รู้จัก ‘ขุนแผน แสนสะท้าน’: เมื่อผู้ต้องขัง ‘112’ ต้องรักษาวัณโรคในเรือนจำ  

วันที่ 1 ส.ค. 2567 ทนายความเข้าเยี่ยม เชน ชีวอบัญชา ประชาชนวัย 57 ปี ซึ่งทำสื่ออิสระชื่อเพจเฟซบุ๊ก ‘ขุนแผน แสนสะท้าน’ ผู้ต้องขังในคดีมาตรา 112 และดูหมิ่นศาล หลังจากเขาถูกศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุก 3 ปี 6 เดือน จากคดีร่วมกิจกรรมเรียกร้องสิทธิประกันตัวสองนักกิจกรรมทะลุวังที่หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยหลังศาลมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2567 ขุนแผนถูกควบคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว

โดยไม่สามารถเบิกตัวขุนแผนมาเยี่ยมที่ห้องเยี่ยมปกติได้ เพราะเพิ่งออกไปโรงพยาบาลมาจากการป่วยเป็นวัณโรค ต้องกักตัวจนถึงวันที่ 5 ส.ค. 2567 และต้องเยี่ยมผ่านการพูดคุยทางโทรศัพท์เท่านั้น ไม่ได้พบหน้ากัน

ในการพบกันครั้งแรกนี้ ขุนแผนได้บอกเล่าถึงชีวิตของตนเองว่า เขาเกิดและเติบโตที่จังหวัดนครปฐม โดยเรียนจบอนุปริญญาสาขาวิชาเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ก่อนออกมาทำงานบริษัทอยู่ราว 3 ปี กระทั่งช่วงอายุ 20 กลาง ๆ เกิดวิกฤตเศรฐกิจปี 2540 จึงตัดสินใจออกมาทำสวนทำไร่ที่บ้านนครปฐม 

จากการผจญชีวิตที่บ้านเกิด กระทั่งต้นปี 2561 ขุนแผนย้ายมาอยู่ที่ จ.นนทบุรี เพื่อรักษาโรคนิ่ว ซึ่งต้องผ่าตัด ระหว่างเวลาว่าง ก็เริ่มใช้โซเชียลมีเดีย จึงพบเห็นกิจกรรม We Walk เดินมิตรภาพ ของกลุ่ม People Go ที่เดินเท้าจากกรุงเทพฯ ไปขอนแก่น เพื่อเรียกร้องสิทธิพลเมืองในหลากประเด็น ซึ่งเป็นกิจกรรมในช่วงยุคที่ คสช. ยึดอำนาจ และปิดกั้นกิจกรรมสาธารณะต่าง ๆ 

หลังจากนั้นก็เกิดความสนใจ ติดตามข่าวสารกิจกรรมทางการเมืองมาตลอด จนกระทั่งเริ่มไปม็อบชาวบ้านและม็อบการเมือง ทั้งการชุมนุมของชาวบ้านจะนะ หรือม็อบคนอยากเลือกตั้ง ระหว่างทำกิจกรรมก็ทำให้รู้จักเพื่อนมากขึ้น 

จนถึงปี 2563 ซึ่งเกิดการชุมนุมใหญ่ของนักเรียน นักศึกษา ประชาชน เขาก็เข้าร่วมติดตาม และเวลามีใครถูกจับ ก็จะไปร่วมทำกิจกรรม #ปล่อยเพื่อนเรา เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยนักโทษการเมือง 

กับหน้าที่ในม็อบ ขุนแผนเล่าว่า เริ่มทำไลฟ์ลงเพจ ตั้งแต่ม็อบคนอยากเลือกตั้ง ใช้เพจชื่อว่า ‘ขุนแผน แสนสะท้าน’  

“จะเรียกว่านักข่าวอิสระก็ได้ ก็ทำข่าวไปด้วย ทำกิจกรรมไปด้วย การทำไลฟ์ก็มีเงินบริจาคเข้ามา”  เขาใช้เงินเล็กน้อยที่ได้จากการรับบริจาคทำกิจกรรมเป็นหลัก ทั้งยังซื้อข้าวมาแจกในที่ชุมนุม หรือซื้อของมาทำป้ายรณรงค์ 

เมื่อถามถึงครอบครัว ขุนแผนเล่าว่า พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตไปหมดแล้ว ตอนนี้สมาชิกครอบครัวมีลูกชายกับภรรยาเก่า อายุ 12 ปี และมีลูกสาวบุญธรรม อายุ 22 ปี “คนนี้ผมรับดูแลมาตั้งแต่เล็ก ก่อนผมจะมีลูกแท้ ๆ เขาเป็นคนแถวบ้านผมที่นครปฐม พ่อแม่เขาไม่อยู่ดูแล ผมก็ซื้อขนมซื้อของใช้ช่วยตลอด ทั้งยายเขาทั้งเขาก็เรียกผมพ่อ ผมก็เลยรับดูแลไป”  ส่วนภรรยาคนปัจจุบันก็รู้จักตอนช่วงชุมนุมจนถึงก่อนจะเข้าเรือนจำก็อยู่กินกันมา 4 ปีแล้ว 

ขุนแผนกล่าวว่าเขาเป็นคนโชคดี มีครอบครัวดี ไม่มีหนี้สิน มีเงินสดนิดหน่อยให้พอใช้ไปเรื่อย ๆ “ทั้งรายจ่ายผมก็น้อยมาก ๆ เช่นกัน เพราะว่าลูกแท้ ๆ ของผม พี่สาวผมจะเป็นคนดูแลทั้งหมด บ้านที่อยู่พี่สาวก็เช่าให้อยู่   ถ้าช่วงผมอยู่ม็อบ พี่สาวผมก็จะโทรหาผมตลอด ตอนนี้แกก็น่าจะยังเป็นห่วงผมอยู่”

ก่อนขุนแผนจะเล่าถึงเหตุการณ์ที่ต้องไปโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพราะป่วยเป็นวัณโรคปอด (Tuberculosis หรือ TB) โดยรักษาต่อเนื่องมาตั้งแต่อยู่ข้างนอก โดยที่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้และเริ่มรักษามาได้ 4 เดือนแล้ว หมอบอกว่าจะต้องรักษาต่ออีก 2 เดือน การรักษาก็มีแค่ให้กินยาแล้วก็ไปติดตามอาการ ตอนนี้คิดว่าดีขึ้น เพราะจากที่กินยาวันละ 11 เม็ด หมอลดลงให้กินวันละ 5 เม็ด  ส่วนที่ไปพบหมอที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก็มีการสอบถามอาการ สอบประวัติคร่าว ๆ ก่อนจ่ายยามาให้เหมือนปกติแบบที่หมอข้างนอกให้ อาการที่เป็นตอนนี้ของขุนแผนก็มีแค่ไอ ยังไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย

ขุนแผนถูกคุมขังมาแล้ว 16 วัน และยังอยู่ระหว่างกักตัว ไม่สามารถลงไปข้างล่างเรือนนอนได้ “ตอนกลางวันผมก็ต้องอยู่ข้างบน นอนว่าง ๆ อยู่เฉย ๆ ผมกะว่าถ้าได้ลงมาข้างล่างผมจะไปทำเรื่องขอย้ายแดน เพราะแดน 8 ไม่มีเพื่อนอยู่เลย” 

ขุนแผนกล่าวทิ้งท้าย “ผมเป็นห่วงมานี คู่คดี เพราะเขามีภาระทางบ้านเยอะ แถมยังมีอาการป่วยอยู่ด้วย ผมก็คุยกับเขาอยู่ตลอด แต่พอมาในนี้คงคุยกันยาก” 

X