อย่าลืม “วุฒิ”: ถูกขังคดี ม.112 ทั้งที่ศาล ‘ยังไม่พิพากษา’ ว่าผิดจริงนานกว่าครึ่งปีแล้ว


“วุฒิ” (นามสมมติ) ประชาชนอายุ 51 ปี ถูกคุมขังอยู่เรือนจำพิเศษมีนบุรี มาตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค. 2566 เป็นต้นมา จากการถูกอัยการยื่นฟ้องในข้อหาตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) กรณีถูกกล่าวหาจากการโพสต์เฟซบุ๊กจำนวน 12 ข้อความ ในช่วงปี 2564 ภายหลังจากถูกฟ้อง ศาลอาญามีนบุรีไม่อนุญาตให้ประกันตัวเรื่อยมา

ในคำสั่งไม่ให้ประกันตัวครั้งแรก ศาลอ้างว่าการกระทำที่ถูกฟ้องนั้นเป็นการกระทำหลายครั้งต่อเนื่องกัน โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย คดีมีอัตราโทษสูง หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี

วุฒิกลายเป็นผู้ต้องขังคดีการเมืองในระลอกปี 2566 เพียง ‘คนเดียว’ ที่ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี และเป็นผู้ถูกคุมขัง ‘ระหว่างสู้คดี’ นานที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ในระลอกปี 2566 โดยอันดับที่ 1 คือ “ธี” ถิรนัย และ “มาย” ชัยพร ถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์ในคดีครอบครองวัตถุระเบิด (ระเบิดปิงปอง) มาตั้งแต่ 15 ก.พ. ส่วนอันดับที่ 2 คือ “มาร์ค” ชนะดล ถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดี ในคดีครอบครองวัถตุระเบิด (ระเบิดปิงปอง) เช่นกัน ตั้งแต่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา

การที่วุฒิถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดีเป็นเวลายาวนาน โดยที่ศาลยัง ‘ไม่มีคำพิพากษา’ ว่าเขากระทำผิดจริงด้วยซ้ำไปนั้น สร้างผลกระทบต่อชีวิตของวุฒิมากมายหลายด้าน โดยเฉพาะต่อครอบครัวที่ต้องสูญเสียรายได้และเสาหลักสำคัญไป ขณะที่ภาระรายจ่ายในบ้านยังคงมีมากเท่าเดิม ทำให้ครอบครัวขาดสภาพคล่องในการชำระหนี้สินในแต่ละเดือน และยังต้องเป็นหนี้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

“วุฒิ” คือใคร 

“วุฒิ” เดิมมีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.เพชรบูรณ์ จบการสูงสุดระดับชั้น ปวช. สาขาช่างไฟฟ้า ที่สถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก หลังเรียนจบได้ทำงานแรกเกี่ยวกับด้านไฟฟ้าอยู่ที่โรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งได้ประมาณ 1 ปี จากนั้นได้เปลี่ยนไปทำงานเกี่ยวกับการประกอบเครื่องจักรสีข้าวเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งงานที่ 2 นี้เขาได้ทำอยู่นานกว่า 10 ปีได้

“ผมดู Drawing ดูเครื่องกลึง CNC เป็น เครื่องจักรพวกนี้มันใหญ่ ยาว 20 เมตรได้ ต้องมีทีมดูแลและช่วยประกอบหลายคน” วุฒิบอกเรา

งานล่าสุดของวุฒิก่อนถูกคุมขัง เขาประกอบอาชีพเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) อยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งย่านเขตอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี เป็นโรงงานเดียวกันกับที่ “พี่แวว” (นามสมมติ) คนรักของวุฒิทำงานเป็นแม่บ้านอยู่

จุดเริ่มต้นสนใจการเมือง: เชื่อในคนเท่ากัน เชื่อในประชาธิปไตย

วุฒิเล่าว่า เขาเริ่มสนใจประเด็นทางการเมืองเมื่ออายุประมาณ 20 ปีได้ เขาติดตามข่าวการเมืองโดยตลอด และเมื่อมีเวลาว่างจากการทำงานงานก็จะหาเวลาไปเข้าร่วมการชุมนุมทางการเมืองในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมประท้วงการรัฐประหารในปี 2549 และการชุมนุมของคนเสื้อแดงในปี 2553 จนถึงการประท้วงระลอกปัจจุบัน ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นการเรียกร้องให้ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ, เขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่, ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ และอื่น ๆ 

