วันนี้ (16 ก.ย. 64) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดไต่สวนเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว นักกิจกรรมกลุ่มทะลุฟ้า 17 ราย ในคดีที่ทางกลุ่มและประชาชนชุมนุมหน้าสโมสรตำรวจ เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวคนขับรถปราศรัยในคาร์ม็อบของกลุ่ม “ราษฎร” พร้อมทีมงาน เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 64 หลังตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ไปยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการประกันตัวต่อศาล
ก่อนหน้านี้ ศาลได้นัดไต่สวนในวันที่ 30 ส.ค. 64 แต่เนื่องจาก “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะถูกคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ทนายความจึงได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนการไต่สวน ศาลอนุญาตให้เลื่อนนัดไต่สวนมาเป็นวันนี้
.
ศาลยกคำร้องเลื่อนคดี เหตุทำคดีล่าช้า ก่อนไต่สวนเสร็จสิ้นในวันนี้
เวลา 09.30 น. สมาชิกกลุ่มทะลุฟ้าทยอยมาศาล สมาชิกรายหนึ่งได้สวมชุดเสื้อยืดทะลุฟ้า โจงกระเบน และเกล้าผมใส่ชฎา เธอระบุว่าต้องการแสดงให้กลุ่มรักสถาบันเห็นว่าเธอเองก็รักความไทยเหมือนกัน ไม่ได้ไม่รักความเป็นไทยแบบที่ถูกกล่าวหา
เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 เพื่อความปลอดภัยของบุคลากร ศาลจึงแบ่งห้องเพื่อวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เป็นสามห้อง คือ ห้องพิจารณา 706-708 ศาลพิจารณาจากห้อง 706 ส่วนผู้ต้องหานั่งในห้อง 707 และ 708 โดยให้ผู้ต้องหาแต่ละรายนั่งเว้นระยะห่างตามมาตราการป้องกันโรค
ที่ห้องพิจารณาคดี 707 เจ้าหน้าที่ศาลไม่ได้เก็บเครื่องมือสื่อสาร แต่มีการเช็ครายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้อง คนที่ไม่เกี่ยวจะไม่อนุญาตให้เข้าฟัง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาด
วันนี้มีผู้สังเกตการณ์จากโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) มาศาล แต่เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ไม่อนุญาตให้เข้า แจ้งว่าจากสถานการณ์การระบาดของโรคให้เข้าเพียงผู้ต้องหา ทนายความ และเสมียนทนายเท่านั้น
เวลา 10.16 น. ผู้ต้องหาทะลุฟ้า 15 ราย ทยอยขึ้นมาที่ห้องพิจารณาคดีที่ 707 และ 708 ขาดผู้ต้องหารายหนึ่งที่ติดโควิด และจตุภัทร์ที่ถูกคุมขังในเรือนจำ ด้าน พ.ต.ต.วิศรุตภูมิ ชูประยูร พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เข้าไปยังห้องพิจารณาคดีที่ 706
ผู้ต้องหาบางรายต้องถอดรองเท้าแตะแล้วเดินเท้าเปล่าเข้าห้องพิจารณา เนื่องจากเจ้าหน้าที่ศาลระบุว่าการใส่รองเท้าแตะนั้น ผิดระเบียบเครื่องแต่งกายในพื้นที่ศาล แต่บในบางห้องผู้ต้องหาสามารถเข้าห้องได้เลย แม้จะใส่รองเท้าแตะ
ส่วนผู้ต้องหาอีกราย “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ที่ถูกคุมขังหลังไม่ได้รับสิทธิประกันตัวในคดี #ม็อบ30กรกฎา สาดสีรั้วหน้าพรรคภูมิใจไทย, คดีสาดสีป้าย สน.ทุ่งสองห้อง และคดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ศาลได้นัดไต่สวนคำร้องเพิกถอนประกันในวันนี้เช่นกัน โดยให้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์มาจากที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง
ด้านเสมียนทนาย ในช่วงแรกเจ้าหน้าที่บัลลังก์ให้นั่งด้านนอกห้อง โดยจะเปิดประตูหน้าห้องทิ้งไว้ หลังทนายชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ จึงได้รับอนุญาตให้เข้าห้องฟังการพิจารณาได้
ภายในห้องพิจารณา 707 และห้องอื่นๆ มีมาตราการให้นั่งเว้นระยะ และศาลย้ำตลอดก่อนเริ่มพิจารณาให้รักษามาตรการโควิดด้วย
แม้อากาศข้างนอกจะอึมครึมจากฝนที่ตกลงมาตลอดช่วงเช้า แต่ผู้ต้องหายังคงสดใสเหมือนครั้งก่อน ก่อนเริ่มไต่สวน ได้มีการถามสารทุกข์สุกดิบ จตุภัทร์ที่วิดีโอคอนเฟอเรนซ์มาจากเรือนจำระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างกักตัวที่เรือนจำหลังหายจากอาการป่วยโควิดแล้ว โดยบอกอีกว่าขณะรักษาตัว ได้ติดตามข่าวสารบ้านเมือง จึงทราบข่าวจากเผารูปหน้ามหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือการเรียกร้องของกลุ่มทะลุแก๊ซ ก่อนปิดท้ายว่ากับกลุ่มทะลุฟ้าว่า “ทะลุฟ้าเฉิดฉาย”
เวลา 10.50 น. ศาลออกนั่งพิจารณาคดี
ก่อนพิจารณาคดี ทนายความของจตุภัทร์ ขอถอนตัว เนื่องจากผู้ต้องหาประสงค์จะใช้ทนายท่านอื่น แต่จากสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้ไม่สามารถทำหนังสือแต่งตั้งทนายใหม่ไปให้จตุภัทร์ในเรือนจำได้ ศาลพิเคราะห์แล้วให้ยกคำร้อง เนื่องจากคดีล่าช้ามาจากการเลื่อนคดีแล้วหนึ่งครั้ง ระบุให้ใช้ทนายเดิมไปก่อน
พร้อมกันนี้ ทนายยังได้แถลงขอเลื่อนการไต่สวนอีกครั้ง เนื่องจากผู้ต้องหารายหนึ่งติดโควิดและอยู่ระหว่างรักษาตัว แต่ประสงค์จะเบิกความต่อศาล เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน
ศาลพิเคราะห์แล้ว ให้ยกคำร้อง เหตุเพราะเคยเลื่อนการไต่สวนไปครั้งหนึ่งแล้ว ยืนยันให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ในวันนี้จะขอไต่ผู้ร้องเพื่อฟังข้อเท็จจริงก่อน หลังจากนั้นค่อยปรึกษาว่าจะเลื่อนหรือไม่หลังการไต่สวน
ก่อนที่ทนายความจะแถลงในประเด็นความสะดวกในการซักถาม ขอย้ายห้องพิจารณาไปอยู่ห้องเดียวกันกับศาลและผู้ร้อง เพื่อความสะดวกในการยื่นหลักฐาน อีกทั้งทนายไม่ทราบว่าผู้ร้องมีพยานกี่ปาก และไม่ทราบว่าขณะไต่สวน พยานปากอื่นอยู่ในห้องเดียวกันหรือไม่
ศาลอนุญาต โดยให้ทนายทั้งหมดไป ส่วนผู้ต้องหา และเสมียนทนาย นั่งฟังอยู่ในห้องพิจารณา 707 เช่นเดิม
เวลา 11.05 น. ทนายย้ายห้องพิจารณาไปยังห้อง 706 ศาลย้ำให้ทั้งหมดนั่งเว้นระยะห่าง
จตุภัทรแถลงเพิ่มเติมว่า นโยบายโควิดของศาล ยึดเพียงกฎหมาย แต่ไม่ยึดสถานการณ์ การฝากขัง และการไต่สวนของนักโทษทางการเมือง ทำให้ปัญหาโควิดแย่ลง อยากให้ศาลเรียนต่อศาลสูงสุดเพื่อประโยชน์แห่งการป้องกันโรคระบาด
ศาลรับฟัง ก่อนเริ่มการไต่สวน พ.ต.ต.วิศรุตภูมิ ชูประยูร ผู้ยื่นคำร้องขอเพิกถอนประกัน
พยานเบิกความว่า หลังศาลให้ประกันผู้ต้องหาทั้ง 29 คน เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 64 ในคดีเรียกร้องให้ปล่อยตัวคนขับรถปราศรัยในคาร์ม็อบของกลุ่ม “ราษฎร” จากการฝากขังผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 (บก.ตชด. ภาค 1) หลังจากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด มาปล่อยตัวที่ สน.ทุ่งสองห้อง ซึ่งผู้ต้องหาบางรายได้เข้าไปดำเนินเปรียบเทียบปรับ และขอรับรถของกลางที่ตำรวจยึดไว้คืน
ขณะที่พยานทราบว่าจะพาผู้ต้องหากลับไปที่สน. จึงได้ประสานเตรียมตำรวจควบคุมฝูงชน และกั้นแผงเหล็กไว้ เพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมอื่นๆ มาสมทบ หลังปล่อยตัวผู้ต้องหากลุ่มนี้
ก่อนที่ทนายความจะแถลงว่า เนื่องจากพยานอ่านเอกสารแล้วเบิกความ อาจทำให้ผู้ต้องหาเสียความเป็นธรรมได้ ศาลจึงแจ้งให้พยานเบิกความเท่าที่จำได้ หากจำไม่ได้ให้ขออนุญาตศาลดูเอกสาร ศาลจะได้พิจารณาว่าพยานอ่านตามเอกสารจริง หรือเบิกความตามความจำ
พ.ต.ต.วิศรุตภูมิ เบิกความถึงสถานการณ์ต่อว่า จุดประสงค์ของการปล่อยตัวที่สน.นั้น เพื่อดำเนินงานตามระเบียบ และเพื่อให้ผู้ต้องหามารับรถที่ถูกยึดคืนโดยการเปรียบเทียบปรับ
เมื่อผู้ต้องหาทั้งหมดมาถึง ผู้ที่เกี่ยวข้องกับรถได้เข้าไปสน. เพื่อดำเนินตามกระบวนการขอรับรถ ส่วนผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องรออยู่ด้านหน้า โดยมีการปราศรัย แขวนป้าย โบกธงและสาดสี ขณะรอ หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมดังกล่าว ผู้ต้องหาได้แยกย้ายกันกลับ ส่วนรายละเอียดการกระทำความผิดได้แนบไว้ตามคำร้องที่ยื่นต่อศาลแล้ว
ก่อนที่จตุภัทร์จะแถลงต่อศาล ขอให้ศาลมีความเป็นกลาง เนื่องจากศาลช่วยขยายความพยานที่พูดติดขัดอยู่บ่อยครั้ง เหมือนศาลตั้งธงในการตัดสินไว้แล้ว
ศาลชี้แจงกลับว่า ศาลมีระบบไต่สวน หากมีข้อสงสัย ศาลต้องถาม เพื่อให้ได้ความชัดเจน และยืนยันว่าไม่มีการตั้งธงในการตัดสินใดๆ
ก่อนทนายความเสนอ หากมีประเด็นไม่เป็นธรรม ทนายจะถามค้านพยานให้ เพื่อที่กระบวนการจะได้ดำเนินการต่อไป
.
ทนายถามค้าน 4 ประเด็นหลัก ก่อนตร.รับว่าไม่ได้เป็นไปตามที่กล่าวหา
ต่อมา ทนายความผู้ต้องหาได้ถามค้านใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่
- ขณะควบคุมผู้ต้องหาไม่มีเครื่องมือสื่อสารที่ติดต่อกับคนภายนอก ไม่สามารถวางแผนทำกิจกรรมใดๆ ได้
- เหตุที่รีบพาพยานกลับมาที่สน. ทั้งที่คำสั่งศาลยังอ่านไม่ครบ เนื่องจากเห็นอิสภาพของผู้ต้องหาเป็นสำคัญใช่หรือไม่
- การปราศรัยที่ถูกกล่าวหานั้นเป็นเพียงการจับกลุ่มพูดคุย โดยผู้ต้องหามีการรักษามาตราการโควิดด้วยใช่หรือไม่
- การใช้ธงเป็นอาวุธทำลายแผงเหล็ก และใช้สีสาดหน้าสน. ตามที่กล่าวหา ไม่ได้ทำให้ทรัพย์สินราชการอื่นใดให้เสียหาย อีกทั้งในเงื่อนไขของศาลไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา “ทำให้เสียทรัพย์” ด้วย รวมไปถึงการทำกิจกรรมต่างๆ ที่กล่าวมานั้นอยู่บนพื้นฐานของรัฐธรรมนูญ
พ.ต.ต.วิศรุตภูมิ เบิกความยอมรับว่า ขณะผู้ต้องหาถูกคุมตัวมาที่สน. ไม่มีโทรศัพท์อยู่กับตัว เนื่องจากระเบียบทางการที่ต้องเก็บโทรศัพท์ไว้ ทำให้ไม่สามารถติดต่อวางแผนกับกลุ่มที่มาให้กำลังใจด้านนอกได้ พร้อมระบุเหตุผลที่รีบร้อนพามาที่ สน. เนื่องจากเห็นแก่อิสรภาพของผู้ต้องหาเป็นหลัก หลังจากนั้นได้แจ้งกับผู้ต้องหาถึงคำสั่งศาลตามระเบียบแล้ว
ส่วนการกระทำของผู้ต้องหา ทั้งการแขวนป้าย ปราศรัย และสาดสี ยอมรับว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยระบุว่าอุปกรณ์ต่างๆ ที่นำมาใช้ ทั้งเครื่องขยายเสียง ป้ายผ้าที่ใช้แขวน ธงทะลุฟ้า และสีไม่ใช่ของกลุ่มผู้ต้องหา แต่เป็นของกลุ่มคนที่มาให้กำลังใจ
รวมไปถึง ยอมรับว่า ถ้อยคำปราศรัยและข้อความบนภาพไม่มีคำหยาบคาย ที่ทำให้ผู้ใดเสียหาย และการสาดสีแดงที่แทนความหมายของประชาชนที่ล้มตายจากการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดนี้ สามารถล้างทำความสะอาดได้ ซึ่งปัจจุบันได้ล้างแล้ว และไม่ได้มีสิ่งใดเสียหาย พร้อมทั้งธงที่ใช้โบกนั้น ผู้ต้องหาไม่ได้นำมาขู่เจ้าหน้าที่หรือทำท่าทีประทุษร้ายแต่อย่างใด
พร้อมทั้งในวันนั้นนอกจากกิจกรรมดังกล่าว ไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงใดๆ และหลังกิจกรรมเสร็จผู้ต้องหาได้แยกย้ายกลับ และหลังจากวันนั้นผู้ต้องหาทั้งหมดไม่มีใครกลับไปที่สน. อีกเลย
ก่อนที่จตุภัทรจะฝากทนายถามใน 2 ประเด็น ได้แก่ การยื่นถอนประกันตัวครั้งนี้ทำตามดุลยพินิจของพนักงานสอบสวนเอง หรือผู้บังคับบัญชา และขณะยื่นคำร้องนี้ ได้คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของผู้ต้องหาแล้วหรือไม่
พ.ต.ต.วิศรุตภูมิ เบิกความว่า กรณีเพิกถอนชั่วคราวมีการปรึกษากับผู้กำกับ เห็นว่าการกระทำดังกล่าวของผู้ต้องหานั้น ฝ่าฝืนข้อกำหนดศาล จึงดำเนินการยื่นคำร้องขอเพิกถอนประกัน โดยก่อนยื่นคำร้องนั้น พนักงานสอบสวนคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแล้ว การยื่นครั้งนี้จะไม่ไปจำกัดสิทธิเสรีภาพของผู้ต้องหาแน่นอน เนื่องจากต้องผ่านกระบวนการไต่สวนจากศาลก่อน
ศาลถามถึงคดีความมูลเหตุจากวันที่ 3 ส.ค. 64 ดำเนินการไปถึงขั้นใด พยานตอบว่า ขณะนี้ได้ยื่นสำนวนไปที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เนื่องจากมีข้อหา ข่มขืนใจเจ้าพนักงานด้วย ด้าน ป.ป.ส. ยังไม่ได้แจ้งกลับมาว่าดำเนินการไปถึงขั้นใด อีกทั้งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างฝากขัง ซึ่งจะครบฝากขังในวันที่ 21 ก.ย. ที่จะถึงนี้
ก่อนศาลถามทนายความ ว่ามีทนายท่านใดติดใจไต่สวนต่อหรือไม่ ด้านทนายระบุว่า ตามที่แจ้งเมื่อต้นการพิจารณาว่า หนึ่งในผู้ต้องหาติดโควิด และประสงค์จะเบิกความในชั้นศาลอยู่ จึงขอรักษาสิทธิของลูกความ
เวลา 13.08 น. ศาลได้มีคำสั่งพักพิจารณาชั่วคราว
.
ศาลยกคำร้อง ระบุ ผู้ต้องหาไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำที่ถูกกล่าวหา
ต่อมาเวลา 15.55 น. ศาลได้มีคำสั่ง “ยกคำร้อง” ของพนักงานสอบสวน ศาลระบุ ข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวน พ.ต.ต.วิศรุตภูมิ ชูประยูร ได้ความเพียงว่า หลังจากศาลมีคําสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา 29 คน ในคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตํารวจได้นําตัวผู้ต้องหาทั้งหมดจากสถานที่ควบคุมตัวมาที่ สน.ทุ่งสองห้อง ที่เกิดเหตุ เพื่อดําเนินการตามขั้นตอนการปล่อยตัว และเสียค่าปรับเพื่อให้คืนรถที่ถูกยึดไว้
จากนั้นมีกลุ่มคนจํานวนมากมาให้กําลังใจ มีรถติดตั้งเครื่องขยายเสียงมาด้วย แต่ไม่ปรากฏว่าผู้ต้องหาทั้ง 17 คน มีส่วนร่วมในการนําป้ายผ้าที่มีคําว่า “ประยุทธ์ออกไป” มาติดไว้ที่ สน.ทุ่งสองห้อง สาดสีที่ป้าย สน. และนําแผงกั้นเหล็กไปทําเป็นประติมากรรม
เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงจากการไต่สวนว่าผู้ต้องหาทั้ง 17 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทําดังกล่าวจึงยังรับฟังไม่ได้ตามคําร้อง แต่สําหรับผู้ต้องหาที่ 27 ขณะนี้ถูกควบคุมตัวที่ทัณฑสถานบําบัดกลาง จึงให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาที่ 27 ออกหมายขัง ผู้ต้องหาที่ 27 ในคดีนี้ สําหรับผู้ต้องหาอื่นให้ยกคำร้อง
ก่อนจบการพิจารณา ศาลได้กล่าวขอโทษทุกฝ่าย เนื่องจากไม่เคยพิจารณาคดีที่มีจำเลยหลายคน อาจเกิดความสับสนบ้าง และยืนยันว่าขณะพิจารณาไม่ได้มีเจตนาขัดขาบุคคลใด
ด้าน จตุภัทร ฝากความคิดถึงไปถึงครอบครัว พร้อมระบุว่าหายจากอาการโควิดแล้ว ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างกักตัว
เวลา 16.00 น. การพิจารณาสิ้นสุด
.
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
.