ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2568 ทนายความเดินทางไปยังศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชายบ้านกรุณา จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเข้าเยี่ยม “ฐาปนา” (นามสมมติ) เยาวชน ที่ถูกคุมขังจากคำพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ให้รับการฝึกอบรม 4 ปี จากคดีการวางเพลิงตู้จราจรพญาไท และขว้างปาวัตถุระเบิดในช่วงการชุมนุมดินแดง เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2564 โดยเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ลงโทษจำคุก 5 ปี 6 เดือน แต่เปลี่ยนโทษจำคุกให้เป็นฝึกอบรมขั้นต่ำ 2 ปี และขั้นสูง 3 ปี ลดลงจากเดิมที่กำหนดไว้ 4 ปี พร้อมจ่ายค่าเสียหายทางแพ่ง 2,500 บาท
ในการเยี่ยมครั้งนี้พบว่าฐาปนาที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากเยาวชนสู่ผู้ใหญ่ที่ต้องมีความรับผิดชอบต่อตัวเอง แม้ร่างกายจะผอมลงจากความเครียดและการเจ็บป่วย แต่แววตาของเขากลับใสขึ้น ไม่หม่นหมองเหมือนช่วงแรก ๆ
เด็กหนุ่มวัย 20 ปี หันมาใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ด้วยการเรียนดนตรี เข้าร่วมกิจกรรม และมุ่งมั่นกับการศึกษาเพื่อให้ได้วุฒิมัธยมศึกษาตอนต้น ความฝันของเขาในตอนนี้เรียบง่าย คือการได้กลับไปอยู่กับครอบครัว ได้เลี้ยงดูลูกชาย และใช้ความรู้ที่ได้เรียนมาสร้างอาชีพที่สุจริต
________________________________________________
13 มิ.ย. 2568
วันนี้บรรยากาศที่บ้านกรุณาค่อนข้างเงียบ ประกอบกับความครึ้มฟ้าครึ้มฝนของวัน ยิ่งทำให้สถานที่ดูเงียบมากยิ่งขึ้น เมื่อเข้าไปในตัวอาคารอำนวยการ หลังจากยื่นเอกสารเรียบร้อยแล้ว ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า ช่วงเริ่มต้นบทสนทนาประมาณ 10 นาที ขอคุยกับฐาปนาแบบสงวนข้อความให้เป็นความลับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่รับเรื่อง มีท่าทีงง ๆ จึงได้อ้างถึว ‘ระเบียบกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ว่าด้วยการติดต่อเด็กและเยาวชนของบุคคลภายนอก และการพบและปรึกษากับที่ปรึกษากฎหมายหรือทนายความ พ.ศ. 2565’ ซึ่งมีข้อที่กำหนดว่าหากที่ปรึกษากฎหมายหรือทนายความที่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมเยาวชน ประสงค์จะสงวนข้อความที่พูดกับเด็กหรือเยาวชนเป็นความลับให้แจ้งเจ้าพนักงานพินิจให้ทราบ และเจ้าพนักงานพินิจผู้ควบคุมอยู่ในระยะที่ไม่สามารถได้ยินข้อความการสนทนา
ในคราวแรกเจ้าหน้าที่แจ้งว่าต้องให้ครูที่ปรึกษาเข้าร่วมการสนทนาด้วย เพราะคดีของเยาวชนเด็ดขาดไปแล้ว ทนายจึงโต้แย้งว่าคดีดังกล่าวได้มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา และมีการขอขยายระยะเวลาฎีกาไปเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. และศาลสั่งอนุญาตตามคำร้องแล้ว ดังนั้นคดีดังกล่าวจึงถือว่ายังไม่สิ้นสุดตามกฎหมาย และได้อธิบายเพิ่มว่า มีเรื่องตามคำพิพากษาที่ต้องการให้เยาวชนได้พูดคุยตัดสินใจเป็นการส่วนตัวกับทนายความโดยตรง จึงขอสงวนสิ่งที่จะพูดเป็นความลับ เมื่อได้พูดคุยชี้แจง เจ้าหน้าที่จึงเข้าใจ และดำเนินการให้เข้าพบเยาวชน