“ช่วงปี 2562 – 2563 ผมติดตามข่าวการเมืองตลอด เห็นน้อง ๆ ไปประท้วงกัน ผมก็ไปด้วยเหมือนกัน ผมเคยเห็นตำรวจ เห็น คฝ.ทำร้ายน้อง ๆ และผู้ชุมนุม ไหนจะต้องโดนคดีความกันอีก ผมรู้สึกว่ามัน ‘ไม่ถูกต้อง’

“ผมไม่ได้อยู่กลุ่มไหน ไม่มีกลุ่ม อาจจะมีไปกับเพื่อนบ้าง แต่ผมไปตาม ‘ความเชื่อ’ ความศรัทธาในเรื่องประชาธิปไตย ‘คนเท่ากัน’ ผมเลยอยากออกมาแสดงความคิดเห็นก็เท่านั้น”

ผลกระทบจากการถูกคุมขัง: ครอบครัวลำบาก สถานการณ์การเงินมีปัญหา 

วุฒิอาศัยอยู่กับ “พี่แวว” คนรักที่คบหากันมาได้ประมาณ 1 ปีเศษ รายได้จากการทำงานเป็น รปภ. ของวุฒิอยู่ที่เดือนละประมาณ 30,000 บาท ส่วนพี่แววทำงานเป็นแม่บ้านมีรายได้เดือนละประมาณ 10,000 บาท ทั้งสองมีภาระค่าใช้จ่ายคงที่ในแต่ละเดือนหลายอย่าง เฉลี่ยเดือนละ 20,000 บาท ได้แก่

  • ค่าผ่อนจ่ายเงินกู้บ้านที่สร้างไว้ที่ จ.อุดรธานี เดือนละ 10,000 บาท
  • ค่าผ่อนรถมอเตอร์ไซค์ เดือนละ 4,700 บาท
  • ค่าเช่าห้อง เดือนละ 2,355 บาท
  • ค่าโทรศัพท์รายเดือนของทั้ง 2 คน เดือนละ 900 บาท
  • ค่าใช้จ่ายลูกชายของพี่แววที่กำลังเรียนปริญญาตรี ส่งให้พ่อแม่ของพี่แววที่ต่างจังหวัด ฯลฯ

“ตอนนี้แฟนต้องรับภาระทั้งหมดคนเดียว ที่ผ่านมาเงินเดือนทั้งหมดจะเอาให้แฟนจัดการ ไม่รู้เลยว่าตอนนี้แฟนต้องไปกู้ยืมเงินมาใช้หรือเปล่า” วุฒิบอก


เมื่อวุฒิถูกคุมขัง ค่าใช้จ่ายทั้งหมดตกไปอยู่ที่ความรับผิดชอบของพี่แววเพียงคนเดียว ซึ่งเกินความสามารถในการหาเงินไปหลายเท่า ทำให้ชีวิตพี่แววตกที่นั่งลำบากเป็นอย่างมาก เธอเล่าให้เราฟังว่าตั้งแต่วุฒิถูกคุมขัง ครอบครัวเป็นหนี้จากการกู้ยืมเงินเพื่อหมุนเงินค่าใช้จ่ายในบ้านจำนวนมากแล้ว

สถานการณ์ความลำบากนี้ ทำให้นาน ๆ ครั้ง พี่แววถึงจะได้เดินทางไปเยี่ยมวุฒิ เพราะการหยุดงาน 1 วันเท่ากับรายได้ที่หายไป อีกทั้งการไปเยี่ยมแต่ละครั้งก็มีค่าใช้จ่ายหลายบาท ทั้งค่าเดินทาง ค่าซื้อของใช้ และอาหารฝากเข้าไปในเรือนจำ


“ตอนนี้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดไม่พอแน่ๆ เพราะแฟนหาคนเดียว ตอนนี้แฟนพี่ต้องรับผิดชอบทั้งหมดคนเดียว ซึ่งหาไม่พอแน่ ๆ …” วุฒิบอก

