ปลายเดือน พ.ย. 2567 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทนายความเข้าเยี่ยม เชน ชีวอบัญชา หรือ “ขุนแผน” สื่อการเมืองอิสระ ผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 และดูหมิ่นศาล วัย 57 ปี จากเหตุร่วมกิจกรรมเรียกร้องสิทธิประกันตัวสองนักกิจกรรมทะลุวังที่หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ เขาถูกคุมขังโดยไม่ได้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์มาตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. 2567 หลังศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษา จำคุก 3 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา
นอกจากสู้กับชีวิตที่ไร้อิสรภาพและความเป็นอยู่ที่แตกต่างจากโลกภายนอก ในเรือนจำขุนแผนยังต้องสู้กับอาการป่วยวัณโรคปอด (Tuberculosis หรือ TB) ที่เป็นอยู่โดยรักษาต่อเนื่องมาตั้งแต่อยู่ข้างนอก หนำซ้ำช่วงเดือน พ.ย. 2567 เขายังต้องเผชิญกับภาวะเส้นเลือดในสมองตีบ ส่งผลให้มีอาการชาตามใบหน้าและร่างกายอ่อนแรง รวมถึงอาการลิ้นแข็ง จึงถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์อยู่ราว 9 วัน ก่อนถูกส่งตัวกลับเรือนจำเมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่ผ่านมา
การพบกัน 2 ครั้งนี้ ขุนแผนเล่าว่าหลังถูกส่งกลับมา ต้องเข้ากักตัวดูอาการที่แดน 2 ก่อน จึงจะได้กลับไปที่แดน 8 อีกครั้ง ระหว่างนี้ก็ยังต้องกินยาและรักษาตัวตามอาการ ที่แม้จะเผชิญความยากลำบากทั้งทางร่างกายและจิตใจ ขุนแผนยังคงมีความอดทนและความหวังส่งต่อให้กับเพื่อนผู้ต้องขังคดีการเมืองเสมอ
.
วันที่ 22 พ.ย. 2567
เริ่มจากรายละเอียดทางกายภาพ ทนายสังเกตเห็นว่าขุนแผนผมยาวขึ้นเล็กน้อย มีหนวดเคราเพิ่มมากขึ้น เขาบอกว่าตอนนี้มีแรงมากขึ้น แต่ยังมีอาการชา ยิ่งบริเวณใบหน้าค่อนข้างชาเยอะกว่าร่างกายส่วนอื่น ๆ ส่วนอาการวัณโรค หมอให้กินยาต่อเนื่องตามปกติ ทั้งแจ้งตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย. 2567 ว่าจะมีการเก็บตัวอย่างเสมหะไปเพาะเชื้อเพื่อตรวจละเอียด แต่ถึงวันที่ 22 พ.ย. 2567 ยังไม่เห็นมา
เรื่องเส้นเลือดในสมอง ตอนนี้หมอก็ให้กินยาต้านเกล็ดเลือด สลายลิ่มเลือด ลดไขมัน และวิตามิน คาดว่าหมอนัดอีกทีวันที่ 28 พ.ย. 2567 หลังจากนั้นก็จะมีนัดต่อเนื่องเป็นระยะ
สำหรับการได้ออกจากโรงพยาบาลราชฑัณฑ์ ทำให้จิตใจดีขึ้น แม้อยู่ในนั้นจะช่วยดูแลเรื่องอาการป่วย แต่ลึก ๆ บรรยากาศค่อนข้างอึดอัดและหดหู่ แต่อยู่ที่แดน 2 ก็ไม่ได้ทำอะไรมาก นั่ง นอน หรือดูทีวี มีข้อดีตรงที่ได้เดินบ้าง ได้พูดคุยกับคน ต่างจากตอนอยู่โรงพยาบาล ซึ่งอยู่ได้แค่ที่เตียง ฟังแต่เสียงคนป่วยร้องด้วยความเจ็บปวด
ขุนแผนยังแจ้งอีกว่า ก่อนหน้านี้มีองคมนตรีเข้ามาตรวจเยี่ยม แต่มาแค่หน้าแดน ถ่ายรูปแล้วก็กลับ โดยผู้ต้องขังต้องล้างแดนทำความสะอาดรอถึง 2 วัน “ผมไม่รู้ว่าเขามาดูอะไร พวกข้าราชการก็ชอบมา มาก็มาถ่ายรูปเฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย กลับไป ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
ก่อนจากกันวันนั้น ขุนแผนฝากอวยพรวันเกิดป้าอัญชัญ อีกหนึ่งผู้ต้องขังคดี ม.112 ในโอกาสอายุครบ 69 ปี “ขอให้แข็งแรง รักษาสุขภาพ ขอให้มีข่าวดีเรื่องได้ออกไว ๆ ถ้าเอาสุดจริง ๆ เราคงต้องรอนิรโทษกรรม มันต้องใช้เวลา อยากส่งกำลังใจ เป็นห่วง เราก็ต้องอดทน รักษากายใจ สักวันเราคงได้ออกไป”
.
วันที่ 27 พ.ย. 2567
ขุนแผนปรากฏตัวด้วยท่าทีเหนื่อยล้าและไม่สดใสนัก ผมถูกตัดสั้นลง จากเดิมที่ตั้งใจจะตัดหลังจากได้กลับไปที่แดน 8 เพราะอยากจะโกนหัว แต่เมื่อสองวันก่อนหน้าที่แดน 2 มีการสอบถามถึงการตัดผมเลยตัดสินใจตัด โดยที่แดน 2 ไม่ยอมให้โกน บอกว่ากลัว ผบ.แดน จะด่าว่า
เรื่องโกนหัว ขุนแผนกล่าวแบบที่เคยแจ้งไว้ก่อนหน้าว่าโกนประท้วงต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่อยู่ข้างนอกแล้ว แต่ถ้าในนี้มีคนถามก็ไม่ค่อยบอกสาเหตุ บอกแค่ว่าชอบส่วนตัว กลัวว่าเขาจะไม่โกนให้ หรือมาโกนให้แล้วเขาจะเดือดร้อน
ก่อนแจ้งว่าหลังคุยเสร็จบ่ายนี้ ก็จะย้ายกลับไปที่แดน 8 ถ้าได้ย้ายไปก็จะกลับไปอยู่ห้องกักโรคห้องเดิม กับเพื่อนกลุ่มเดิม ในส่วนสภาพร่างกายขุนแผนบอกว่ามีแรงมากขึ้นแล้ว แต่ยังมีอาการชาเหมือนเดิม บางเวลาก็หนักขึ้น บางเวลาก็เบาลง ช่วงที่เบาคือตอนตื่นนอน จะไม่ค่อยรู้สึกชาเท่าไหร่ แต่พอตื่นมาขยับตัว ออกแรง ช่วงบ่ายถึงเย็น ถึงจะเริ่มมีอาการหนักขึ้น อาจเพราะมีการเกร็งกล้ามเนื้อระหว่างวัน
ในตอนที่ชาหนัก จะชาทุกส่วนมากขึ้น โดยเฉพาะปากและลิ้น ทำให้กินข้าวลำบาก ไม่ค่อยอยากอาหาร ส่วนเวลากินน้ำก็มีบ้างที่น้ำไหลออกที่มุมปาก ขุนแผนสะท้อนว่าเขากลัวอยู่ว่าจะกระทบสุขภาพในภาพรวมด้วย
ส่วนการใช้ชีวิตด้านอื่นยังปกติ เดินได้ ขับถ่ายได้ เรื่องการนอน หมอให้ยานอนหลับกับยาคลายเครียดมากินด้วย แม้ส่วนตัวขุนแผนคิดว่าไม่จำเป็นต้องกิน ถึงเขาจะเป็นคนหลับยาก แต่ก็พอหลับได้ และคิดว่าตัวเองพอจะจัดการความเครียดได้อยู่
สุดท้ายกับเรื่องวัณโรค ขุนแผนแจ้งอีกว่ายังไม่มีการมาเก็บเสมหะเพื่อเอาไปเพาะเชื้อเลย ก่อนทิ้งท้ายเรื่องการเยี่ยมของญาติ ก็มาเยี่ยมเป็นปกติ
“ผมมีคนมาเยี่ยมบ่อยเลย ไม่ค่อยมีอะไรขาดเหลือ และไม่ได้เหงามากนัก”
จนถึงปัจจุบัน (29 พ.ย. 2567) ขุนแผนถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมาแล้ว 135 วัน
.
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
รู้จัก ‘ขุนแผน แสนสะท้าน’: เมื่อผู้ต้องขัง ‘112’ ต้องรักษาวัณโรคในเรือนจำ