ใกล้ครบ 1 ปี: ศิลปะรักษาใจ ดูแลเพื่อนมิตร และชีวิตของ “มานี” ในเรือนจำ

วันที่ 23 และ 30 มิ.ย. 2568 ทนายความได้เข้าเยี่ยม “มานี” เงินตา คำแสน ผู้ต้องขังในคดีมาตรา 112 ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เธอคุมขังหลังศาลพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 3 ปี 6 เดือน โดยไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างการอุทธรณ์ และยังถูกศาลพิพากษาในคดีดูหมิ่นศาลอีกคดีหนึ่ง จำคุกอีก 6 เดือน ขณะนี้มานีวัย 45 ปี ถูกคุมขังรวมเป็นเวลา 350 วัน หรือ 11 เดือนเศษ กำลังจะครบ 1 ปีในวันที่ 18 ก.ค. นี้

การเจอทั้งสองครั้ง สะท้อนให้เห็นว่าแม้จะผ่านไปเกือบปีในระหว่างถูกคุมขัง มานียังคงต้องดิ้นรนกับอาการป่วยทางจิตใจที่มีขึ้นมีลง บางวันมีแรงใจจากการทำกิจกรรมศิลปะ บางวันกลับต้องเผชิญกับความเหงาและอาการแพนิคเมื่อต้องอยู่ในที่คนเยอะ แต่สิ่งที่โดดเด่นสำหรับเธอ คือการพยายามเป็นที่พึ่งให้เพื่อนผู้ต้องขังคนอื่น ๆ ที่เป็นผู้สูงอายุหรือเจ็บป่วยทางใจ พร้อมทั้งกล้าที่จะประท้วงเมื่อเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงในเรือนจำ

__________________________________________

วันที่ 23 มิ.ย. 2568

หลังจากไม่ได้เจอกันหลายสัปดาห์ มานีบอกเล่าว่า อาการเหน็บชาปลายเท้าที่ดีขึ้นแล้วหลังจากได้รับวิตามินบีรวมมาทาน แต่สิ่งที่น่าห่วงกว่านั้นคือเรื่องยาที่เคยมีปัญหา 

เธอเล่าให้ฟังด้วยความโล่งใจว่าได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่แล้ว แม้จะไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนว่าทำไมถึงมีการสลับยาของเธอออกไปจ่ายยาของทางเรือนจำให้แทน แต่ได้รับคำรับปากว่าจะไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก โดยตอนนี้กลับมากินยาของตัวเองตามปกติแล้ว อาการซึมเศร้าโดยรวมจึงดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้หายขาดตราบใดที่ยังคงพบเจอเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อสภาพอารมณ์

อาการแพนิคยังคงเป็นปัญหาที่ต้องเผชิญอยู่ เธอบอกว่ายังไม่ค่อยดีขึ้น แต่ยังพอทนไหว ได้แต่หาทางเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่อาจทำให้เกิดอาการ ช่วงนี้รู้สึกหดหู่เศร้าใจเป็นพิเศษเมื่อต้องเป็นคนรับฟังหรือช่วยเหลือเพื่อนผู้ต้องขังที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเหมือนกัน “จะไม่รับฟังก็ไม่ได้” เธอพูดด้วยความเข้าใจ โดยเข้าใจความรู้สึกคนที่ป่วยและต้องมาอยู่ในนี้ได้ดี ได้แต่หาวิธีระบาย จัดการตัวเอง 

ก่อนมานีจะพูดถึงสิ่งที่ช่วยลดอาการซึมเศร้าได้มากในช่วงนี้ นั่นคือการทำชุดประกวดจากขยะรีไซเคิล เธอเป็นคนออกแบบเอง ด้วยความคิดสร้างสรรค์ “ชุดที่ออกแบบทำจากกล่องนม เชือกฟาง และถุงพลาสติก เป็นชุดเดรสเกาะอก” เธอบรรยายด้วยความภาคภูมิใจ “ทำร่วมกับเพื่อนผู้ต้องขัง ใช้เวลาเกือบ 2 สัปดาห์กว่าจะเสร็จ”

ชุดนี้จะให้เพื่อนผู้ต้องขังในเรือนนอนเดียวกันเป็นคนใส่เพื่อประกวดในวันที่ 26 นี้ เธอเล่าไปพร้อมกับรอยยิ้มของความภาคภูมิใจในผลงาน  “ถ้าถ่ายรูปให้ดูได้ก็คงจะดี” เธอพูดด้วยความอยากให้คนอื่นได้เห็นผลงานส่วนตัว หลังจากนั้นได้พูดคุยอัปเดทสถานการณ์ทางการเมือง 

.

วันที่ 30 มิ.ย. 2568

สัปดาห์ต่อมา เมื่อไปเยี่ยมตามปกติ มานีดูไม่ค่อยสบาย สีหน้าเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด เหมือนคนที่แบกรับภาระหนักไว้ในใจ  “เหนื่อยเหมือนเดิมแหละ เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านฝนตกบ่อยด้วย ก็มีอาการซึม ๆ ร้องไห้ ยิ่งวันไหนที่ไม่มีใครมาเยี่ยม ยิ่งรู้สึกเหงาดิ่ง” 

การที่มีคนเข้ามาเยี่ยมเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเธอ ส่วนอาการแพนิคช่วงนี้ดีขึ้นบ้าง สามารถกลับมาเข้าแถวนับยอดได้แล้ว แต่ยังคงมีอาการเป็นครั้งคราวเมื่ออยู่ในที่คนเยอะมาก ๆ “แต่ก็ไม่รู้จะเลี่ยงอย่างไร เพราะในเรือนจำคนก็ทยอยเข้ามาทุกวัน” มานีกล่าว   

มานีเล่าถึงสิ่งที่ช่วยบำบัดจิตใจของเธอได้ คือกิจกรรมศิลปะและการสวดมนต์ “กิจวัตรประจำวันคือการสวดมนต์ช่วงเช้าและเข้าชมรมศิลปะ ช่วยออกแบบชุดรีไซเคิล” เธอเล่าถึงวิธีการดูแลจิตใจของตัวเอง ชุดที่เธอออกแบบและประดิษฐ์ขึ้นมานั้น เพื่อนผู้ต้องขังได้ใส่เดินประกวดไปแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้ประกาศรางวัลว่าได้อันดับที่เท่าไหร่  

“ไม่ได้คิดจะเอารางวัลอะไร แค่มีความสุขตอนที่ได้ทำชุดแค่นี้ก็พอแล้ว รางวัลที่อยากได้คืออยากออกไปจากที่นี่มากกว่า” คำพูดนี้สะท้อนถึงความปรารถนาที่ลึกที่สุดของเธอ การได้เสรีภาพกลับคืนมา 

เธอพูดต่อว่าอยู่ในนี้ไม่คิดอะไร คิดแค่วันต่อวันเท่านั้น “ถ้าคิดเผื่ออนาคตมาก ๆ มันจะพาลให้หดหู่ เพราะจะต้องอยู่ในนี้อีกนาน ไม่รู้จะคิดเผื่อไปทำไม”

นอกจากกิจกรรมศิลปะและการสวดมนต์แล้ว สิ่งที่เยียวยาจิตใจของเธออีกอย่างหนึ่งกลับเป็นการดูแลแม่ ๆ ผู้ต้องขังที่เป็นผู้สูงอายุ บางรายป่วยทางจิตเวช ซึ่งเธอให้ความช่วยเหลือพวกเขา “พยายามคิดมองในแง่ดีว่า ยังมีผู้ต้องขังหลายรายที่ลำบากกว่าอีกมาก เขายังสู้และยังอยู่ในนี้ได้เลย แล้วทำไมจะไม่สู้”  

เธอยังเล่าเรื่องเมื่อเสาร์ที่ผ่านมา เมื่อไปต่อแถวเพื่ออาบน้ำ ได้คิวที่ 1 รอบที่ 3 แต่เมื่อไปถึงกลับพบว่ามีน้ำแค่ก้นอ่างและไม่สามารถเอื้อมตักน้ำได้ถึง เนื่องจากอ่างน้ำค่อนข้างสูงประมาณเกือบถึงหน้าอก หากเอื้อมไม่ดีอาจพลัดตกลงอ่างได้ เมื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าน้ำไม่เพียงพอให้อาบ เจ้าหน้าที่ตอบมาว่าให้อาบน้ำแค่ 2 รอบเท่านั้น รอบ 3 เป็นรอบสำหรับไว้ใช้ซักผ้า  “เจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งมาก่อนว่าให้อาบน้ำเพียงแค่ 2 รอบเท่านั้น เราจึงนั่งประท้วงอยู่ตรงนั้น” มานีเล่า

ขณะที่เพื่อนผู้ต้องขังคนอื่น ๆ ก็สำทับว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งก่อน แบบนี้ก็ต่อแถวรออาบน้ำกันฟรี จนสุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็ยอมให้อาบ โดยให้ไปอาบที่รางบัว ในวันนั้นเพื่อนผู้ต้องขังต่างก็ขอบคุณเธอ

บทสนทนาช่วงท้าย ๆ ทนายนำรูปนิทรรศการรำลึกถึงบุ้งที่ปรินท์ใส่กระดาษให้มานีได้ดูผ่านกระจกห้องเยี่ยม  “งานดีมาก อยากไปงานด้วยตัวเอง” เธอตอบหลังจากดูรูปแล้ว พร้อมความปรารถนาที่จะได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมภายนอกยังคงติดอยู่ในใจ

.

📩 สามารถเขียนจดหมายถึงมานี “ฝากถึง เงินตา คำแสน เรือนนอนทับทิม ทัณฑสถานหญิงกลาง 33/3 ถนนงามวงค์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900”

📩 หรือเขียนจดหมายออนไลน์ผ่านโครงการ Free Ratsadon โดยแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่ลแนล

.

อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

“บุ้งไม่ได้จากเราไปอย่างสูญเปล่า”: “มานี” ยังคงสู้ในกรงขัง ผ่านความทรงจำต่อนักกิจกรรมผู้จากไป

X