15 ก.ย. 64 เวลาประมาณ 13.00 น. ที่ สน.นางเลิ้ง ระหว่างที่นักกิจกรรมกลุ่มทะลุฟ้าเดินทางเข้ารับทราบข้อหาตามหมายเรียกในคดีรวมตัวให้กำลังใจ #Saveมิลลิ ดนุภา คณาธีรกุล ศิลปินแร็ปเปอร์ ที่เข้ารับทราบข้อกล่าวหาดูหมิ่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 64 ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ อ้างตนว่าเป็นสายสืบจาก สน.พญาไท แต่ไม่แสดงบัตรประจำตัว เข้าแสดงหมายจับต่อ นายทวี เที่ยงวิเศษ หรือ “อาทิตย์ ทะลุฟ้า” อายุ 35 ปี หนึ่งในสมาชิกกลุ่มทะลุฟ้า
ต่อมาพบว่าเป็นหมายจับที่ออกโดยศาลอาญา เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 64 โดยมี พ.ต.อ.บวรภพ สุนทรเรขา พนักงานสอบสวน สน.พญาไท เป็นผู้ร้องขอออกหมาย ระบุข้อกล่าวหา 5 ข้อหา ได้แก่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138 ประกอบมาตรา 140 ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน โดยร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป, มาตรา 391 ทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ, มาตรา 190 หลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของเจ้าพนักงานฯ, ฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ
ในหมายจับยังระบุเหตุที่ศาลใช้ออกหมายจับ ว่าทวีได้หรือน่าจะกระทำความผิดอาญาซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี รวมถึงได้ หรือน่าจะได้ กระทำความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนี โดยที่ทวีเองก็ไม่เคยได้รับหมายเรียกจาก สน.พญาไท มาก่อน ทั้งมาแสดงตัวต่อตำรวจในคดีต่างๆ ตามปกติ โดยไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี
หลังการแสดงหมายจับ ทวีได้ถูกควบคุมตัวไปยัง สน.พญาไท โดยมีทนายความ และสมาชิกกลุ่มทะลุฟ้าเดินทางติดตามไป
.
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดทำบันทึกจับกุม โดยระบุว่าการจับกุมเกิดขึ้นภายใต้การอำนวยการของกองกำลังการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 สั่งการให้ชุดจับกุมเป็นตำรวจ 7 นาย นำโดย พ.ต.ท.พร้อมพงษ์ เทพทัพทิม เข้าจับกุม
จากนั้น ร.ต.ท.นนท์กฤช สุขมณี รองสารวัตรสอบสวน สน.พญาไท ได้แจ้งข้อหาต่อทวี ใน 5 ข้อกล่าวหา ตามหมายจับดังกล่าว และระบุพฤติการณ์โดยสรุปว่า เหตุในคดีเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 64 ซึ่งมีการจัดการชุมนุม #ม็อบ3กันยา #ราษฎรไม่ไว้วางใจมึง ที่แยกราชประสงค์ และ พ.ต.ต.ไพบูลย์ สอโส ผู้กล่าวหาในคดีนี้ ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ติดตามจับกุมผู้ขับขี่รถเครื่องขยายเสียง และอุปกรณ์ที่ใช้ในการชุมนุมเพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยได้ติดตามรถยนต์กระบะที่ติดตั้งเครื่องเสียงคันหนึ่งไปภายหลังการชุมนุม ไปจนถึงหน้าโรงพยาบาลพญาไท 2 ตำรวจจึงได้เข้าแสดงตัว เพื่อขอทำการตรวจสอบ พร้อมทำการจับกุมชาย 4 คนในรถ เพื่อนำตัวไปยังกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.)
เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้กล่าวหาอ้างว่าระหว่างกำลังเข้าควบคุมตัว นายทวี เที่ยงวิเศษ พร้อมผู้ถูกจับกุมอีก 1 ราย ได้มีกลุ่มมวลชนหลายคนเข้ามายื้อแย่งตัว และขัดขวางการจับกุมของตำรวจ จนเกิดการชุลมุนขึ้น หลังจากนั้นนายทวีและชายไม่ทราบชื่อหลายคน ได้เข้ามารุมทำร้ายเจ้าหน้าที่ โดยชกต่อยที่ใบหน้า พ.ต.ต.ไพบูลย์ สอโส จนถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลวิภาวดี จากนั้นผู้ถูกจับกุมสองรายดังกล่าวจึงได้หลบหนีจากการควบคุมของเจ้าหน้าที่ไป ผู้กล่าวหาจึงได้มาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีที่ สน.พญาไท
ทั้งในชั้นจับกุมและสอบสวน ทวีได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
หลังการสอบสวน พนักงานสอบสวนได้เร่งยื่นขอฝากขังทวีต่อศาลอาญาทันที โดยใช้ระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จาก สน.พญาไท โดยอ้างในคำร้องต่อศาล ว่าการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานเพิ่มเติมอีก 7 ปาก และรอผลตรวจลายนิ้วมือ และประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา จึงมีความจำเป็นต้องขอฝากขังผู้ต้องหาเป็นระยะเวลา 12 วัน
ร.ต.ท.นนท์กฤช สุขมณี พนักงานสอบสวน ยังคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว โดยอ้างว่าคดีมีอัตราโทษสูง ประกอบกับพฤติการณ์ของผู้ต้องหาเป็นการกระทำโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง และมีการกระทำในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง อีกทั้งการร่วมกิจกรรมการชุมนุมโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยรวม อาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการระบาดของโรคติดต่อ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหาย รวมทั้งสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่มีที่พักอาศัยใกล้เคียง และประชาชนที่ใช้เส้นทางสัญจรไปมา นอกจากนี้การชุมนุมมั่วสุมดังกล่าว ยังมีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไป เกรงว่าจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 108/1 (3)
ต่อมา เวลา 16.40 น. ศาลอาญาได้มีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหา และไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่า “พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหา และพฤติการณ์แห่งคดี ประกอบคำคัดค้านของพนักงานสอบสวนแล้ว เห็นว่าศาลเคยมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาในคดีหมายเลขดำที่ ฝ.857/2564 โดยกำหนดเงื่อนไขมิให้ผู้ต้องหาไปกระทำการในลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหา หรือเข้าร่วมชุมนุมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง แต่ผู้ต้องหามิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขแต่ประการใด กรณีจึงมีเหตุอันควรเชื่อว่าหากอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ผู้ต้องหาจะหลบหนีและไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก จึงยกคำร้อง” คำสั่งลงนามโดย นายเทวัญ รอดเจริญ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา
สำหรับคดีที่ศาลระบุว่าทวีถูกตั้งเงื่อนไขการประกันตัวในลักษณะดังกล่าว คือ คดีที่กลุ่มทะลุฟ้าถูกกล่าวหาเรื่องการสาดสีหน้า สน.ทุ่งสองห้อง หลังได้รับการประกันตัว ในคดีชุมนุมหน้า บช.ปส. เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 64 ซึ่งทวีเดินทางเข้ามอบตัว ที่สน.ทุ่งสองห้อง หลังทราบว่ามีหมายจับ พร้อมกับ “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 64 โดยทวีได้รับการประกันตัวในคดีดังกล่าว แต่จตุภัทร์ไม่ได้รับการประกันตัวมาจนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ เหตุการณ์หลังการชุมนุม #ม็อบ3กันยา ที่ทวีถูกกล่าวหาดังกล่าว จากข้อมูลของ Mob Data Thailand ที่ติดตามสังเกตการณ์การชุมนุมทางการเมืองระบุว่า ช่วงเวลาประมาณ 20.24 น. บริเวณบีทีเอสสนามเป้า ชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบได้เข้าตรวจสอบรถของทีมทะลุฟ้า โดยมีการขับรถปาดหน้าเพื่อให้หยุดรถ ทั้งเข้าทุบรถ และล็อคคอผู้ที่อยู่ในรถให้ลงมาจากรถ ทำให้เกิดเหตุโต้เถียงกัน ก่อนมีขบวนรถตำรวจในเครื่องแบบเริ่มตามมาสมทบ พร้อมทำการจับกุมในลักษณะกระชากตัวผู้อยู่ในรถออกมา
.
ย้อนดูรายงานข่าวกรณี #ม็อบ3กันยา
.