7 มิ.ย. 2567 เจ้าหน้าที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้เข้าเยี่ยม “พลอย” ธนพร แม่ลูกอ่อนชาวอุทัยธานีวัย 24 ปี ที่ทัณฑสถานหญิงธนบุรี ซึ่งเธอถูกคุมขังตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. 2567 หลังถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ในคดี “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากการใช้บัญชีเฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความคิดเห็นใต้โพสต์เฟซบุ๊กของเพจซึ่งเผยแพร่ภาพตัดต่อของรัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 เมื่อช่วงปี 2564
พลอยถูกขังมาแล้ว 12 วัน และเพิ่งพ้นช่วงกักตัวของเรือนจำ พลอยจึงได้พบกับคนภายนอกเป็นครั้งแรก ระบบการเข้าเยี่ยมของทัณฑสถานหญิงธนบุรีค่อนข้างดี ในช่วงเช้าไม่มีความแออัดมากนัก การเข้าเยี่ยมในระยะเวลา 15 นาที จึงเป็นไปด้วยความราบรื่นแม้ว่าใช้เวลาในการรอให้พลอยเดินข้ามแดนมาที่ห้องเยี่ยมสักพักหนึ่ง
ในห้องเยี่ยมติดแอร์สี่เหลี่ยมผืนผ้า มีกระจกหนากั้น ทำให้ไม่สามารถได้ยินเสียงจากอีกฝั่งได้ถ้าไม่พูดคุยผ่านโทรศัพท์ ประกอบด้วยช่องเยี่ยม 15 ช่อง พลอยเดินออกมาในชุดนักโทษสีน้ำตาลโดยมีเสื้อกั๊กสีน้ำเงินสวมทับอยู่ เพื่อแยกประเภทผู้ต้องขังที่ต้องเดินออกมาพบญาติที่ห้องเยี่ยม แม้พลอยสวมหน้ากากอนามัยแต่รับรู้ได้ว่าเธอกำลังยิ้มอยู่ด้วยความดีใจที่มีคนมาเยี่ยม
พลอยบอกว่า เธอเริ่มปรับตัวได้แม้จะเพิ่งเข้ามาอยู่ได้ไม่นาน อาจเพราะพลอยใช้เวลาทำใจและเตรียมตัวรับผลคำพิพากษามานานพอสมควร
“ห้องขังในแดนแรกรับมีผู้ต้องขังร่วม 20 คน ไม่แออัดมากนัก จนกว่าจะถูกจำแนกแดนในช่วงปลายเดือน มิ.ย. ตอนนี้สภาพของห้องขังยังพออยู่ได้” นอกจากนี้พลอยบอกว่าหน้าล็อกเกอร์ของเธอติดป้ายไว้ว่า “คดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์” แต่พลอยบอกว่าผู้ต้องขังข้างในไม่ค่อยมีใครสนใจใคร
“หนูยังไม่เจอปัญหาอะไรนะคะ มีผู้ต้องขังบางคนมาเตือนว่า อย่าไปเที่ยวบอกใครว่าติดคดีอะไรมา แต่ล็อกเกอร์มีประเภทคดีติดอยู่เลย ตอนแรก ๆ มีผู้ต้องขังบางคนมาบอกให้กดของให้บ้าง แต่หนูบอกว่าหนูไม่มีเงิน หนูต้องเก็บเงินไว้ให้ลูก”
แม้พลอยจะบอกว่าเริ่มปรับตัวได้ แต่การต้องเข้ามาอยู่ในเรือนจำไม่ได้เป็นเรื่องง่าย อาหารในแต่ละมื้อจะมีกับข้าว 1 อย่าง ข้าว และของหวานอีก 1 อย่าง บางวันอาหารก็กินได้ บางวันก็ไม่อร่อยมากนัก แต่พลอยบอกว่า เธอเป็นคนอยู่ง่ายกินง่ายและพยายามจะใช้ชีวิตแบบไม่มีปัญหากับใคร