วุฒิคิดถึงพี่แววมาก ๆ และมักจะฝากข้อความผ่านทนายความให้พี่แววมาเยี่ยมที่เรือนจำบ่อย ๆ แต่อย่างไรก็ตาม วุฒิก็เข้าใจสถานการณ์ความลำบากในตอนนี้ดี เขาเองก็รู้สึกเครียดและเป็นห่วงครอบครัวมาก ๆ เช่นกัน

ผลกระทบจากการถูกคุมขัง : สุขภาพขณะอยู่ในเรือนจำ   

ภายหลังจากการถูกคุมขัง วุฒิรู้สึกว่าสภาพจิตใจของตัวเองย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ เขามีภาวะเครียด วิตกกังวล นอนหลับไม่สนิท ทุกคืนจะเข้านอนช่วง 3-4 ทุ่ม และจะตื่นนอนกลางดึก ช่วงตี 1-2 แทบทุกคืน สาเหตุสำคัญมาจากความกังวลเรื่องครอบครัวและภาระหนี้สินที่ต้องจ่ายในทุก ๆ เดือน

ส่วนสุขภาพก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ วุฒิมีอาการปวดหลัง ปวดขา และปวดเข่าตามอายุที่มากขึ้น รวมถึงมักป่วยเป็นหวัดบ่อยครั้ง เพราะสุขอนามัยในเรือนจำไม่ค่อยจะดีนัก แม้แต่สภาพอากาศเองก็เปลี่ยนแปลงฉับพลันบ่อยครั้ง ในเรือนจำนั้นหากอากาศร้อนก็จะร้อนมาก หากหนาวก็จะหนาวมาก หากฝนตกก็จะอับชื้นมาก  

จากการเข้าเยี่ยมของทนายความครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2566 วุฒิยังไม่หายป่วย ยังเป็นหวัด มีน้ำมูก และไออยู่ตลอด มีสภาพร่างกายซูบผอมลงจากเดิมมาก และยังมีภาวะเครียด วิตกกังวลมากอย่างเห็นได้ชัดด้วย

ผลกระทบจากการถูกคุมขัง: รู้สึก ‘ไม่ปลอดภัย’ ในเรือนจำ 


วุฒินับว่าเป็นผู้ต้องขังคดีการเมืองเพียง ‘คนเดียว’ ที่ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี นักโทษที่มีความเห็นต่างทางการเมืองบางคนมักเข้ามาถามวุฒิเกี่ยวกับรายละเอียด คดี ม.112 ที่ถูกกล่าวหา และมักถามทำนองคล้ายคุกคามว่า ‘ทำไมถึงไม่รักสถาบันฯ’ ทั้งยังต้องเจอกับการเลือกปฏิบัติอีกหลายอย่างด้วย

ในช่วงแรกที่ถูกคุมขัง วุฒิเคยถูกผู้ต้องขังด้วยกันทำร้ายร่างกายด้วย เขาถูกเตะที่ช่วงลำตัวและขาจนเดินกะเผลกอยู่หลายวัน และยังเคยถูกผู้ต้องขังด้วยกันเรียกเอา ‘ค่าคุ้มครอง’ เพื่อการันตีความปลอดภัยอีกด้วย

พี่แววคนรักของวุฒิเล่าว่า บางครั้งที่ไปเข้าเยี่ยมวุฒิที่เรือนจำ วุฒิจะร้องขอให้ซื้อ ‘กาแฟซองสำเร็จรูป’ จำนวนมาก ซึ่งเป็นราคาที่สูงมาก ส่งเข้าไปให้เขาในเรือนจำเพื่อเป็นค่าคุ้มครอง โดยครั้งหนึ่งพี่แววต้องยืมเงินคนรู้จักเพื่อซื้อของส่งเข้าไปให้วุฒิเป็นค่าคุ้มครองเป็นเงินกว่า 3,600 บาท ทั้ง ๆ ที่พี่แววเองก็มีรายได้ไม่พอใช้จ่ายอยู่แล้วก็ตาม  

ความกังวลหลายอย่างของวุฒิขณะถูกคุมขังไม่อาจถูกถ่ายทอดถึงทนายความและญาติเมื่อพวกเขาไปเข้าเยี่ยมได้ทั้งหมด เพราะการเข้าเยี่ยมที่เรือนจำนั้น ‘ไม่ได้มีความเป็นส่วนตัว’ ในห้องเยี่ยมนั้นจะมีกล้องวงจรปิดติดตั้งไว้ รวมถึงมักจะมีผู้ต้องขังที่มีบทบาทเป็น ‘ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์’ เดินไปมาเพื่อตรวจตราความเรียบร้อย

การเข้าเยี่ยมวุฒิของทนายความครั้งหนึ่ง ระหว่างที่วุฒิพูดคุยประเด็นความกังวลเรื่องความปลอดภัยในเรือนจำได้มีนักโทษที่เป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คนหนึ่งเดินเข้ามาขัดจังหวะและตะโกนถามวุฒิเสียงดังในทำนองว่า ‘มึงชื่ออะไร, อยู่แดนไหน, เดี๋ยวมึงเจอแน่’ ทั้ง ๆ ที่ทนายความยังนั่งอยู่ตรงนั้น

“การอยู่ในนี้ ‘คนเดียว’ ผมต้องใช้ชีวิตระมัดระวังมาก ๆ จะพูดจะสื่อสารอะไรก็ยาก การเป็นนักโทษการเมืองคนเดียวในเรือนจำ มันรู้สึก ‘ไม่ปลอดภัย’ เลย …” วุฒิบอกทนายความในการเข้าเยี่ยมเมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา


เส้นทางคดีความของวุฒิ



ปลายปี 2564 –
“วุฒิ” ได้รับหมายเรียกจาก สน.นิมิตรใหม่ ลงวันที่ 25 พ.ย. 2564 มีนายสุรวัชร สังขฤกษ์ เป็นผู้กล่าวหา และเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2564 เขาได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา โดยในตอนแรกตำรวจมีการแจ้งข้อกล่าวหาจากโพสต์จำนวน 10 ข้อความ โดยเขาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

21 ต.ค. 2565 – ตำรวจส่งสำนวนให้กับอัยการ แต่หลังจากนั้นตำรวจยังได้ติดต่อให้วุฒิไปรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในวันที่ 13 มี.ค. 2566 โดยมีการแจ้งพฤติการณ์เพิ่มจากการโพสต์ข้อความอีก 2 ข้อความ รวมเป็น 12 ข้อความ 


27 มี.ค. 2566 – อัยการมีนบุรีสั่งฟ้องคดีของวุฒิ ในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) จากการโพสต์เฟซบุ๊ก 12 ข้อความในช่วงปี 2564 โดยวุฒิได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และยื่นขอประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 150,000 บาท

ต่อมาช่วงเย็นวันนั้น ศาลอาญามีนบุรีมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกัน โดยอ้างว่าการกระทำที่ถูกฟ้องนั้นเป็นการกระทำหลายครั้งต่อเนื่องกัน โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย คดีมีอัตราโทษสูง หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี 

วุฒิจึงถูกนำตัวไปคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรีตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา โดยที่ผ่านมาทนายความได้ยื่นประกันตัววุฒิต่อศาลอาญามีนบุรีไปแล้ว 3 ครั้ง และยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่ให้ประกันตัวต่อศาลอุทธรณ์อีก 2 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 5 ครั้งด้วยกัน  

22-24 พ.ย. 2566 ศาลอาญามีนบุรีนัดสืบพยานโจทก์และจำเลยในคดีของวุฒิ จากนั้นศาลจะนัดฟังคำพิพากษาต่อไป

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

บทสัมภาษณ์ “พี่แวว” คนรักของวุฒิ –
ถึงพี่วุฒิ : รักแท้ น้ำตา และเวลาที่เสียให้มาตรา 112
คำฟ้อง – ศาลอาญามีนบุรีไม่ให้ประกันตัว “วุฒิ” อดีตช่างเชื่อม หลังถูกฟ้องคดี ม.112 โพสต์เฟซบุ๊ก 12 ข้อความ

X