18 มิ.ย. 2567 เจ้าหน้าที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้เข้าเยี่ยม “พลอย” ธนพร แม่ลูกอ่อนชาวอุทัยธานีวัย 24 ปี ที่ทัณฑสถานหญิงธนบุรี ซึ่งเธอถูกคุมขังตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. 2567 หลังถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ในคดี “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากการใช้บัญชีเฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความคิดเห็นใต้โพสต์ของเพจ ซึ่งเผยแพร่ภาพตัดต่อของรัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 เมื่อช่วงปี 2564
แม้วันนี้จะเดินทางมาเข้าเยี่ยมในช่วงเช้า แต่รอบเข้าเยี่ยมช่วงเช้าของแดนแรกรับ ถูกจองเต็มแล้ว จึงต้องรอเข้าเยี่ยมในรอบบ่าย โดยแดนแรกของทัณฑสถานหญิงธนบุรี เปิดเข้าเยี่ยมวันละ 2 รอบ
ก่อนเข้าเยี่ยม สามีของธนพร บอกว่า เขาจองเยี่ยมผ่านทางไลน์ของเรือนจำไว้เช่นกัน แต่ถูกยกเลิกไปเนื่องจากได้รับแจ้งว่า อินเทอร์เน็ตของเรือนจำล่ม เมื่อได้เข้าเยี่ยม และพูดคุยกับธนพร จึงทราบว่าอินเทอร์เน็ตของเรือนจำล่มมาตั้งแต่เมื่อวาน ทำให้คนที่จองเยี่ยมทุกคน เสียโอกาสเยี่ยมญาติ โดยบางคนอาจจะลางานมา เพื่อรอเข้าเยี่ยมทางไลน์ 15 นาที สามีของธนพรเองก็รอคอยที่จะนำลูก ๆ มาเจอหน้าแม่ทางไลน์ แต่ก็ไม่ได้เข้าเยี่ยม
เมื่อเจ้าหน้าที่ศูนย์ทนายฯ พบกับธนพรผ่านห้องกระจก เธอถูกตัดผมสั้นแล้ว โดยผมยาวลงมาประมาณ หนึ่งนิ้วครึ่ง ถึงสองนิ้วจากติ่งหู เธออยู่ระหว่างรอการจำแนกแดน และบอกว่าเพิ่งได้ลงชื่อในใบเด็ดขาด นอกจากนี้ช่วงที่ผ่านมา ยังเจอคนในแดนพูดถึงคดีของเธออยู่ บางคนเข้ามาพูดคุยในลักษณะเห็นด้วย บางคนไม่เห็นด้วย แต่เธอบอกว่า ยังไม่ได้รู้สึกว่าถูกคุกคาม เป็นเพียงการพูดคุยธรรมดา
สถานการณ์ที่ธนพรคิดว่าน่าเป็นห่วงสำหรับเธอในตอนนี้ คือเรื่องโควิดระบาดในเรือนจำ สัปดาห์ก่อนที่เข้าเยี่ยม ไม่มีการบังคับให้ใส่หน้ากากอนามัย แต่สัปดาห์นี้เริ่มเกิดการบังคับให้ผู้เข้าเยี่ยม และผู้ถูกเยี่ยมใส่หน้ากากทุกคน
“ตอนนี้มีคนติดวันละ 3-4 คนทุกวันเลยพี่ ถ้าใครมีอาการไอเยอะ ๆ ก็จะถูกเอาตัวไปตรวจหาเชื้อโควิดและแยกกักตัว”
เธอบอกว่า ถ้าหากยังเจอคนป่วยต่อเนื่อง คงถูกกักตัวกันยกห้องขัง สิ่งที่เธอกลัว คือการโดนงดเยี่ยมญาติ ซึ่งจะทำให้ไม่ได้รับรู้ความเป็นไปของลูก ๆ
สำหรับสุขภาพโดยทั่วไปของธนพรยังไม่พบอาการป่วย แต่เธอบอกว่า มีสิ่งที่น่าแปลก คือ การพบว่าตัวเองเป็นเหา
“สองสามวันก่อน เพื่อนที่นอนติดกันกับหนูเป็นเหา หนูเลยคันไปด้วย กลัวว่าจะติด หนูคันหัวมาหลายวันมาก จนหนูคิดว่าหนูต้องเป็นเหาแน่ ๆ พอลองดูก็ใช่เลย”
ธนพรบอกว่า รู้สึกแปลกใจ แต่ก็เข้าใจได้ว่าพื้นที่ข้างในไม่ได้สะอาดมาก และทำอะไรก็ต้องรีบร้อนไปหมดโดยเฉพาะการทำความสะอาดร่างกาย เพราะนอกจากมีเวลากำกับแล้ว ยังต้องรีบไปดูชั้นเก็บของ เพื่อไม่ให้ของหาย
“หนูต้องไปลงชื่อขอยากำจัดเหา แต่ลงชื่อไปหลายวันแล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่ายาหมด และยังมาไม่ถึง ตอนนี้คันหัวมาก”
ธนพรยังคงถามถึงลูกเป็นปกติ และเมื่อพูดถึงลูก ก็ยังร้องไห้
“ทุกครั้งที่คิดถึงลูก หนูยังร้องไห้ ร้องทุกคืน อาทิตย์ก่อนแฟนบอกว่า ลูกไม่ค่อยร้องหาเธอแล้ว” ธนพรเอามือปาดน้ำตา
“หนูดีใจนะ หนูอยากให้ลูกลืม ๆ หนูไปซะ หนูคิดว่ามันดีกว่าสำหรับเขา จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดกับการคิดถึงแม่” พูดถึงตรงนี้ธนพรก็ร้องไห้อีกครั้ง
เวลา 15 นาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ธนพรบอกว่า ถ้าได้จำแนกแดนแล้ว ตั้งใจที่จะเข้ารับการฝึกอบรมทุกอย่างที่เรือนจำจัดขึ้น เพื่อจะได้เลื่อนเป็นนักโทษชั้นเยี่ยมโดยเร็วที่สุด และยังคงรอฟังว่าตัวเองจะเข้าเกณฑ์ได้รับการอภัยโทษในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้หรือไม่ แต่ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร เธอบอกว่า เธอก็ต้องอยู่ให้ได้ในทุกสถานการณ์เพื่อลูก