จับ ‘กิตติพงค์’ คดี ม.112 จากกรุงเทพฯ ไปดำเนินคดีที่สุราษฎร์ฯ หลังกลุ่มปกป้องสถาบันแจ้งความเหตุโพสต์เฟซบุ๊ก 2 โพสต์

เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2568 ศูนย์ทนายฯ ได้รับแจ้งว่าเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2568 กิตติพงค์ จวนวันเพ็ญ พ่อค้าเสื้อผ้าในกรุงเทพฯ วัย 45 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตามหมายจับในคดี “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากนั้นถูกนำตัวส่งไปยัง สภ.ชัยบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี สถานีตำรวจท้องที่ที่รับผิดชอบคดีเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา 

คดีนี้ มีแกนนำกลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน เป็นผู้ไปแจ้งความกล่าวหา พฤติการณ์คดีที่ถูกกล่าวหาคือ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการวิพากษ์วิจารณ์ผู้โหนและคลั่งสถาบันกษัตริย์ และกล่าวถึงกรณีวางตัวไม่เหมาะสมจากการประทับในประเทศเยอรมัน จำนวน 2 โพสต์ เมื่อเดือน มี.ค.- เม.ย. 2568 ต่อมาตำรวจนำตัวขอฝากขังต่อศาล ก่อนที่ศาลจังหวัดเวียงสระมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขัง และให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน

.

ย้อนไปเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2568 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 11.50 น. กิตติพงค์ถูกจับกุมบริเวณร้านอาหารย่านบางบอน กรุงเทพฯ ตามหมายจับของศาลจังหวัดเวียงสระ ที่ 226/2568 ลงวันที่ 10 มิ.ย. 2568 โดยพบว่ามี พ.ต.ท.บัญชร วัฒนะปรีชาพงศ์ พนักงานสอบสวน สภ.ชัยบุรี เป็นผู้ร้องขอออกหมายจับ และมี วัชรา กลสามัญ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดเวียงสระ เป็นผู้อนุญาตให้ออกหมายจับ โดยเขาไม่เคยได้รับหมายเรียกมาก่อน

จากนั้นกิตติพงค์ถูกนำตัวไปทำบันทึกการจับกุมที่​ สน.บางขุนเทียน  โดยไม่มีทนายความอยู่ร่วมด้วย ก่อนจะถูกส่งตัวไปยัง สภ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี สถานีตำรวจท้องที่ที่รับผิดชอบคดีเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาและสอบคำให้การ 

บันทึกการจับกุมระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับ (ไม่ประสงค์ออกนาม ประสงค์รางวัลนำจับ) ว่าผู้ต้องหาตามหมายจับปรากฏตัวที่บริเวณร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในเขตบางบอน จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณดังกล่าวจึงวางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ สามารถมองเห็นบริเวณโดยรอบได้ชัดเจน ต่อมาพบผู้ต้องหาปรากฏตัวในบริเวณดังกล่าว จึงเข้าแสดงหมายจับ และได้ยึดของกลางคือโทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง โดยเครื่องหนึ่งเป็นเครื่องที่อยู่กับตัวกิตติพงค์ ส่วนอีกเครื่องหนึ่งอยู่ที่ร้านโทรศัพท์ 

บันทึกระบุว่าการจับกุมครั้งนี้มีเจ้าพนักงานตำรวจจากกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 9 ทั้งสิ้น 6 นาย นำโดย พ.ต.ท.ธนกร เจิมรอด และเจ้าพนักงานตำรวจ สภ.ชัยบุรี ทั้งสิ้น 6 นาย นำโดย ร.ต.อ.สุรินทร์ ไกรสิทธิ์

.

13 มิ.ย. 2568  กิตติพงค์ถูกส่งตัวมาถึง สภ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี ในช่วงเช้า ก่อนที่ศูนย์ทนายฯ จะทราบเหตุดังกล่าว และประสานทนายความเข้าให้ความช่วยเหลือ ซึ่งที่ สภ.ชัยบุรี ได้มีการทำบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาและสอบปากคำในช่วงบ่ายของวันดังกล่าว 

กิตติพงค์ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่อย่างไรก็ตาม ภายหลังการแจ้งข้อกล่าวหาเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงควบคุมตัวเขาไว้ที่ สภ.ชัยบุรี ต่ออีกหนึ่งคืน เนื่องด้วยในวันถัดไปจะมีการนำตัวส่งศาลจังหวัดเวียงสระเพื่อขอฝากขังระหว่างสอบสวน

.

