“อยากให้ศาลเห็นใจผม” ความฝันกับความตั้งใจของ “ฐาปนา” เยาวชนที่ยังถูกขังจากคดีการเมือง

เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2568  ทนายความเดินทางไปที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชายบ้านกรุณา จ.สมุทรปราการ เข้าเยี่ยม ‘ฐาปนา’ (นามสมมติ) เยาวชนวัย 20 ปี ที่ถูกคุมขังจากกรณีถูกศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง พิพากษาให้รับการฝึกอบรม 4 ปี จากการถูกดำเนินคดีวางเพลิงตู้จราจรพญาไท และขว้างปาวัตถุระเบิด ในช่วงการชุมนุมดินแดง เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2564

การพบกันหนนี้ฐาปนาเผยความกังวลต่อนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่จะมีขึ้นในวันที่ 13 พ.ค. 2568 นี้  ด้านการใช้ชีวิตข้างในฐาปนาพยายามสร้างอนาคตด้วยการเรียนจบวิชาชีพ 2 หลักสูตร กำลังเริ่มหลักสูตรที่ 3 และสอบได้เกรดเฉลี่ย 3.7 ในการเรียน ม.ต้น เขายังได้เล่าถึงความสุขจากการได้พบลูกน้อยในวันเยี่ยมญาติ สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือสภาพร่างกายที่ผอมลงอย่างผิดปกติ จาก 74 กิโลกรัมเหลือเพียง 53 กิโลกรัม และอาการนอนไม่หลับ ความเครียดสะสม

โดยจดหมายให้กำลังใจจากโลกภายนอกยังคงเป็นเป็นแสงสว่างเล็ก ๆ ในชีวิตที่ถูกจำกัด สำหรับผู้ต้องขังเยาวชนคนเดียวจากเหตุการณ์ทางการเมืองที่ยังถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้

_______________________

เมื่อก้าวเข้าไปในห้องเยี่ยม สายตาปะทะกับร่างผอมบางนั่งอยู่บนโซฟา ข้อมือซ้ายผูกด้วยเชือกฟางสีน้ำเงิน แววตาของฐาปนาเป็นประกายวาบขึ้นเมื่อพบกัน แต่แล้วก็สังเกตได้ว่าเราไม่ได้อยู่กันตามลำพัง เจ้าหน้าที่ 2 คน นั่งอยู่ในห้องด้วย คนหนึ่งแจ้งว่างานเร่ง ต้องขออนุญาตนั่งทำงานไปด้วย อีกคนทำหน้าที่นั่งอยู่ด้วยในระหว่างการพูดคุยของเรา เจ้าหน้าที่อธิบายว่า มันเป็นระเบียบของทางศูนย์ฝึกอบรมฯ เมื่อเห็นสีหน้างง ๆ ของทนาย ทนายจึงแจ้งว่า เรื่องที่จะมาคุยเป็นเรื่องข้อกฎหมายและเรื่องของตัวฐาปนาที่รับรู้ได้ ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบัง 

บทสนทนาของเราเริ่มต้นที่เรื่องคดี แจ้งฐาปนาว่าศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันที่ 13 พ.ค. 2568 นี้ ซึ่งเขาตอบว่าทางศาลได้ส่งหมายมาแล้ว ดวงตาที่เคยเป็นประกายกลับหม่นลงทันที  “กังวลไหม ? ” ทนายถาม “กังวลครับ”  ฐาปนาตอบเสียงแผ่ว ก่อนจะถามต่อถึงเพื่อนที่ถูกดำเนินคดีอีก 2 คน “เขาปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลครบ คดีจำหน่ายไปแล้ว”  ทนายอธิบาย ฐาปนาก้มหน้า นิ่งไปครู่หนึ่ง “มีโอกาสที่ศาลจะลดโทษให้ผมไหมครับ ?” คำถามหลุดออกมาอย่างไม่มั่นใจ “เราหวังได้ หวังสิ่งที่ดีเพื่อให้มีกำลังใจ แต่อย่าคาดหวังมากเกินไป” ก่อนพูดตรง ๆ ว่าในคดีนี้ ศาลชั้นต้นเคยให้โอกาสเขาปฏิบัติตามเงื่อนไขมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เมื่อเขาทำไม่ครบ อาจทำให้ศาลมองว่าดื้อ

กระทั่งเมื่อเปลี่ยนมาคุยเรื่องการเรียน รอยยิ้มบาง ๆ จึงปรากฏบนใบหน้าของฐาปนา เขาเล่าถึงการเรียนในศูนย์ฝึกฯ ว่าเขาเรียนจบวิชาชีพไปแล้ว 2 หลักสูตร คือ ช่างยนต์และหลักสูตรดูแลผู้สูงอายุแบบออนไลน์ ขณะนี้กำลังเริ่มเรียนหลักสูตรที่ 3 คือ ดนตรี นอกจากนี้ยังได้สอบเพื่อรับวุฒิ ม.ต้น ไปแล้ว 2 เทอม ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.7 เหลืออีก 2 เทอมก็จะจบ ม.ต้น 

ในวงล้อมของกำแพงสูงฐาปนาพยายามสร้างอนาคตให้ตัวเอง พยายามเก็บเกี่ยวความรู้เท่าที่จะทำได้ ราวกับจะบอกว่า แม้ร่างกายจะถูกขัง แต่จิตใจและสมองยังเติบโตได้ไม่หยุด “ที่นี่มีกิจกรรมอะไร ผมลงชื่อเข้าร่วมหมดเลยครับ” ฐาปนาเล่าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “อยากให้ศาลเห็นใจผม” เขาเอ่ยคำนี้พร้อมกับสายตาวิงวอน ซึ่งในผู้ถูกคุมขังคดีเยาวชนสามารถที่จะเก็บกิจกรรมเพื่อที่จะเป็นประโยชน์ในการเลื่อนชั้นหรือได้สิทธิต่าง ๆ หรือประโยชน์ตอนที่คดีเด็ดขาดได้  

เมื่อทนายถามถึงเชือกฟางสีน้ำเงินที่ข้อมือซ้าย ฐาปนาเล่าว่า “กำลังฝึกระเบียบแถวครับ เขาแบ่งกลุ่มเป็นสี ก่อนออกมาพบทนาย ผมกำลังฝึกอยู่พอดี” ท่าทีฐาปนาดูมีความสุขอีกครั้งเมื่อเล่าว่า เมื่อวานนี้ (9 เม.ย. 2568) เขาได้เยี่ยมญาติใกล้ชิด ได้พบลูกน้อย “ได้อุ้มลูก พาเขาดูโน่นดูนี่ภายในบ้าน” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนลง “ดีใจมากครับที่ได้กอดลูก” เขายิ้ม แววตาเป็นประกาย รอยยิ้มของพ่อที่ได้กอดลูกแม้เพียงชั่วครู่ “ช่วงนี้แม่ผมไปรับลูกมาอยู่ด้วยในช่วงสงกรานต์ จริง ๆ ผมก็อยากให้ลูกอยู่กับแม่ผมมากกว่า” 

อีกหนึ่งจุดที่สังเกตได้ขณะมองร่างของฐาปนาอย่างพินิจ เขาผอมลงมากจนน่าตกใจ ตากลวงโบ๋ ผิวคล้ำลง ไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนเดียวกับเด็กหนุ่มที่เคยเห็นก่อนเขาจะถูกคุมขัง “ถ้าอยู่ข้างนอก ทนายอาจคิดว่าผมติดยาก็ได้” ฐาปนาตอบพร้อมรอยยิ้มขื่น “แต่จริง ๆ แล้วสุขภาพผมแข็งแรงดีครับ อาหารที่นี่ทานได้ เติมกับข้าวได้ด้วย ผมกินเยอะเลยนะ แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงผอม” คำพูดและสภาพร่างกายของเขาขัดแย้งกันอย่างยิ่ง ปากบอกว่าแข็งแรง แต่ร่างกายส่งสัญญาณว่าอ่อนแอ “มีพ่อบ้านบอกว่าผมอาจเป็นไทรอยด์” เขาเล่าต่อ “แต่ผมไม่รู้สึกว่าร่างกายผิดปกติอะไร ก่อนเข้ามาผมน้ำหนัก 74 กิโลกรัม ตอนนี้เหลือ 53”

ทนายนึกถึงเรื่องที่เขาเล่าไว้เมื่อครั้งก่อน ๆ เรื่องที่กระดูกเปราะมาตั้งแต่เด็ก เล่นฟุตบอลไม่ได้ จึงเปลี่ยนมาเล่นปิงปองและแบดมินตัน แต่เล่นได้ไม่นานก็ไม่อยากเล่นอีก เพราะร่างกายที่เปราะบางกว่าคนอื่นต้องมาเผชิญกับความกดดันที่หนักหน่วงกว่าใคร 

เมื่อถามเรื่องการนอน ฐาปนาเล่าว่า ปกติจะขึ้นหอนอนตอน 5 โมงเย็น ทางบ้านกรุณาจะปิดทีวีให้เด็กนอนประมาณ 4 ทุ่ม บางทีเขาก็นอนตั้งแต่สองทุ่มหรือสามทุ่ม แต่มักจะสะดุ้งตื่นอีกทีตอนตีสองหรือตีสาม “หลับบ้างแต่มักจะฝัน ฝันเรื่องเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ฝันถึงข้างนอก บางทีนั่งดูทีวี แต่ในหัวคือคิดเรื่องข้างนอก ผมเครียดเยอะ คิดไปไกล””

ก่อนเล่าอีกว่า “ช่วงนี้ไม่ค่อยอยากคุยกับใคร อยากอยู่เงียบ ๆ อยากอยู่คนเดียว” เขาหยุดชั่วครู่ “ซึ่งส่วนใหญ่เด็กในนี้ก็ไม่มีใครเป็นแบบผม” ฐาปนาพูดถึงการได้พูดคุยกับนักจิตวิทยา แต่ไม่ได้รับยาอะไร จึงแนะนำให้เขาลองขออีกครั้ง แจ้งความจำเป็นว่ามีความเครียดเรื่องคำพิพากษาที่จะมาถึงเร็ว ๆ นี้ 

ก่อนจากกันทนายถามเขาว่า ได้รับจดหมายบ้างไหม ทันทีที่พูดถึงเรื่องนี้ แววตาของฐาปนาเป็นประกายขึ้นทันที เขาตอบอย่างตื่นเต้นว่า มีจดหมายเล็ก ๆ อยู่ข้างใน เหมือนโปสการ์ด พอได้มาก็มีเพื่อนแซวว่าเป็นฮีโร่หรือเปล่า รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าซีดเซียว “มีเฉพาะจดหมายจากกลุ่มที่ให้กำลังใจนี้แหละ พอได้มา มันก็เป็นกำลังใจให้คลายเหงาได้บ้าง” กระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่ส่งมาจากโลกภายนอก กลายเป็นสะพานเชื่อมความหวังและกำลังใจให้กับเด็กหนุ่มที่ถูกกักขังในโลกที่แคบและจำกัด

ฐาปนาถูกคุมขังมาตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. 2567 หลังศาลเยาวชนและครอบครัวกลางวินิจฉัยให้จำเลยออกจากมาตรการพิเศษ และกำหนดให้มีคำพิพากษาแทน โดยพิพากษาลงโทษจำคุก และเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นให้เข้ารับการฝึกอบรมเป็นระยะเวลา 4 ปี ต่อมา อัยการโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ 

ฐาปนาถูกคุมขังมาแล้วรวม   352 วัน เท่าที่ทราบข้อมูล เขาเป็นผู้ต้องขังเยาวชนคนเดียวที่มีเหตุจากการแสดงออกทางการเมืองซึ่งถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้ โดยศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันที่ 13 พ.ค. 2568 

.

อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

ความกังวลของ  “ฐาปนา”: “ยิ่งข้างในอากาศเย็น ยิ่งทำให้คิดถึงลูก”

บันทึกเยี่ยม “ฐาปนา”: เยาวชนผู้ถูกคุมขัง 4 ปี ที่บ้านกรุณา ยังฝึกฝนตัวตนทั้งเรียนและงาน คอยวันได้เจอครอบครัว

X