงศ์จักรีตามจริง ที่โรงเรียนไทยไม่เคยสอน ร.1 ฆ่าเพื่อน ชิงบัลลังก์ ร.2 ตามเก็บลูกหลานพระเจ้าตากตายเกลี้ยง หมด”
ส่วนอีกโพสต์หนึ่งมาจากเพจเฟซบุ๊ก “KonthaiUK” เป็นภาพขอรัชกาลที่ 10 พร้อมข้อความในภาพว่า “ข่าวด่วนต่างประเทศคนเยอรมันเดือด สั่งนักการเมืองฟ้อง ‘เราไม่ ต้องการกษัตริย์ของคุณที่นี่’” โดยจำเลยได้แชร์ พร้อมพิมพ์ข้อความว่า “แชร์ไปอ่านเป็นวิทยาทานอย่างหนึ่ง”
พนักงานอัยการระบุว่า การเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวหมิ่นประมาทและดูหมิ่นพระราชวงศ์จักรี และในหลวงรัชกาลที่ 10 ด้วยข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ซึ่งเป็นการหมิ่นประมาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 1 รัชกาลที่ 2 รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 10 ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามที่จำเลยใส่ความแต่อย่างใด
ทั้งรูปภาพและข้อความดังกล่าวเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ และมีเนื้อหาจาบจ้วง ล่วงเกิน ใส่ร้าย ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ทั้งจำเลยยังมีเจตนาให้ประชาชนที่อ่านข้อความดังกล่าว รู้สึกเกลียดชังพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 1, 2, 5 และ 10
ดังนั้นพนักงานอัยการจึงระบุว่า การกระทำของนครนั้นมีความผิดในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14
ต่อมา หลังศาลรับฟ้อง นครได้ถูกนำตัวไปควบคุมไว้ เพื่อรอคำสั่งว่าศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่ ขณะทนายความยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว พร้อมวางเงินสดจำนวน 150,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ เป็นหลักประกัน
เวลา 15.00 น. โดยประมาณ ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว พร้อมกำหนดนัดคุ้มครองสิทธิในวันที่ 2 ก.พ. 65 เวลา 09.00 น. และนัดพร้อมในวันที่ 28 ก.พ. 65 เวลา 09.00 น.
สำหรับการเดินทางมารับทราบคำสั่งฟ้องในวันนี้ นครเปิดเผยว่า ตนต้องเดินทางจากจังหวัดเชียงรายเพื่อมาฟังคำสั่งฟ้อง ต้องจองตั๋วเครื่องบินและที่พักในสมุทรปราการ โดยที่ผ่านมาต้องเดินทางมาตามนัดของพนักงานสอบสวนและอัยการโดยตลอด ทำให้ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายส่วนนี้เป็นจำนวนมาก
“ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 15,000 บาท ต่อครั้งที่ลงมากรุงเทพฯ ทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าโรงแรม ค่าเดินทาง ตอนลงมาฟังคำสั่งฟ้องครั้งนี้ เราต้องไปพักที่พักในกรุงเทพฯ เพราะโรงแรมในสมุทรปราการที่เคยไป เขาปิดชั่วคราวหมด ทำให้มีค่าเดินทางไปกลับที่พักและศาลเพิ่มเข้ามาอีก
“แล้วช่วงเวลาที่ต้องลงมากรุงเทพฯ ตามนัดชอบเป็นช่วงที่ค่าโดยสารทุกอย่างแพง ตอนเดือนเมษายนที่ลงมาหาพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ก็ต้องกัดฟันซื้อตั๋วเชียงราย-กรุงเทพฯ ราคา 2,500 บาท ขากลับอีก 3,500 บาท ซึ่งขากลับก็ต้องทิ้งตั๋วไป เพราะไปห้องกรงก่อน” นครเล่าถึงการเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกผู้ต้องหา ซึ่งตนไม่ทราบว่าจะถูกแจ้งข้อหา และนำตัวไปฝากขังที่ศาลด้วย เพราะพนักงานสอบสวนเพียงแค่แจ้งว่าให้มาสอบปากคำเท่านั้น
“อย่างมาครั้งนี้ เราสามารถบินกลับหลังจากมานัดฟังคำสั่งฟ้องวันพรุ่งนี้เลยก็ได้ แต่ตั๋วพรุ่งนี้ราคาสูงถึง 3,000 บาท มันสู้ไม่ไหว ทำให้เราต้องเสียค่าที่พักในกรุงเทพฯ ต่ออีก 1 วัน”
อุปสรรคด้านค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทางเป็นสิ่งที่ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ที่ต้องเดินทางจากภูมิลำเนา ไปยังจังหวัดที่ตั้งของสถานีตำรวจท้องที่ที่ผู้กล่าวหาเดินทางไปแจ้งความ เหตุเพราะมาตรา 112 นั้นเปิดช่องให้ใครก็สามารถแจ้งความผู้อื่นได้ และที่ใดก็ได้ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาทางคอมพิวเตอร์
สำหรับคดีมาตรา 112 ในท้องที่ สภ.บางแก้ว ที่ศิวพันธ์ มานิตย์กุล ประชาชนที่อยู่ในจังหวัดสมุทรปราการเป็นผู้แจ้งความดำเนินคดี มีประชาชนจากหลากหลายจังหวัดถูกดำเนินคดี และต้องเดินทางมาตามนัดหมายของพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการจากจังหวัดอื่นๆ เช่น มีชัย จากจันทบุรี และปุญญพัฒน์ จากกำแพงเพชร
.