ทนายถูกพาไปยังห้องพักครูที่ปรึกษา ซึ่งเป็นห้องเดิมที่ใช้เข้าเยี่ยมฐาปนา เมื่อไปตรงประตูทางเข้า ก็ได้ยินเจ้าหน้าที่อีกคนแจ้งเจ้าหน้าที่ที่นำทางไปว่า เพิ่งพาฐาปนาอกไปโรงพยาบาลและพากลับเข้ามา จึงได้สอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น จึงทราบว่าเขาเป็นริดสีดวง และถูกพาออกพบหมอด้วย จากกรณีที่เขาน้ำหนักลงถึง 25 กิโลกรัม
ก่อนเจ้าหน้าที่พาเข้าไปรอในห้องพักครูที่ปรึกษา นั่งรอไปสักพัก จึงพาฐาปนาออกมาพบ ดูเขาแววตาสดใส ไม่หม่นหมอง แต่ร่างกายยังคงผอมอยู่ ก่อนเริ่มบทสนทนา จึงได้แจ้งกับครูที่ปรึกษาว่าเราคุยตามลำพังกับตัวเยาวชน สัก 10 นาที ซึ่งครูที่ปรึกษาแจ้งว่าไม่มีปัญหา เพราะมีการประสานมาแล้ว
จากนั้นได้อัพเดตข้อมูลทางคดี รวมถึงที่ได้ไปประสานติดต่อมาเมื่อจบเรื่องทางคดี ครูที่ปรึกษาจึงได้กลับมานั่งฟังการสนทนาอีกครั้ง ทนายสอบถามถึงเรื่องออกโรงพยาบาลวันนี้ ฐาปนาเล่ายิ้ม ๆ ว่าเขาถ่ายเป็นเลือด มาได้ 2-3 วันแล้ว วันนี้จึงถูกพาออกไปพบหมอที่โรงพยาบาลบางพลี แต่เหมือนยังไม่ได้ตรวจเช็คอะไรมาก ได้ยามากิน เป็นยาแก้ท้องเสียกับแก้ท้องผูกมา และทราบว่าเป็นริดสีดวง ซึ่งเขาเคยเป็นมาก่อนช่วงปี 2567 ซึ่งก็สร้างความลำบากในชีวิตประจำวันพอสมควร หมอนัดตรวจอีกครั้งในช่วงเดือนกรกฎาคม
ในส่วนเรื่องจิตใจ ฐาปนาสะท้อนว่า ไม่เครียดเท่าช่วงที่ผ่านมา แต่บางทีคิด ๆ ไปก็กังวลว่าเมื่อไหร่ใบเด็ดขาดจะมา “แล้วถ้าใบเด็ดขาดไม่มาจะทำยังไง หัวมันคิดไปแบบนั้น พอคิดมากก็เลยมีเครียดบ้าง แต่ไม่เครียดเท่าตอนที่รอฟังคำพิพากษา”
ทนายถามว่ายังอยากพบหมอจิตหรือต้องการการดูแลทางจิตใจอะไรหรือไม่ ฐาปนาบอกเพียงว่าจริง ๆ ก็อยากได้ยา เพราะมีเพื่อนที่ป่วยเป็นซึมเศร้า แล้วเขาได้ยามาตัวหนึ่งซึ่งพอกินแล้วเขาบอกว่าเขาโล่ง หัวโล่งเลย ฐาปนาเองก็อยากรู้สึกแบบนั้น ด้วยบางทีนอนไม่หลับ แต่หันไปเห็นเพื่อนหลับสบายนิ่งเลย
ช่วงนี้อยู่ข้างในมีภาวะเบื่อโลก “เพราะเด็กมันเยอะ ผมเองก็ไม่ได้เป็นเด็กขนาดนั้น เด็กก็ชอบมาเล่น มากวน ผมก็พยายามเลี่ยง ๆ คิดแต่ว่าเราอยู่ไม่นาน ไม่อยากมีปัญหา อะไรเลี่ยงได้ผมก็เลี่ยงหมด ตอนนี้ผมอยู่เกรด 2 และเพิ่งเข้าหน่วยดนตรีไป”
เครื่องดนตรีที่ฐาปนาเลือกเล่นคือกีต้าร์ ที่นี่มีเครื่องดนตรีให้เลือกเล่นด้วยมีกลองชุด เบส กีต้าร์ไฟฟ้า กีต้าร์โปร่ง ถ้าต้องการคอร์ดก็แจ้งครูที่ปรึกษาได้ ครูจะไปปริ้นท์มาให้ “และผมมีเข้าชุมนุมการเกษตรด้วย มีให้เลี้ยงไก่ ผมก็ลงเรียนคิดว่าได้ใช้กำลังทำอะไรบ้าง” ก่อนหน้าลงเรียนการทำดอกไม้จันทร์ไป ซึ่งเรียนไปแบบไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ คิดว่าไม่ใช่แนวตัวเอง แต่สำหรับข้อดีที่นี่ 2-3 เดือนจะเปลี่ยนชุมนุม เปลี่ยนวิชาชีพ ให้ได้เรียนรู้ ให้ลองทำอะไรหลาย ๆ อย่างที่ไม่เคยทำ พอให้แก้เครียด แก้คิดถึงบ้านได้บ้าง
เร็ว ๆ นี้จะมีงานไหว้ครูที่นี่ มีประกวดทำพานไหว้ครูด้วย “ห้องที่ผมอยู่ก็จะส่งประกวดด้วย และเดี๋ยวจะมีกิจกรรมจุลสาร พวกปฏิบัติธรรม เดินจงกรม นั่งสมาธิ”
ฐาปนาให้ข้อมูลว่ากิจกรรมจุลสารนี้จะเก็บไว้เป็นวันลดโทษตอนใบเด็ดขาดมาถึงได้ แต่กิจกรรมพวกงานตัดหญ้า ซ่อมสิ่งของต่าง ๆ จะไม่สามารถเก็บสะสมไว้ได้ “ผมพยายามเก็บกิจกรรมจุลสาร แต่เรื่องงานช่วยต่าง ๆ ผมก็ทำเหมือนเดิม”
.
