26 มิ.ย. 2567 เจ้าหน้าที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้เข้าเยี่ยม “พลอย” ธนพร แม่ลูกอ่อนชาวอุทัยธานีวัย 24 ปี ที่ทัณฑสถานหญิงธนบุรี ซึ่งเธอถูกคุมขังมาตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. 2567 หลังถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ในคดี “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากการใช้บัญชีเฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความคิดเห็นใต้โพสต์ของเพจ ซึ่งเผยแพร่ภาพตัดต่อของรัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 เมื่อช่วงปี 2564
วันดังกล่าวเป็นวันครบรอบ 1 เดือน ที่ธนพรถูกคุมขังในเรือนจำ เธอเอ่ยขึ้นว่า เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า บางวันก็รู้สึกเหมือนใจจะขาดเวลาคิดถึงลูก
“1 เดือนข้างในของหนู แต่หนูรู้สึกว่าเวลาผ่านไปนานมากแล้ว แล้วแต่ละวันผ่านไปช้ามาก ยิ่งเวลาคิดถึงลูก บางวันมันก็ไม่ไหวเลย ไม่อยากทำอะไรเลย”
ธนพรบอกว่า เธอได้ลงชื่อขอพบจิตแพทย์ เนื่องจากรู้สึกได้ว่าตัวเองมักจะมีอารมณ์ดิ่งเป็นบางวัน คอยแต่โทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ครอบครัวแตกแยก ทำให้ลูกไม่มีแม่ บางช่วงเธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นแม่ที่แย่ที่สุด ไม่น่าเป็นแม่เลย
“หนูลงชื่อไว้ แต่ยังไม่ได้ไปเจอหรอก ไม่แน่ใจว่าจะได้พบเมื่อไหร่ หนูรู้สึกว่าหนูเศร้าและดิ่งกว่าปกติมาก ไม่แน่ใจว่าเป็นสภาวะหลังคลอดด้วยมั้ย แต่หนูรู้สึกว่าบางครั้งมันเกินจากความรู้สึกตามปกติ”
นอกจากนี้ธนพรยังเล่าให้ฟังว่า น้ำนมของเธอยังไหลอยู่ แม้จะไม่เจ็บคัดหน้าอกจนเป็นไข้เหมือนช่วงก่อนหน้านี้แล้ว
“หนูพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่จะกระตุ้นน้ำนม เช่น อะไรก็ตามที่ผัดขิง แต่เรือนจำจะมีเมนูขิงอยู่ตลอด มีวันนึงหนูกินเข้าไปก็มีน้ำนมออกมาเลย”
สำหรับสุขภาพกายทั่ว ๆ ไป แม้คนในเรือนจำป่วยเป็นไข้หวัดกันอยู่บ้างแต่ธนพรยังสุขภาพดี สิ่งที่เป็นปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขคือเรื่อง “เหา”
“จนถึงตอนนี้หนูยังไม่ได้หมักเหาเลย คันมาก ๆ” ธนพรแจ้งว่าเธอลงชื่อกับเรือนจำว่าเป็นเหาตั้งแต่ราว 2 อาทิตย์ก่อน แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับยาหมักเหา เธอบอกว่าคนในแดนตัดผมสั้นกันหมดแล้วเพราะปัญหาเรื่องเหา
“หนูต้องอาศัยสระผมบ่อย ๆ ทุกวัน แต่มันก็ยังไม่หาย มันเจอเป็นตัวเลยพี่” เธอบอก
เมื่อถามว่าช่วงที่ผ่านมาเธอได้เห็นลูกบ้างหรือยัง ธนพรเล่าว่า สามีได้เยี่ยมญาติทางไลน์เมื่อวันก่อนและให้เธอได้เห็นลูกแล้ว เพราะก่อนหน้านี้สามีพยายามไม่ให้เธอได้เห็นลูก เนื่องจากกลัวว่าลูกจะกลับมาร้องหาเธออีกครั้งโดยเฉพาะลูกคนโตวัย 2 ขวบ ที่รู้ประสาแล้ว
“เขาเยี่ยมมาประมาณ 3 ครั้ง แต่หนูไม่ได้เห็นลูกเลย แม้แต่ขาก็ไม่ได้เห็น หนูบอกว่าขอเห็นลูกหน่อย หนูคิดถึงลูก สุดท้ายก็เลยได้เห็น แฟนเล่าให้ฟังว่า ลูกถามว่าทำไมแม่ไม่กลับมา ทำไมไม่กลับมาอยู่กับเขา” ธนพรเล่าถึงตรงนี้ก็น้ำตาคลออีกครั้ง
“พี่รู้มั้ย ตอนนี้ลูกกลัวว่าพ่อจะหนีไปอีกคน เวลาแฟนไปทำงาน ลูกจะถามว่า พ่อจะกลับมามั้ย พ่อจะไปไหน เพราะว่าแม่ก็หนีไปแล้วคนนึง เขาไม่แน่ใจว่าทุกคนจะทิ้งเขาไปมั้ย” เธอพูดด้วยสีหน้าเศร้า การที่แม่ถูกคุมขังไกลบ้านและพ่อต้องออกไปทำงาน สร้างความไม่มั่นคงในจิตใจเป็นอย่างมากให้กับลูกของเธอ
ธนพรยังคงปิดท้ายบทสนทนาด้วยการพูดเรื่องการอภัยโทษเช่นเดิม
“พี่ ในเรือนจำเขาพูดกันเยอะมาก ว่าปีนี้การอภัยโทษไม่มีการล็อคชั้นนักโทษ แต่จะล็อคมาตรา มาตราที่เกี่ยวกับความมั่นคงจะไม่เข้าเกณฑ์” เธอพูดด้วยน้ำเสียงกังวล “หนูพยายามจะไม่คาดหวังจะได้ไม่ผิดหวัง ถึงไม่ได้ออกแต่อย่างน้อยได้ลดโทษบ้างก็ยังดี”
ธนพรพยายามศึกษาวิธีการที่จะได้อยู่กับลูกให้เร็วที่สุด เธอสอบถามเรื่องการย้ายเรือนจำไปอยู่ที่ภูมิลำเนาจากเจ้าหน้าที่ แต่ก็ดูเหมือนเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะได้ย้าย ซึ่งเธอคิดว่าไม่ต่างกันกับการถูกขังอยู่ที่นี่มากนัก นอกจากนี้ธนพรยังคอยศึกษาว่าเมื่อเธอถูกจำแนกแดนแล้วจะต้องใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง ธนพรยังเข็มแข็งพร้อมเรียนรู้ ปรับตัวและกระตือรือล้นในการติดตามข่าวสาร เธอถามถึงสถานการณ์ข้างนอก รวมถึงความคืบหน้าเรื่องการนิรโทษกรรมประชาชน
“ขอบคุณทุก ๆ คนมากนะคะ ที่ยังติดตามข่าวสารของหนูและให้กำลังใจ หนูอยู่ได้เพราะกำลังใจจากทุกคนและการคิดถึงลูก ๆ”
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
ศาลฎีกายืนคดี ม.112 แม่ลูกอ่อน “ธนพร” จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา