บันทึกทนายความ เยี่ยม “อาทิตย์ ทะลุฟ้า” และ “ชิติพัทธ์” ผู้ฝากศรัทธาและความห่วงใยสู่ผู้คนนอกเรือนจำ

เมื่อวันที่ 20 กันยายน ที่ผ่านมา ทนายความเดินทางไปเยี่ยม “ทวี เที่ยงวิเศษ” สมาชิกกลุ่ม “ทะลุฟ้า” วัย 35 ปี และ ชิติพัทธ์ (สงวนนามสกุล) ประชาชนอายุ 21 ปี ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หลังพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขออำนาจศาลฝากขังทั้งสองคนในสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ทวี หรือที่รู้จักในนาม “อาทิตย์ ทะลุฟ้า” ถูกกล่าวหาว่าต่อสู้หรือขัดขวาง และทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ในขณะที่กำลังจับกุมรถเครื่องเสียงของกลุ่มทะลุฟ้า หลังการชุมนุม #ม็อบ3กันยา #ราษฎรไม่ไว้วางใจมึง สิ้นสุดลง 

เมื่อวันที่ 15 กันยายน ทวีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท แสดงหมายจับ แม้ว่าที่ผ่านมาเขาจะไม่เคยได้รับหมายเรียกของคดีนี้มาก่อน นอกจากนี้เขายังมาตามนัดหมายของตำรวจในคดีอื่น ๆ ไม่เคยแสดงพฤติการณ์หลบหนีมาก่อน อย่างไรก็ตาม ศาลมีคำสั่งขังทวีที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นับตั้งแต่วันนั้น แม้ว่าทนายจะยื่นประกันตัวเขาถึง 2 ครั้ง ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว 

สำหรับชิติพัทธ์ เขาคือผู้ถูกจับกุมจากเหตุชุมนุม #ม็อบ16กันยา ที่บริเวณถนนมิตรไมตรี ในวันที่ 17 กันยายน หลังศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขัง ทนายความได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว แต่ศาลไม่อนุญาตให้ประกัน

ศาลอาญาอ้างเหตุที่ไม่ให้ประกันทั้งสองคนเหมือนกันว่า ผู้ต้องหาเคยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในคดีอื่น ก่อนหน้านี้ แต่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในการปล่อยตัวชั่วคราว 

เมื่อทนายความไปถึงเรือนจำได้ยื่นหนังสือขออนุญาตเข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ปฏิเสธที่จะให้เข้าเยี่ยม โดยอ้างสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ  เจ้าหน้าที่กล่าวกับทนายความว่า ทั้งทวีและชิติพัทธ์กำลังอยู่ในระหว่างการกักตัว และยังไม่ครบ 14 วัน หากให้ออกมาจากห้องขัง เกรงว่าจะเพิ่มความเสี่ยงให้กับทางเรือนจำยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากเคยมีกรณีตรวจพบเชื้อในผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการกักตัว 

อย่างไรก็ตาม ทนายยืนยันที่จะเข้าพบทวีและชิติพัทธ์ เนื่องจากทั้งสองคนยังไม่ได้พบทนายนับตั้งแต่ถูกขังอยู่ในเรือนจำ เจ้าหน้าที่เรือนจำจึงเสนอให้ทนายความยื่นหนังสือขอเข้าพบผู้ต้องขังกับทางผู้อำนวยการเรือนจำ 

เมื่อเวลา 14.00 น. ทนายความและทวีจึงได้พบกันเป็นครั้งแรก แต่ภายใต้ภาวะโรคระบาด ทำให้ไม่อาจเจอหน้ากันได้ตรง ๆ ทนายความคุยกับทวีผ่านโทรศัพท์ที่ติดตั้งอยู่ในห้องทนายความ ส่วนตัวทวียังคงอยู่ในแดนขัง 

ห้องทนายความมีขนาด 2 x 5 เมตร และมีกระจกกั้นระหว่างผู้เยี่ยมและผู้ต้องขัง โดยปรกติแล้ว ทนายความและลูกความจะนั่งอยู่คนละฝั่งและยกหูโทรศัพท์คุยกัน แต่ ณ ปัจจุบัน ทางเรือนจำได้ติดตั้งโทรทัศน์เพื่อถ่ายทอดภาพของผู้ต้องขังจากด้านในแทน เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่และรับเชื้อไวรัสโควิด-19 ทนายความจะได้รับอนุญาตให้อยู่ในห้องได้ทีละคนเท่านั้น ทำให้การพูดคุยกับผู้ต้องขังต้องดำเนินอย่างเร่งรัด เพราะทนายความคนอื่น ๆ กำลังรอใช้ห้องทนายความเช่นกัน

และเนื่องจากระบบการถ่ายทอดภาพในเรือนจำไม่เสถียร ทำให้เจ้าหน้าที่เรือนจำต้องต่อสัญญาณอยู่หลายครั้ง ทนายความจึงไม่สามารถเห็นภาพของผู้ต้องขังได้ชัดเจน แต่ก็เห็นได้ว่าทวีอยู่ในชุด PPE

ทวีเล่าว่าปัจจุบันตนกักตัวอยู่ในห้องหมายเลข 3 แดน 2 โดยมีเพื่อนร่วมห้องอีก 8 คน เมื่อทนายความถามถึงเหตุการณ์การจับกุมเมื่อวันที่ 3 กันยายน ซึ่งเขาถูกกล่าวหาว่าทำร้ายเจ้าหน้าที่ ทวีอธิบายว่าวันนั้นตนไม่ได้ทำอะไรที่รุนแรงกับเจ้าหน้าที่เลย เขาไม่สามารถเข้าถึงตัวตำรวจได้ด้วยซ้ำ เนื่องจากมีมวลชนจำนวนหนึ่งกันตำรวจชุดจับกุมออกไปจากเขา และในคืนนั้นก็ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนแสดงหมายจับหรือแจ้งข้อหากับเขา ที่ผ่านมาเขาไม่เคยแสดงท่าทีว่าจะหลบหนีเลย เพราะเขาไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกครั้งที่มีหมายเรียกมา 

ทวีเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงที่ไม่บ่งบอกถึงความวิตกกังวลใดใด เขายืนยันว่าตนยังกำลังใจดีอยู่ แม้จะต้องอยู่ในเรือนจำ เมื่อทนายความกล่าวกับทวีว่ามิตรสหายกลุ่มทะลุฟ้าได้ฝากความห่วงใย เขาตอบกลับว่า “ขอให้ทุกคนสู้ต่อไป [เขา] อยู่ตรงนี้ จะรอวันที่จะออกไปสู้ด้วยกัน ฝากกำลังใจให้น้อง ๆ สู้ ๆ”

ทนายความได้พูดคุยกับทวีราว 20 นาที ชิติพัทธ์ก็ถูกเบิกตัวมา เขาสวมใส่ชุด PPE และพูดคุยผ่านระบบถ่ายทอดภาพทางไกลเช่นกัน

ชิติพัทธ์เล่าว่าหลังศาลมีคำสั่งให้ขังเขาไว้ในเรือนจำ โดยไม่ให้ประกันตัว เขาประสบกับความยากลำบากในการดูแลสุขภาวะทางใจ ก่อนหน้าที่เขาจะกลายเป็นผู้ต้องขังคดีการเมือง ชิติพัทธ์กำลังเข้ารับการรักษาภาวะป่วยทางจิตใจหลังจากประสบสถานการณ์รุนแรง (Post-Traumatic Stress Disorder หรือ เรียกสั้น ๆ ว่า “PTSD”) เขาเริ่มมีอาการดังกล่าวหลังจบการศึกษาจากวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งหนึ่ง และยังไม่สามารถหางานได้นับตั้งแต่ตอนนั้น ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจของยุคปัจจุบันคือแรงผลักดันให้เขาลงสู่ถนน เพื่อเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงให้กับสังคม 

ชิติพัทธ์ถูกจองจำอยู่ที่เรือนจำตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน โดยที่เขาไม่สามารถเข้าถึงยาและการรักษาที่เหมาะสมได้ สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ไม่มีนักจิตแพทย์และบุคลากรทางจิตเวชอื่น ๆ ทำหน้าที่ประจำอยู่ในเรือนจำ ทนายความเผยว่าในระหว่างที่สนทนากัน สามารถได้ยินความโศกเศร้าเจืออยู่ในน้ำเสียงของชิติพัทธ์ 

ชิติพัทธ์เล่าอีกว่า ณ ปัจจุบัน เขากักตัวพร้อมกับผู้ต้องขังคนอื่น ๆ อีก 9 คน โดยหนึ่งในนั้นเป็นคนจีน เขาจึงใช้ทักษะภาษาจีนและภาษาอังกฤษที่ติดตัวผูกมิตรกับชายคนดังกล่าว 

ทนายความสอบถามถึงเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อวันที่ 16 กันยายน ​​ชิติพัทธ์เล่าว่าตนถูกผู้อยู่อาศัยในเคหะดินแดงต่อว่าว่าใช้ความรุนแรง และถูกเข้าใจผิดว่าพกพาระเบิด เนื่องจากมีคนพบผงกำมะถันในกระเป๋าของเขา  ​​ชิติพัทธ์อธิบายว่าเขากำลังหาลู่ทางเป็นเกษตรกร เนื่องจากตนยังไม่สามารถหางานได้หลังจากเรียนจบเลย เขาจึงซื้อกำมะถันมาทดลองทำปุ๋ย ความขัดแย้งในคืนนั้นได้สร้างความไม่สบายใจให้กับชิติพัทธ์อย่างยิ่ง เพราะเขารู้สึกราวกับตนได้ถูกรุมประชาทัณฑ์ไปแล้ว 

ชิติพัทธ์คิดไปไกลถึงชีวิตหลังเรือนจำ เขากังวลเกี่ยวกับการดูแลครอบครัวในอนาคต เพราะเขาไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าชีวิตเขาจะถูกนำพาไปสู่จุดไหน ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เมื่อได้ออกไปเขาอาจจะไปอยู่กับผู้ต้องขังคนจีน ซึ่งเคยอาศัยอยู่ที่ภาคเหนือ เพื่อที่ตนจะได้ไม่ต้องเป็นภาระให้กับมารดา

การดูแลผู้อื่นคือสิ่งที่ชิติพัทธ์ย้ำตลอดบทสนทนากับทนายความ เขาเล่าว่าตนเคยเป็นพุทธศาสนิกชน แต่เมื่อย่างเข้าสู่วัย 17 ปี เขาตัดสินใจเข้าหาพระเจ้าและคริสต์ศาสนา เพราะเขารู้สึกว่าหลักคำสอนของพุทธศาสนาไม่อาจช่วยปลดเปลื้องความทุกข์จากจิตใจของเขาได้ หลักคำสอนของคริสต์ศาสนาว่าด้วยการเผื่อแผ่ความรักและเมตตาธรรมให้ผู้อื่นคือสิ่งที่ชิติพัทธ์ยึดมั่น เขากล่าวว่าตนพยายามปฏิบัติตามหลักคำสอนนี้อย่างแข็งขัน ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงออกไปร่วมชุมนุมกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์คนอื่น ๆ ที่สามเหลี่ยมดินแดง เพราะเขาปรารถนาจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ชิติพัทธ์ยืนยันว่าตนเข้าไปในที่พื้นที่สลายการชุมนุม เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับเยาวชนที่ร่วมชุมนุมเท่านั้น

ชิติพัทธ์ระบุว่าตนต้องการปากกาและสมุดเพื่อจดบันทึกความเป็นไปของชีวิตในเรือนจำ นอกจากนั้น เขายังขอให้ทนายความแจ้งกับมารดาว่า ช่วยมาซื้ออาหารให้เขา และหากเป็นไปได้ ให้ซื้อเผื่อคนอื่น ๆ ที่ถูกกักตัวกับเขาด้วย

ก่อนจบการสนทนา ชิติพัทธ์ทิ้งท้ายกับทนายความไว้ว่า นับตั้งแต่เขาโดนจับกุมในคืนวันที่ 16 กันยายน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดรถจักรยานยนต์ของเขาไว้เป็นของกลาง เขาจึงขอให้ทนายความช่วยดูแลทรัพย์สินของเขาด้วย

หลังเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังแล้ว ทนายความได้หารือกับเจ้าหน้าที่เรือนจำเรื่องสภาพจิตใจของชิติพัทธ์ และได้รับแจ้งว่า ทางโรงพยาบาลราชทัณฑ์สามารถจัดยาให้กับเขาได้ หากญาติหรือบุคคลอื่น ๆ นำใบสั่งยาหรือประวัติการรักษาของชิติพัทธ์มาแสดงต่อทางเรือนจำ

.

อ่านรายงานข่าวกรณีทวี >> ‘อาทิตย์ ทะลุฟ้า’ ถูกตร.แสดงหมายจับคดี #ม็อบ3กันยา ทั้งที่ไม่เคยได้หมายเรียก ก่อนรีบขอฝากขัง ศาลอาญาไม่ให้ประกัน

อ่านรายงานข่าวกรณีชิติพัทธ์ >> #ม็อบ16กันยา จับตามหมายจับ 3 ราย จับหลังชุมนุมดินแดง 2 ราย ถูก คฝ. ฟาดด้วยปืน-รุมกระทืบ ก่อนศาลไม่ให้ประกัน 1 ราย

.

X