วันที่ 10 มิ.ย. 2568 ทนายความเข้าเยี่ยม “วุฒิ” ผู้ต้องขังทางการเมืองวัย 50 ปี ที่ถูกคุมขังมาแล้วกว่า 2 ปี ในข้อหาตามมาตรา 112 กรณีถูกกล่าวหาจากการโพสต์เฟซบุ๊กจำนวน 12 ข้อความ ในช่วงปี 2564
วุฒิเคยถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี จนกระทั่งศาลมีคำพิพากษาจำคุกกระทงละ 3 ปี รวมจำคุก 36 ปี แต่เนื่องจากรับสารภาพ โทษจึงถูกลดเหลือ 12 ปี 72 เดือน หรือประมาณ 18 ปี หลังจากนั้น เขาถูกย้ายไปยังเรือนจำกลางคลองเปรม และตัดสินใจไม่อุทธรณ์คดีต่อ
การพบกันที่เรือนจำกลางคลองเปรมครั้งนี้เผยให้เห็นถึงความท้าทายหลายด้านที่วุฒิต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน ปัญหาสุขภาพดวงตาหลังการผ่าตัดเป็นความกังวลหลัก เนื่องจากสภาพแวดล้อมในแดนที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการฟื้นฟูและระบบการดูแลรักษาที่ล่าช้า อีกทั้งการอยู่ร่วมกันของผู้ต้องขังจำนวนมากในพื้นที่จำกัดก่อให้เกิดความตึงเครียด
แต่ในความไม่แน่นอนของอนาคต วุฒิยังคงอดทนและมีความมุ่งมั่น ไม่ว่าจะเป็นในการฟื้นตัวทางสุขภาพ ความหวังในอภัยโทษ หรือความปรารถนาที่จะได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างอิสระอีกครั้งหนึ่ง
______________________________________
ในห้องเยี่ยมแดน 6 วุฒิเดินเข้ามาด้วยลมหายใจที่รีบเร่ง ใบหน้าดูเหน็ดเหนื่อย กล่าวทักทายผ่านประโยคคำตอบว่า “ก็ไม่เชิงวิ่งมาหรอกครับ แต่ผมก็รีบเดินมาตั้งแต่เขาประกาศชื่อ มันก็ไกลระดับหนึ่ง พอมาถึงก็เลยมีอาการอย่างนี้ครับ” เขาถอดแว่นออกวางข้างโทรศัพท์ เผยให้เห็นดวงตาข้างซ้ายที่แดงระคายเคือง และสายตาที่เริ่มขุ่นมัวลงไป
การผ่าตัดดวงตาที่ผ่านมาเคยมอบความหวังในการมองเห็นที่ชัดเจนให้กับวุฒิสักระยะหนึ่ง แต่ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม ความมืดมิดเริ่มกลับมาอีกครั้ง อาการระคายเคืองดวงตา ความปวดเบา ๆ บริเวณหัวตาเมื่อกดรอบดวงตา และฝ้าบดบังการมองเห็นที่ทำให้ทุกสิ่งดูเบลอมัว น้ำยาหยอดตาจากโรงพยาบาลหมดไปนานแล้ว เหลือเพียงยาแก้อักเสบที่เป็นยาทาพอเป็นที่พึ่ง
“อาจจะเพราะผมไม่ได้ใส่แว่นและแว่นกรองแสงตลอดเวลา เพราะบางช่วงเวลาการใส่แว่นก็ไม่สะดวก” วุฒิอธิบายด้วยความเข้าใจในข้อจำกัดของตนเอง
สภาพแวดล้อมในเรือนจำไม่ได้เอื้ออำนวยต่อการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม สถานที่อาบน้ำไม่ใช่ฝักบัวส่วนตัว แต่เป็นบ่อยาวที่ผู้ต้องขังหลายคนต้องใช้ร่วมกัน “ถึงผมจะพยายามรักษาความสะอาด แต่ผู้ต้องขังอื่นเขาก็ไม่ได้ทำแบบผม บางคนก็เอาหัวจุ่มลงน้ำบ้าง บางส่วนก็ตักน้ำแบบไม่สนอะไร”
ห้องนอนที่ไม่สะอาด ฝุ่นที่ลอยอยู่ในอากาศ และเสียงไอจามของเพื่อนผู้ต้องขังที่ป่วยกำเริบ “เมื่อผู้ต้องขังขึ้นห้องนอนแล้วนั้น ทุกคนล้วนจาม และไอทุกคน” สภาวะดังกล่าวทำให้วุฒิเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้อาจมีส่วนทำให้เขามีอาการระคายเคืองดวงตาจนส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม ยิ่งไปกว่านั้น สภาพอากาศที่แปรปรวนและเปลี่ยนแปลงในช่วงนี้ ประกอบกับสภาพร่างกายที่เป็นไปตามวัย ทำให้เขาป่วยด้วย ตลอดการสนทนาเสียงไอแห้ง ๆ ของเขาดังขึ้นเป็นระยะ
ความพยายามในการขอความช่วยเหลือทางการรักษาดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ยาวนาน ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนนั้น วุฒิยื่นคำร้องขอพบแพทย์ โดยอธิบายอาการของดวงตาอย่างละเอียด แต่จนถึงวันเยี่ยมนี้ เขาก็ยังไม่ได้พบแพทย์ “คาดว่าคงเป็นไปตามกระบวนการล่ะมั้งครับ” วุฒิกล่าว
เหตุการณ์ที่สะเทือนใจเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านั้น “วิจิตร” ผู้ต้องขังทางการเมืองอีกคนหนึ่ง ที่ถูกนำมาคุมขังที่เรือนจำกลางคลองเปรมด้วย ทำให้ทั้งคู่ได้พบกัน ต้องถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลราชทัณฑ์ “ช่วงก่อนวิจิตรจะเข้าโรงพยาบาล ผมเห็นว่าเขามีอาการไอ และป่วยมาสักพักหนึ่ง แกดูค่อนข้างอ่อนแรงครับ ตอนแรกก็ยังมีเรี่ยวแรงเดินไปมา และพูดคุยกับผู้ต้องขังอื่นได้เป็นปกติ”
จนกระทั่งวันอังคารที่ผ่านมา เมื่อเขาไปหาวิจิตรที่ที่นั่งประจำ กลับได้ทราบจากผู้ต้องขังคนอื่นว่าวิจิตรถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลแล้ว “ทุกคนไม่ได้คาดคิดว่าแกจะป่วยหนักขนาดนั้น ถือว่าดีแล้วครับที่รีบส่งตัวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล”
การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมในเรือนจำยังส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของทุกคนในแดน 6 “ช่วงนี้ผู้ต้องขังจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ย้ายมาบ่อยเลยครับ เป็นการย้ายในลักษณะครั้งละ 50 คน บางคนเหลือโทษไม่ถึงปีก็ยังถูกย้ายมา ผมค่อนข้างงงเลยครับ ย้ายมาทำไมเพราะเดี๋ยวผู้ต้องขังคนนั้นก็จะออกแล้ว”
แดน 6 ที่เคยเป็นสถานที่สงบ ที่วุฒิเคยบอกว่า “ผมโอเคที่อยู่แดน 6 แล้ว” กลับกลายเป็นสถานที่วุ่นวาย หลังสถานการณ์การย้ายเรือนจำ “ตอนนี้ผมเริ่มไม่โอเคแล้วครับ เพราะผู้ต้องขังโทษน้อยก่อเรื่องวิวาทไม่เว้นวันเลยครับ จากแดน 6 เป็นสถานที่สงบ ตอนนี้ค่อนข้างวุ่นวาย และผู้ต้องขังก็เยอะมาก”
ความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้วุฒิเริ่มคิดถึงทางเลือกใหม่ “ผมไม่กังวลเลยครับถ้าในวันหนึ่งผมย้ายจากแดน 6 ไปยังแดนอื่น อย่างน้อยก็คงสงบกว่าแดน 6 ในเวลานี้”
ท่ามกลางความยากลำบากและความไม่แน่นอนทั้งหลาย ความหวังยังคงข้ามาในรูปของการพูดคุยเรื่อง อภัยโทษ ที่กลายเป็นหัวข้อสนทนาหลักของผู้ต้องขัง “มีข่าวลือค่อนข้างเยอะเลยครับ ว่าจะมาช่วงกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ แต่ผมก็มองว่าเป็นข่าวลือครับ เพราะตอนนี้ก็ยังไม่มีประกาศทางการ” วุฒิมองความหวังนี้ด้วยความรอบคอบ
นอกจากความหวังเรื่องอภัยโทษแล้ว ประสบการณ์ที่วุฒิได้รับยังเผยให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนในการบริหารจัดการระหว่างเรือนจำ “ผมว่าเจ้าหน้าที่ ผู้คุมที่คลองเปรมค่อนข้างดำเนินการเร็วนะครับ ถ้ามีเรื่องวิวาทเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่จะทำเรื่องเลยว่าจะถูกลงโทษด้วยวิธีการใด ขังซอย ใส่โซ่ตรวน”
การเปรียบเทียบนี้ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับเรือนจำก่อนหน้านี้ที่เขาเคยอยู่ “ที่แห่งนั้นหากผู้ต้องขังก่อเหตุวิวาทถ้าไม่ถึงตาย เจ้าหน้าที่ ผู้คุมจะไม่เข้ามาเลย อีกทั้งผู้ต้องขังก็ไม่กล้าร้องเรียนพฤติกรรมของผู้ต้องขังด้วยกันเอง เพราะถูกผู้ต้องขังบางกลุ่มข่มขู่ไว้”
ความแตกต่างของระบบนี้ไม่ได้จำกัดเพียงแค่การจัดการความขัดแย้งเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงระบบการเฝ้าระวังและการปฏิสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ต้องขัง “ที่เรือนจำเดิม ผมถูกเจ้าหน้าที่เรียกพบทุกเดือนเลยครับ เนื้อหาส่วนมากก็จะถามถึงว่า มาด้วยคดีใด ทำไปทำไม จำกี่ปีแล้ว และอื่น ๆ”
เมื่อย้ายมาเรือนจำกลางคลองเปรม สถานการณ์กลับเปลี่ยน ผ่านไป 2-3 เดือน วุฒิจึงถูกเรียกพบครั้งแรก โดยเจ้าหน้าที่สอบถามความคิดเห็นทางการเมืองของเขา รวมทั้งพยายามขอดูเอกสารเกี่ยวกับคดีของเขา แต่เขาไม่ได้ให้ไป
วุฒิบอกว่าเขาถูกเรียกพบ 2 ครั้ง จากนั้นก็ไม่มีอีก วุฒิบอกเล่าทิ้งท้ายว่า “ผมไม่รู้สึกถูกจับตามองครับ หรืออาจจะมีแต่ผมไม่ทราบ”
.
จนถึงปัจจุบัน (15 มิ.ย. 2568) วุฒิถูกคุมขังมาแล้ว 822 วัน หรือ 2 ปี 3 เดือน 2 วัน หากถูกคุมขังเต็มกำหนดโทษ เขายังต้องถูกคุมขังต่อไปอีกเกือบ 16 ปี
📩 สามารถเขียนจดหมายออนไลน์ถึงวุฒิผ่านโครงการ Free Ratsadon โดยแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่ลแนล
.
อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ชีวิตหลังผ่าดวงตาของ “วุฒิ” ผู้ต้องขังคดี ม.112 เมื่อโลกชัดขึ้น แต่อนาคตยังเบลอหากถูกย้ายเรือนจำ
เมื่อม่านตาเปิด แต่กำแพงยังปิด : “วุฒิ” ผู้ต้องขังคดี 112 กับโลกที่ปรากฏหลังผ่าต้อกระจก