พลอยยังเล่าว่า เมื่อวานผู้ต้องขังในแดนแรกรับทั้งแดนเพิ่งถูกทำโทษให้ลุกนั่ง 100 ครั้ง เนื่องจากพูดคุยกันเสียงดัง จนทำให้ไม่ได้ยินเสียงประกาศให้ไปรับของฝากจากญาติ
พลอยพูดคุยเรื่องทั่ว ๆ ไปเกี่ยวกับความเป็นอยู่โดยปราศจากน้ำตา แต่เมื่อเธอเอ่ยถามเรื่องลูก เสียงพลอยเริ่มสั่นและมีน้ำตาไหลอาบแก้ม
“ลูก ๆ ยังอยู่กับพ่อมั้ยคะ” พลอยเอ่ยถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ สิ่งที่เธอกังวลที่สุดคือการที่ลูก ๆ ต้องถูกแยกออกจากกันไปให้ญาติ ๆ ช่วยเลี้ยง เมื่อพลอยทราบว่าตอนนี้ลูกทั้งสองคนยังอยู่กับพ่อ เธอก็ดูสบายใจขึ้น “หนูก็ยังเชื่อ ยังเชื่อมั่นว่าลูกหนูจะต้องอยู่ได้ คงมีแต่หนูนี่แหละที่จะอยู่ยากหน่อย” เธอบอก
เนื่องจากก่อนถูกคุมขังพลอยยังเป็นแม่ลูกอ่อนที่ให้นมลูกเอง ในห้องพิจารณาก่อนฟังคำพิพากษาไม่กี่นาที พลอยยังให้นมลูกอยู่จนลูกวัย 6 เดือน หลับในอ้อมแขน การที่หยุดให้นมลูกในทันทีเมื่อถูกคุมขังย่อมทำให้เกิดภาวะท่อน้ำนมอุดตัน และมีอาการนมคัด จนถึงอาจจะเป็นไข้ได้ เมื่อถูกถามเรื่องนี้ พลอยตอบอย่างรวดเร็ว
“หนูไม่ได้บีบน้ำนมออกเลย หนูปล่อยให้มันคัดและแข็งจนเป็นไข้ตัวสั่นเลยพี่ สุดท้ายต้องกินพาราแก้ปวด” พลอยบอกว่า เธอปวดและเป็นไข้ทุกวันอยู่เกือบหนึ่งสัปดาห์
“ตอนนี้น้ำนมหนูแห้งไปแล้ว” พลอยพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า น้ำนมที่แห้งไปเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ที่ขาดออกจากกันระหว่างแม่กับลูก ลูก ๆ ของพลอยไม่ได้เจอกับแม่มาเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว สามีของเธอบอกว่า ลูกทั้งสองยังร้องหาแม่ทุกวัน
พลอยบอกว่าเธออยากเห็นลูก ๆ จึงได้ฝากบอกสามีว่า ตอนนี้สามารถเยี่ยมทางไลน์ได้แล้ว
ก่อนจากกันพลอยยกมือไหว้และฝากขอบคุณทุกคนที่ติดตามสนใจคดีของเธอ รวมถึงกองทุนที่ช่วยดูแลเด็ก ๆ ด้วยการส่งนมกับผ้าอ้อมสำเร็จรูปให้ แม้ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน เธอพูดคำว่า ตื้นตันใจ ตลอดการสนทนาใน 15 นาที พลอยบอกว่า เธอได้แต่หวังว่าจะมีอภัยโทษในเดือนหน้า ซึ่งอาจเป็นวิธีเดียวที่เธอจะได้อยู่กับลูกได้ไวขึ้น
.
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
ศาลฎีกายืนคดี ม.112 แม่ลูกอ่อน “ธนพร” จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา
“อยากเป่าเค้กวันเกิดกับลูกอีกสักครั้ง”: คุยกับ “ธนพร” แม่ลูกอ่อน จำเลย ม.112 ในวันใกล้ฟังคำพิพากษาศาลฎีกา