แจ้ง 112 “ไมค์” คดีที่ 9 หลังปราศรัยหน้า สภ.ภูเขียว วิจารณ์การสอนเรื่องกษัตริย์ในโรงเรียน

6 ก.ค. 2564 เวลาประมาณ 10.30 น. “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก พร้อมแม่ เดินทางจาก อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ตามที่ได้รับแจ้งจาก รอง ผกก.สอบสวน สภ.ภูเขียว ผ่านทนายความว่า เป็นผู้ถูกกล่าวหาและถูกออกหมายเรียกในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากการเข้าร่วมชุมนุมหน้า สภ.ภูเขียว ซึ่งจัดโดยกลุ่ม “ราษฎร” เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 เช่นเดียวกับ “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และ “ครูใหญ่” อรรถพล บัวพัฒน์ ซึ่งเข้ารับทราบข้อกล่าวหาไปแล้วเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2564 

     >> ไผ่-ครูใหญ่ โดน ‘112’ หลังปราศรัยหวังให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ในการชุมนุม #ราษฎรออนทัวร์ หน้า สภ.ภูเขียว

ก่อนที่ พ.ต.ท.พัชรพล สอนเวียง รอง ผกก.สอบสวน สภ.ภูเขียว จะเริ่มแจ้งพฤติการณ์ในคดี ภาณุพงศ์ได้สอบถามว่า ได้ออกหมายเรียกตนหรือไม่ เนื่องจากไม่เคยมีหมายเรียกในคดีนี้ไปส่งที่บ้านใน จ.ระยอง พ.ต.ท.พัชรพล ตอบว่า ออกหมายเรียกไป 3 ครั้ง ภาณุพงศ์จึงขอดูสำเนาหมายเรียกดังกล่าวก่อน พักใหญ่พนักงานสอบสวนจึงนำสำเนาหมายเรียกภาณุพงศ์ ออกเมื่อวันที่ 6, 14 และ 26 มิ.ย. 2564 มาให้ดู แต่ไม่มีหลักฐานจาก สภ.บ้านฉาง ซึ่งเป็นสถานีตำรวจในพื้นที่ ส่งคืนกลับมาว่า ได้ส่งหมายเรียกดังกล่าวไปที่บ้านของภาณุพงศ์แล้วหรือไม่

จากนั้น พนักงานสอบสวนได้แจ้งพฤติการณ์ในคดีให้ภาณุพงศ์ทราบ มีเนื้อหาเช่นเดียวกับที่ได้แจ้งจตุภัทร์และอรรถพล สรุปได้ว่า เมื่อวันที่ 1 ก.พ.  2564 ภาณุพงศ์ ได้ร่วมกับจตุภัทร์, อรรถพล  และกลุ่มคณะราษฎร ประมาณ 20-30 คน ชุมนุมที่บริเวณข้างรั้วโรงเรียนภูเขียว และหน้า สภ.ภูเขียว โดยไม่ได้มีมาตรการป้องกันโรค และไม่ได้แจ้งการจัดกิจกรรมที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด มีการนําป้ายผ้าที่มีข้อความว่า “ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์” และข้อความว่า “SAVE เมียนมาร์” มาติดที่บริเวณป้ายหน้า สภ.ภูเขียว 

จากนั้นมีการผลัดเปลี่ยนกันปราศรัย โดยภาณุพงศ์ได้ขึ้นปราศรัยในเวลาประมาณ 17.40 น. มีเนื้อหาตอนหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์และการศึกษาไทยว่า การสอนให้เด็กนักเรียนเทิดทูนกษัตริย์ที่… (คำวิจารณ์) ถือเป็นการหลอกลวง พนักงานสอบสวนระบุว่า คําพูดดังกล่าวเมื่อผู้คนทั่วไปและประชาชนได้ฟังแล้วเกิดความเคลือบแคลงสงสัยในสถาบันกษัตริย์ และรู้สึกไม่เทิดทูน อีกทั้งเป็นการดูหมิ่นที่ระบุชัดเจนกับการเรียกชื่อ “วชิราลงกรณ์” ซึ่งคนไทยทุกคนทราบว่าหมายถึงผู้ใด

โดยในการจัดกิจกรรมและการปราศรัยได้ทำการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กในเพจกลุ่มของผู้ต้องหาตลอดการชุมนุม ซึ่งบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้

พนักงานสอบสวนกล่าวว่า การกระทำของภาณุพงศ์และพวกดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิด ดังนี้

  1. ร่วมกันหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
  2. ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใด เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบ หรือล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116(2)(3)
  3. ร่วมกันชุมนุมในสถานที่แออัดในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ภายในเขตพื้นที่ควบคุมฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
  4. ติดตั้ง ตาก วาง หรือแขวนสิ่งใดๆ ที่อาคาร ตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ มาตรา 40 
  5. ร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ 

ภาณุพงศ์ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยไม่ให้การในรายละเอียด แต่จะยื่นคำให้การเป็นเอกสารภายใน 30 วัน รอง ผกก. (สอบสวน) นัดส่งตัวให้อัยการในวันที่ 9 ส.ค. 2564 พร้อมจตุภัทร์และอรรถพล 

พ.ต.ท.พัชรพล กล่าวกับไมค์ในระหว่างสอบปากคำว่า ไม่ใช่ตำรวจเห็นเองว่า คำปราศรัยเข้าข่ายผิดมาตรา 112 แต่เป็นความเห็นของนักวิชาการที่พนักงานสอบสวนเชิญมาให้ความเห็น ทำให้ไมค์ตั้งคำถามว่า ทำไมตำรวจให้เขามาตัดสิน ถ้าเขาไม่ชอบหน้าผม เขาก็บอกว่าเข้าข่าย 112

ในการเข้ารับฟังการแจ้งข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามจำกัดให้เข้าเฉพาะไมค์ แม่ และทนายความ อ้างว่าจะติดโควิดและระบุว่า ตามกฎหมายให้เพียงทนายความและผู้ไว้วางใจ แต่ผู้สังเกตการณ์และนักศึกษาฝึกงานยืนยันขอเข้าร่วม สุดท้าย รอง ผกก.(สอบสวน) ให้เข้าร่วมฟังทั้งหมด เจ้าหน้าที่ตำรวจยังสำทับให้เก็บโทรศัพท์ รวมทั้งไม่ให้ถ่ายรูปและบันทึกเสียง แต่ในระหว่างการแจ้งข้อกล่าวหา ได้มีตำรวจ 2 นาย เดินมาพยายามถ่ายรูปไมค์ จน รอง ผกก.ต้องยกมือห้าม และในขณะที่ไมค์พิมพ์ลายนิ้วมือ ตำรวจก็เดินมาถ่ายรูปอีก ทำให้ไมค์ต่อว่าและให้ลบรูปทิ้งทันที    

หลังพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อนำไปตรวจสอบประวัติอาชญากรรม พนักงานสอบสวนไม่ได้ควบคุมตัวไมค์ไว้ เนื่องจากเป็นการมาพบพนักงานสอบสวนเอง ไม่ได้ถูกจับ ไมค์และแม่จึงเดินทางกลับในเวลาประมาณ 11.30 น. 

คดีนี้นับเป็นคดีที่ไมค์ถูกกล่าวหาตามมาตรา 112 คดีที่ 9 และเป็นการถูกดำเนินคดีที่จังหวัดในภาคอีสานคดีแรก 

การชุมนุมหน้า สภ.ภูเขียว เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 กลุ่ม “ราษฎร” จัดการชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้ตำรวจ สภ.ภูเขียว ขอโทษ กรณีไปคุกคามนักเรียนที่บ้าน จากการลงชื่อสมัครเข้าร่วมค่าย “ราษฎรออนทัวร์” ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2564  หลังการชุมนุม นอกจากผู้ชุมนุมจะไม่ได้รับการตอบสนองข้อเรียกร้องจากตำรวจ สภ.ภูเขียว แล้ว ยังถูกดำเนินคดีรวม 26 ราย โดยเป็นเยาวชนอายุ 15 ปี 1 ราย และ 18 ปี อีก 1 ราย ทั้งหมดถูกดำเนินคดีข้อหา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.ความสะอาดฯ โดยมีจตุภัทร์, อรรถพล และภาณุพงศ์ ถูกดำเนินคดีในข้อหาตามมาตรา 112, 116 และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาฯ ด้วย 

ในส่วนของนักกิจกรรมที่ถูกดำเนินคดี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 22 ราย รวมทั้งเยาวชนอีก 1 ราย ปัจจุบันพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนส่งอัยการโดยมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของอัยการ โดยอัยการนัดนักกิจกรรม 22 ราย ฟังคำสั่งว่าจะฟ้องหรือไม่ในวันที่ 30 ส.ค. 2564

     >> ตร.ชัยภูมิเห็นควรสั่งฟ้อง “แซน” นร.ภูเขียว ชุมนุมเรียกร้องตำรวจขอโทษ ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ขณะแซนยื่นหนังสืออัยการ ชี้การฟ้องคดีขัดอนุสัญญาสิทธิเด็ก-ICCPR

     >> “ราษฎร” ยื่นขอความเป็นธรรม คดี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ชุมนุม #ราษฎรออนทัวร์ ชี้หลังชุมนุมไม่มีผู้ติดโควิดในภูเขียว

ภาพปกจากเพจ UNME of Anarchy

X