ยื่นคัดค้านการออกหมายจับ 19 ผู้ต้องหา คดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร

28 ม.ค. 2564 เวลา 14.00 น. ทนายความได้เข้ายื่นหนังสือถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และผู้พิพากษาศาลอาญา คัดค้านการออกหมายจับผู้ต้องหาของพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ในคดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร 

หลังในช่วงเช้า ทนายความได้ยื่นหนังสือของนักกิจกรรม 19 ราย ผู้ต้องหาในคดีนี้ เพื่อแจ้งเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวนการสอบสวนให้อัยการซึ่งกำหนดให้มาพบในวันนี้ เวลา 10.00 น. เนื่องจากผู้ต้องหามีเหตุขัดข้อง ไม่สามารถมาพบพนักงานสอบสวนได้ในวันนี้ได้ แต่พนักงานสอบสวนกลับแจ้งว่า จะขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 19 คน

มีรายงานจากนักกิจกรรมบางราย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ด้วยว่า ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์หา รวมถึงไปที่บ้านเพื่อหว่านล้อมให้ไปพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 28 ม.ค. 2564 ให้ได้ โดยระบุว่า ถ้าไม่ไปตามนัดจะออกหมายจับ

นักกิจกรรม 19 ราย ผู้ต้องหาในคดีนี้ที่ส่งหนังสือเลื่อนพบพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ได้แก่ อานนท์ นำภา, “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก, “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, ชินวัตร จันทร์กระจ่าง, “จัสติน” ชูเกียรติ แสงวงศ์, ธนชัย เอื้อฤาชา, “ครูใหญ่” อรรถพล บัวพัฒน์, ณวรรษ เลี้ยงวัฒนา, สุวรรณา ตาลเหล็ก, ภัทรพงศ์ น้อยผาง, ณัทพัช อัคฮาด, ณัฐชนน ไพโรจน์, ธานี สะสม, อดิศักดิ์ สมบัติคำ, สิทธิทัศน์ จินดารัตน์, “ฟอร์ด” อนุรักษ์ เจนตวนิชย์, ธนพ อัมพวัติ และ “แอมมี่” ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธ์

หนังสือคัดค้านการออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ ขอให้ผู้พิพากษามีคำสั่งยกคำร้องขอออกหมายจับผู้ต้องหาของพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหาให้ได้รับสิทธิในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่และเป็นธรรม  โดยระบุเหตุขัดข้องที่ผู้ต้องหา 19 ราย ต้องเลื่อนนัดเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อส่งตัวให้อัยการในวันนี้ และเหตุผลในการคัดค้านการออกหมายจับดังนี้

1. เนื่องจากผู้ต้องหาจำนวนหลายคนมีภูมิลำเนาอยู่ที่ต่างจังหวัด ได้รับหมายเรียกในเวลาที่กระชั้นชิด ซึ่งติดภารกิจที่ได้นัดหมายไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว อีกทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบในวงกว้างมากขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาด ทำให้ผู้ต้องหาไม่สามารถเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามที่นัดได้

ส่วนนายอานนท์ นำภา มีนัดส่งตัวพร้อมสำนวนต่อพนักงานอัยการจังหวัดพะเยา, นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธ์ ติดภารกิจมีงานเร่งด่วน ต้องเดินทางไปต่างจังหวัดอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และนายอดิศักดิ์ สมบัติคำ บิดาเสียชีวิตอย่างกะทันหันในเมื่อคืนที่ผ่านมา

2. คดีนี้พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแก่ผู้ต้องหา 14 คน ว่าได้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และมาตรา 215 เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2564 โดยผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธ และขอให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือภายใน 30 วัน เพราะคดีนี้เกิดขึ้นเป็นเวลานานแล้ว มีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก

ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนก็ได้รับทราบแล้ว และจะครบกำหนดยื่นคำให้การเพิ่มเติมในวันที่ 13 ก.พ. 2564 ขณะนี้ผู้ต้องหายังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานสำหรับการจัดทำคำให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือเพื่อต่อสู้คดี แต่ยังไม่ทันครบกำหนดระยะเวลายื่นคำให้การเพิ่มเติม พนักงานสอบสวนก็ออกหมายเรียกส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวนคดีให้กับพนักงานอัยการแล้ว 

กระบวนการดังกล่าวอาจจะเป็นการสรุปสำนวนคดีและมีความเห็นทางคดีเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาก่อนที่ผู้ต้องหาจะได้ยื่นคำให้การพร้อมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อต่อสู้คดี ซึ่งย่อมกระทบต่อสิทธิของผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ควรจะได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และได้รับสิทธิในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่และเป็นธรรม อันเป็นสิทธิของผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 วรรคสาม, รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR)

อย่างไรก็ตาม เวลา 16.30 น. ยังไม่พบว่าพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม เข้ายื่นคำร้องต่อศาลอาญาขอออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 19 คน

ขณะที่เช้าวันเดียวกันนี้ สมยศ พฤกษาเกษมสุข และปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก พนักงานสอบสวนได้นำตัวส่งพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 อัยการนัดฟังคำสั่งในวันที่ 9 ก.พ. 64 ส่วน “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ พนักงานสอบสวนส่งตัวให้อัยการไปเมื่อวันที่ 26 ม.ค. ที่ผ่านมา และมีนัดฟังคำสั่งวันที่ 9 ก.พ. 64 เช่นกัน

ทั้งนี้ คดีจากการชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร เดิมพนักงานสอบสวนแยกเป็น 2 สำนวน คือ คดีที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี มีผู้ต้องหารวม 10 คน และคดีที่มีโทษจำคุกเกิน 3 ปี มีผู้ต้องหารวม 12 คน ในจำนวนนี้ 7 คน ถูกแจ้งข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ 116 โดยคดีแรกพนักงานสอบสวนได้ส่งตัวผู้ต้องหาให้อัยการศาลแขวงดุสิตแล้ว ส่วนคดีที่ 2 ต้องส่งให้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา พิจารณาสำนวนเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลอาญา 

ต่อมา พนักงานสอบสวนแจ้งว่า ผู้บังคับบัญชามีคำสั่งให้รวมคดีเป็นคดีเดียวกัน โดยเห็นว่าผู้ต้องหาทุกคนคือตัวการร่วม โดยให้ผู้ต้องหารวม 15 ราย เข้ารับทราบข้อกล่าวหามาตรา 116 เพิ่มเติม 

     >> แจ้งม.116 14 ประชาชนเพิ่ม หลังรับทราบข้อหาคดีชุมนุม “19 กันยา” ​ไปแล้วปีก่อน

อ่านภาพรวมการชุมนุม>> ประมวล #19กันยาทวงอํานาจคืนราษฎร การชุมนุมที่ปักหมุดใหม่ให้ประวัติศาสตร์

 

X