ในช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้น (14 มิ.ย. 2568) เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวกิตติพงค์ไปยังศาลจังหวัดเวียงสระ  โดยในคำร้องขอฝากขังมี ร.ต.อ.อภิรักษ์ รักษายศ พนักงานสอบสวน สภ.ชัยบุรี เป็นผู้ร้อง พร้อมกับระบุคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เชื่อว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี

สำหรับคำร้องขอฝากขังได้ระบุถึงพฤติการณ์ในคดีนี้คือ เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2568 ทรงชัย เนียมหอม แกนนำกลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบันต่อพนักงานสอบสวน โดยระบุว่าเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2568 เวลา 6.00 น. ขณะเดินทางด้วยรถทัวร์ ถึงบริเวณจุดจอดรถทัวร์ในอำเภอชัยบุรี ได้ใช้โทรศัพท์มือถือของตนเอง และเปิดดูเฟซบุ๊ก ซึ่งโพสต์เป็นสาธารณะพบข้อความโจมตี ใส่ร้าย ดูหมิ่น และหมิ่นประมาทความประพฤติของรัชกาลที่ 10 และทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เสื่อมเสียชื่อเสียง 

ข้อกล่าวหาระบุ 2 ข้อความ ที่กล่าวหา ได้แก่ เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2568 เฟซบุ๊กดังกล่าวได้โพสต์ข้อความที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการวิพากษ์วิจารณ์ผู้โหนและคลั่งสถาบันฯ ซึ่งไม่ตักเตือนกรณีวางตัวไม่เหมาะสมจากการไปประทับประเทศเยอรมัน และเมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2568 เฟซบุ๊กดังกล่าวได้เผยแพร่ข้อความ ที่มีเนื้อหาในทำนองเดียวกันนี้อีก

ผู้กล่าวหาได้รวบรวมพยานหลักฐาน และสืบค้นข้อมูลพบว่าผู้ต้องหาเป็นเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าว และพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ดังกล่าว พร้อมทำการสอบสวน ก่อนมีการยื่นคำร้องขอออกหมายจับ

ต่อมาศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขัง ก่อนทนายความจะยื่นประกันตัว และศาลให้อนุญาตประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 100,000 บาท โดยได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์ พร้อมกับกำหนดเงื่อนไขห้ามกระทำการในลักษณะเดียวกันกับคดีนี้อีก

ก่อนที่ กิตติพงค์จะได้ปล่อยตัวในช่วงเย็นและเดินทางกลับกรุงเทพฯ หลังเขาถูกควบคุมตัวเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน โดยศาลมีกำหนดนัดรายงานตัวครบฝากขังในวันที่ 1 ส.ค. 2568 เวลา 09.00 น.

.

กิตติพงค์ให้ข้อมูลกับศูนย์ทนายฯ เพิ่มเติมว่า เขาทำงานเป็นพ่อค้าขายเสื้อผ้า และเพิ่งเริ่มทำงานเป็นไรเดอร์แพลตฟอร์มออนไลน์ได้เพียงวันที่สองก็ถูกจับกุม หลังถูกยึดโทรศัพท์ที่ใช้ในการประกอบอาชีพ ทำให้ส่งผลกับการทำงานเป็นอย่างมาก

กิตติพงค์เล่าว่าเขาถูกจับกุมในวันที่ 12 มิ.ย. ก่อนที่จะส่งตัวไปยัง จ.สุราษฎร์ธานี ด้วยรถกระบะส่วนกลางของตำรวจ และมีจุดเปลี่ยนรถที่ปั๊มน้ำมันใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก่อนที่จะถึงปลายทางที่ สภ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี ในช่วงเวลาประมาณ 01.30 น. โดยเขาพยายามขอตำรวจติดต่อทนายความ แต่ตำรวจไม่อนุญาต จนในที่สุดตำรวจก็อนุญาตให้เขาติดต่อทนายความได้ในช่วงเช้าของอีกวัน (13 มิ.ย.) 

หลังจากกิตติพงค์ได้รับการประกันตัว เขาจึงเดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยรถบัส ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางกว่า 10 ชั่วโมง จึงจะถึงสถานีขนส่งหมอชิตในเวลาเช้าของอีกวัน

สำหรับการถูกดำเนินคดีดังกล่าว กิตติพงศ์มองว่าการถูกดำเนินคดีนี้ทำให้เขาถูกปิดปาก อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเขาในหลาย ๆ ด้าน เนื่องจากเป็นการดำเนินคดีทางไกล ต้องเตรียมตัวเดินทางเยอะ และยังทำให้ญาติของเขาไม่สามารถเดินทางไปด้วยได้ เพราะมีค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางสูง ทั้งยังสร้างความกดดันในเรื่องการประกอบอาชีพ เนื่องจากไม่สามารถใช้โทรศัพท์ที่ถูกยึดไปได้แล้ว 

ทั้งนี้ จากการติดตามของศูนย์ทนายฯ พบว่า ทรงชัย ผู้กล่าวหาในคดีนี้ เป็นผู้แจ้งความคดีมาตรา 112 และ 116 ไว้ในหลายสถานีตำรวจในหลายจังหวัดทางภาคใต้ อาทิ ในจังหวัดพัทลุง, สงขลา, ตรัง, กระบี่, สุราษฎร์ธานี รวมทั้งในกรุงเทพฯ  โดยมีผู้ถูกดำเนินคดีไม่น้อยกว่า 18 คดีแล้ว โดยส่วนใหญ่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นประชาชนทั่วไป ไม่ได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ถูกแจ้งความ ทำให้แต่ละคนมีภาระและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่อสู้คดี  

.

ย้อนอ่าน เมื่อกฎหมายเป็นอาวุธ: ทบทวนคดี ม.112 ที่เกือบครึ่งของทั้งหมด เป็นการกล่าวหาจากกลุ่มปกป้องสถาบันฯ 

.

X