วันที่ 19 มิ.ย. 2568
ในวันเยี่ยมอีกวัน ได้รับแจ้งจาก เจ้าหน้าที่บ้านกรุณาว่าวันนี้จะได้เยี่ยมช้า เนื่องจากมีพิธีไหว้ครู หลังนั่งรอราว ๆ 45 นาที ก็ได้เข้าเยี่ยม ฐาปนาเดินมาถึงในชุดกีฟ้า กางเกงวอร์มขาสั้นสีดำ เสื้อคอปกโปโลแขนสั้นสีน้ำเงิน ผมยาวเป็นทรงผมรองทรง สีหน้าแววตาดูปกติ ไม่ได้ดูหม่นหมองเหมือนช่วงที่ผ่าน ๆ มา
เมื่อเสร็จสิ้นการพูดคุยเรื่องทางคดี เขาเล่าว่าวันนี้มีการไหว้ครู เริ่มมีการทำพานกันตั้งแต่เมื่อวานเย็น ทำให้คาบชุมนุมที่ปกติต้องไปเรียนเกษตร ยังไม่ได้เรียน แต่ทำพานก็สนุกดี ตัวเขาไม่ได้เข้าไปช่วยมากนัก เพราะรู้สึกว่าตัวเองก็ไม่เด็กแล้ว แต่ก็ดูเด็ก ๆ ในบ้านทำกัน ข้างในมีเด็กราว ๆ 100 คน มีครู แบ่งเป็นครูวิชาชีพ 4-5 คน ครูสายสามัญ 5 คน
ช่วงนี้สภาพจิตใจค่อนข้างเบื่อ ๆ เพราะชีวิตมันวนลูป เจอแต่คนเดิม ๆ บางทีเด็กบางคนก็กวน บางทีก็มีเรื่องเครียด “เครียดเรื่องคดี เรื่องวันจะได้ออกไป พอรู้ว่าอยู่แค่ 2 ปี มันก็ดีใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าถ้าอัยการฎีกาโทษจะมาสูงกว่าเดิมหรือไม่ หรือถ้าขยายไปเรื่อย ๆ แบบนี้ ใบเด็ดขาดก็ไม่มาสักที ทำให้ทำเรื่องวันพักโทษ ลดโทษ เลื่อนขั้น หรือพวกเกณฑ์ทหาร หลาย ๆ อย่างมันไม่ได้ ก็เครียดตรงนี้”
ฐาปนาระบายอีกว่ากับช่วงเดือนนี้ยังไม่ได้คุยกับแฟน ไม่ได้คุยกับลูกเลย การห่างหายจากคนรักและครอบครัวในช่วงเวลานี้ก็ต้องทำใจให้ได้ เขาก็พยายามอดทนกับสถานการณ์นี้
สำหรับเรื่องน้ำหนักตัวของฐาปนายังอยู่ที่ 53 กิโลกรัม ชั่งทุกวันแต่น้ำหนักก็เท่านี้ ทั้งที่กินข้าวปกติ เขาเล่าว่าเรื่องการนอนจะนอนตอน 4 ทุ่ม มีสะดุ้งเพราะฝัน ช่วงตี 3 ตี 4 จากนั้นจะนอนต่อ ที่บ้านกรุณาฯ ปกติที่นี่ต้องตื่นตี 5 นับยอดตอน 6 โมงเช้า แล้วก็เริ่มกิจกรรมเช่นเรียน เข้าหน่วย เรื่องวิชาชีพดนตรี ยังไม่ได้เรียนเต็มที่เพราะติดงานไหว้ครู “แต่ผมมีทักษะเล่นกีต้าร์มาอยู่เลยไม่ค่อยกังวลเท่าใดนัก” ฐาปนากล่าวไว้อีกตอน
ก่อนจากกันฐาปนาแจ้งเพิ่มถึงเรื่องเรียนที่ศูนย์การเรียนเซนต์ ยอห์นบอสโก ตรวจสอบแล้วจะใช้เวลา 4 เดือนในการเรียน ก็จะได้วุฒิชั้น ม.3 หลักสูตรนี้ยังมีสอนทำสบู่ ทำน้ำยาล้างจานด้วย คิดว่าน่าจะสนุกอยู่
ปัจจุบัน (25 มิ.ย. 2568) ฐาปนาถูกคุมขังมาแล้วรวม 422 วัน เท่าที่ทราบข้อมูล เขาเป็นผู้ต้องขังเยาวชนคนเดียวที่มีเหตุจากการแสดงออกทางการเมืองซึ่งถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้
สามารถเขียนจดหมายออนไลน์ถึงฐาปนาผ่านโครงการ Free Ratsadon โดยแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่ลแนล
.
อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง