อัยการสั่งฟ้องคดี ม.112 ของ “จิรดี” ประชาชนจากกรุงเทพฯ ที่ศาลพัทลุง กล่าวหาทวีตข้อความสนทนาพาดพิง ร.10 ก่อนได้ประกันตัว

วันที่ 23 มิ.ย. 2568 ที่ศาลจังหวัดพัทลุง “จิรดี” (นามสมมติ) ประชาชนจากกรุงเทพฯ อายุ 35 ปี ซึ่งถูกกล่าวหาในคดีตามมาตรา 112 ได้เดินทางไปรายงานตัวตามกำหนดนัดระหว่างขอฝากขังผู้ต้องหาในผัดสุดท้าย โดยพบว่าพนักงานอัยการภาค 9 ได้มีคำสั่งฟ้องคดีต่อศาลแล้ว ก่อนศาลมีคำสั่งให้ประกันตัวในชั้นพิจารณา พร้อมนัดสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐานในคดีต่อไป

หลังถูกจับกุม เดินทางไปพัทลุงแล้ว 5 ครั้ง ถูกแจ้งข้อหา พ.ร.บ.คอมฯ เพิ่มเติม อัยการสั่งฟ้องก่อนครบอำนาจฝากขัง

ในคดีนี้ จิรดีได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองปราบปรามเข้าจับกุมจากสถานที่ทำงานในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2568 โดยพบว่าเป็นคดีในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ สภ.ควนขนุน จังหวัดพัทลุง ซึ่งมี ทรงชัย เนียมหอม แกนนำกลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน เป็นผู้แจ้งความกล่าวหาเอาไว้ ทำให้เธอถูกตำรวจนำตัวเดินทางลงใต้ไปแจ้งข้อกล่าวหาที่สถานีตำรวจเจ้าของคดี ก่อนถูกส่งขอฝากขังที่ศาลจังหวัดพัทลุง และศาลให้ประกันตัวในเวลาต่อมา

ผู้กล่าวหาในคดี อ้างว่าพบบัญชีทวิตเตอร์ หรือ X โพสต์เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2565 ทวีตข้อความโต้ตอบกัน ในประเด็นเรื่องมุมมองเกี่ยวกับคนดีและคนไม่ดี โดยมีการกล่าวถึงในหลวงรัชกาลที่ 10 และ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งผู้กล่าวหาอ้างว่าบัญชีที่โพสต์โต้ตอบบัญชีหนึ่งเป็นบัญชีทวิตเตอร์ของผู้ถูกกล่าวหา

ระหว่างได้ประกันตัวในชั้นสอบสวน จิรดีต้องรายงานตัวต่อศาลทุก 12 วัน ตามกำหนดการขอฝากขังในแต่ละผัด โดยหลังจากเธอเดินทางไปรายงานตัว 3 ครั้ง ได้ยื่นคำร้องขอรายงานตัวผ่านระบบออนไลน์แทน เนื่องจากมีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯ ทำให้การเดินทางมารายงานตัวทุก 12 วัน กระทบต่อการงานและเป็นภาระในการเดินทางมาก ซึ่งศาลได้มีคำสั่งอนุญาต แต่กำหนดว่าเมื่อครบกำหนดฝากขังในครั้งที่ 7 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย ให้มารายงานตัวต่อศาล

ในระหว่างนั้น เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 2568 จิรดียังได้รับหมายเรียกจากพนักงานสอบสวน สภ.ควนขนุน ให้ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจ ทำให้เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2568 เธอต้องเดินทางไปที่อำเภอควนขนุนอีกครั้ง ก่อน พ.ต.ท.สมพงษ์ ดำจุติ พนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) เพิ่มเติม หลังจากก่อนหน้านี้ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหานี้ ซึ่งเธอให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา

จนในวันที่ 23 มิ.ย. 2568 หลังจิรดีเดินทางไปรายงานตัวที่ศาลจังหวัดพัทลุงตามนัดฝากขังครั้งสุดท้าย พบว่าพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 ภาค 9 ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลไปเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2568 แล้ว ทำให้เธอถูกควบคุมตัวที่ศาล เพื่อการประกันในชั้นพิจารณา

อัยการกล่าวหาทวีตข้อความสนทนา ทำให้ ร.10 เสื่อมเสียพระเกียรติ

สำหรับคำฟ้องคดีนี้มี ธรรมศักดิ์ แสงจันทร์ เป็นพนักงานอัยการผู้เรียงฟ้องคดี โดยสรุปกล่าวหาว่าจำเลยเป็นผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ได้พิมพ์โต้ตอบกับผู้ใช้ทวิตเตอร์อีกรายหนึ่ง มีความหมายผูกเรื่องราวถึงรัชกาลที่ 10 กับนายทักษิณ ชินวัตร ในเรื่องการกระทำความผิด และตรวจสอบได้หรือไม่ และในเรื่องการคัดกรองเผยแพร่แต่เพียงเนื้อหาดี ๆ อันเป็นการเปรียบเปรยให้พระมหากษัตริย์ถูกด้อยค่า ดูหมิ่น ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ ข้อความเป็นการไม่บังควร เป็นการดึงพระมหากษัตริย์มาเป็นคู่ขัดแย้งในการทวิตข้อความสนทนา อันเป็นการจาบจ้วง ล่วงเกิน ดูหมิ่น ใส่ความ หมิ่นประมาท และแสดงความอาฆาตมาดร้ายรัชกาลที่ 10 ทำให้ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง

อัยการยังบรรยายฟ้องอีกว่า จำเลยมีเจตนาให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยในพระมหากษัตริย์ และระบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข อันเป็นการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของศรัทธาและเคารพบูชาของประชาชนชาวไทย ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา ไม่เคารพต่อพระมหากษัตริย์ ซึ่งอยู่ในฐานะที่ผู้ใดจะละเมิดมิได้ และเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งข้อมูลอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายอาญา

ในเรื่องการประกันตัว พนักงานอัยการขอให้อยู่ในดุลยพินิจของศาล

จากนั้น ศาลจังหวัดพัทลุงมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวจำเลยระหว่างพิจารณา โดยใช้หลักทรัพย์ที่เคยวางในชั้นฝากขังจำนวน 100,000 บาท ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์ โดยหากผิดสัญญาประกัน ศาลให้ปรับ 200,000 บาท พร้อมกำหนดวันนัดคุ้มครองสิทธิฯ ต่อไปวันที่ 15 ก.ค. 2568 และนัดถามคำให้การ และตรวจพยานหลักฐาน วันที่ 18 ส.ค. 2568

คดีแกนนำกลุ่มประชาภักดิ์ฯ กล่าวหาในพื้นที่ภาคใต้ ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

น่าสังเกตว่าในพื้นที่ของสำนักงานอัยการภาค 9 ในคดีเกี่ยวกับ “ความมั่นคงของรัฐ” นั้น พบว่ามีแนวนโยบายที่ให้พนักงานอัยการของสำนักงานระดับภาคในฝ่ายที่รับผิดชอบคดีความมั่นคงและการก่อการร้ายโดยเฉพาะ เข้ามาเป็นผู้รับผิดชอบสำนวนคดี ไม่ใช่พนักงานอัยการจังหวัดเหมือนกับภาคอื่น ๆ ทำให้คดีมาตรา 112 หรือมาตรา 116 ถูกดำเนินการในลักษณะนี้เช่นกัน อีกทั้งพื้นที่รับผิดชอบของอัยการภาค 9 ยังไม่ใช่เพียงสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ยังรวมถึงพื้นที่จังหวัดสงขลา สตูล ตรัง และพัทลุงด้วย

ส่วนในคดีของจิรดีนั้น เมื่อเดือน ก.พ. 2566 เธอเคยได้รับหมายเรียกของ สภ.ควนขนุน ในคดีนี้มาก่อน และได้เดินทางไปพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก และในครั้งนั้นตำรวจได้สอบสวนไว้ในฐานะพยาน หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีหมายเรียกหรือการติดต่อจากทางตำรวจอีก จึงคิดว่าเรื่องดังกล่าวจบสิ้นไปแล้ว โดยไม่ทราบว่ามีการไปขอออกหมายจับจากศาล และตำรวจเพิ่งมีการเข้าจับกุมหลังหมายจับออกมาแล้วกว่าปีเศษ ทั้งที่ตัวเธอก็ไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนีแต่อย่างใด

จากการติดตามของศูนย์ทนายฯ พบว่า ทรงชัย เนียมหอม ผู้กล่าวหาในคดีนี้ เป็นผู้แจ้งความคดีมาตรา 112 และ 116 ไว้ในหลายสถานีตำรวจในหลายจังหวัดทางภาคใต้ อาทิ ในจังหวัดพัทลุง, สงขลา, ตรัง, กระบี่, สุราษฎร์ธานี รวมทั้งในกรุงเทพฯ โดยมีผู้ถูกดำเนินคดีไม่น้อยกว่า 18 คดีแล้ว (ล่าสุดช่วงกลางเดือน มิ.ย. 2568 ยังมีการจับกุมประชาชนจากกรุงเทพฯ ไปดำเนินคดีที่สุราษฎร์ธานี) ส่วนใหญ่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นประชาชนทั่วไป ไม่ได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ถูกแจ้งความ ทำให้แต่ละคนมีภาระและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่อสู้คดี