วันที่ 1 ส.ค. 2567 เจ้าหน้าที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้เข้าเยี่ยม “พลอย” ธนพร แม่ลูกอ่อนชาวอุทัยธานีวัย 24 ปี ซึ่งถูกคุมขังตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. 2567 หลังถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ในคดีมาตรา 112 จากการใช้บัญชีเฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความคิดเห็นใต้โพสต์ของเพจเมื่อช่วงปี 2564 และทำให้คดีถึงที่สุดลง
ปัจจุบัน พลอยถูกคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงธนบุรีมาเป็นเวลา 2 เดือนแล้ว เธอเริ่มปรับตัวกับสภาพความเป็นอยู่ในเรือนจำได้ โดยมักมีคำพูดติดปากว่า “อยู่ไม่ได้ก็ต้องอยู่ให้ได้” พลอยยังคงมีสุขภาพแข็งแรง ไม่ได้เจ็บป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่หรือโควิด ซึ่งทราบว่ายังระบาดอยู่บ้างในเรือนจำ อย่างไรก็ตามเธอบอกว่าที่เคยลงชื่อขอพบจิตแพทย์ไว้ ก็ยังไม่ได้รับการพิจารณา เธอคาดว่าตัวเองคงได้รับการประเมินว่าสภาพจิตใจปกติ จึงไม่ได้ถูกจัดคิวให้พบ
พลอยเล่าว่าช่วงเดือนก.ค. เป็นเดือนที่คนในเรือนจำเฝ้ารอเป็นอย่างมากเนื่องจากมีการพูดกันว่าจะมีการพระราชทานอภัยโทษให้ผู้ต้องขัง ทั้งเรื่องเกณฑ์การอภัยโทษ และการประกาศอภัยโทษจึงเป็นเรื่องที่คนทั้งเรือนจำ มักพูดถึงอยู่เสมอในช่วงเวลาที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเมื่อผ่านวันที่ 28 ก.ค. 2567 ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของรัชกาลที่ 10 มาแล้ว แต่ยังไม่มีข่าวคราวเรื่องอภัยโทษแม้แต่น้อย ธนพรบอกว่าหลายคนในเรือนจำค่อนข้างผิดหวัง ส่วนตัวเธอเองก็พยายามจะไม่หวังอะไรมากนัก จะได้ไม่ต้องเสียใจหรือรู้สึกแย่
“มีคนมาพูดกับหนูเยอะมาก ว่าคดีอย่างเรา ติดชนป้ายแน่นอน ไม่เข้าเกณฑ์อภัยโทษกับคนอื่นเขาหรอก แต่หนูก็ทำเฉย ๆ นะ ไม่ได้ตอบโต้อะไร แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมคนพวกนี้ต้องมาพูดกับเราอยู่ตลอดเวลา เรื่องว่าคดีแบบเราจะไม่เข้าเกณฑ์”
พลอยบอกว่า เวลาได้ข่าวเกี่ยวกับคนที่ทำผิดในคดีประเภทอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นฆ่าคน ลักขโมย หรือฉ้อโกง ซึ่งโทษสูงกว่าที่เธอได้รับมาก ได้ประกันตัวออกไปก็อดรู้สึกน้อยใจไม่ได้
“น้ำตาจะไหลเลยพี่ เรารู้สึกว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิดขนาดที่จะต้องเข้ามาอยู่ในนี้ จะให้อยู่จนครบ มันก็คงอยู่ได้แหละ แต่เรายังไม่รู้เลยว่า มีความเสียหายอะไรเกิดขึ้นในคดีที่เราถูกบอกว่าทำผิด ขณะที่คดีแบบอื่น ๆ มีคนได้รับความเดือดร้อนจริง ๆ แต่ก็ยังได้ประกันตัว”
พลอยบอกว่าเธอยังคงทำงานร้อยมาลัยอยู่บ้าง โดยเป็นกองงานที่ทำให้ได้ผ่อนคลาย ได้มีอะไรทำ เพื่อไม่ให้คิดมาก นอกจากนี้เธอยังพยายามหาหนังสืออ่านด้วย อย่างไรก็ตามสิ่งที่ติดอยู่ในห้วงความคิดของแม่ลูกอ่อนอย่างเธอ ก็คือความเป็นห่วงและคิดถึงลูก
“แฟนจองเยี่ยมมาตลอด สัปดาห์ละครั้ง หนูได้เห็นลูกบ้าง ลูกอาจจะเริ่มจำไม่ค่อยได้แล้ว เพราะเราก็ปิดหน้ากากตอนคุยด้วย แต่แฟนก็บอกว่าลูกไม่ค่อยถามถึงแล้ว มีบางวันที่แฟนเลี้ยงลูกคนเดียวเพราะยายไม่อยู่ เขาก็บอกว่าหนัก เด็ก ๆ คนนึงก็กำลังคลาน อีกคนกำลังวิ่งซน หนูก็รู้ว่ามันหนักและเป็นห่วงลูก ๆ แต่ก็เชื่อว่าทุกคนจะดูแลลูกได้”
“น้ำนมหนูก็หยุดไหลไปแล้ว หนูพอทำใจได้บ้างแล้วแหละ แต่ก็นะ…หนูยังฝันถึงลูกทุกคืนเลย เมื่อคืนก็ฝัน ฝันว่าได้ออกไปเลี้ยงลูก ได้ออกไปอยู่กับลูก” พลอยน้ำตารื้นขึ้นมาที่ขอบตาทันทีจนต้องเช็ดน้ำตา เมื่อพูดถึงลูก
“ตอนนี้หนูก็รอคิวที่จะเข้าอบรมอะไรต่าง ๆ ที่เขาเปิด เพื่อสะสมเกียรติบัตรไว้เลื่อนชั้นนักโทษ เผื่อหนูจะได้พักโทษบ้าง” พลอยทิ้งท้ายอย่างมีความหวังว่าจะพ้นจากการจองจำโดยเร็ว
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
ศาลฎีกายืนคดี ม.112 แม่ลูกอ่อน “ธนพร” จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา