ศาลปรับ “เฟลอร์ สิรินทร์” 2,500 บาท คดี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ร้ายแรง ชุมนุมสามย่าน #ม็อบ17ตุลา63 หลังอัยการเพิ่งสั่งฟ้องคดี

วันนี้ (9 มิ.ย. 2568) ที่ศาลแขวงปทุมวัน พนักงานอัยการคดีศาลแขวงปทุมวันนัดสั่งฟ้องคดีของ “เฟลอร์” สิรินทร์ มุ่งเจริญ บัณฑิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากกรณีร่วม #ม็อบ17ตุลา เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2563 ซึ่งกลุ่ม “Spring Movement” จัดกิจกรรมแฟลชม็อบหน้าห้างสรรพสินค้าสามย่านมิตรทาวน์ เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากตำแหน่งในขณะนั้น และเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักศึกษา-นักกิจกรรมที่ถูกจับกุมระหว่างสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 15-16 ต.ค. 2563 ทั้งยังผลักดันประเด็นปัญหาเรื่องทรัพย์สินจุฬาฯ ที่เปลี่ยนพื้นที่ชุมชนสามย่านกลายเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์

คดีนี้ เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2568 อัยการได้สั่งฟ้องคดีในส่วนของ “แอมป์” ณวรรษ เลี้ยงวัฒนา และอ้อมทิพย์ เกิดผลานันท์ ที่ถูกกล่าวหาจากเหตุเดียวกันนี้ โดยในช่วงดังกล่าวสิรินทร์ศึกษาต่ออยู่ในต่างประเทศ ทำให้นัดหมายเข้าฟังคำสั่งฟ้องคดีหลังจากเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว

ทั้งสามคนถูกกล่าวหาและฟ้องในข้อกล่าวหา “ร่วมกันกระทำการ ฝ่าฝืนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ลงวันที่ 15 ต.ค. 2563 ข้อกำหนดออกตามความมาตรา 9 ประกอบมาตรา 11 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ.​2554 ข้อ 1. ซึ่งห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ​ ที่ใดๆ ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป หรือกระทำการใดอันเป็นการยุยงใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย”

คดีค้างอยู่ในชั้นสอบสวนเกือบ 4 ปี แม้ทั้งสามคนได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้อัยการสั่งไม่ฟ้องคดี โดยยืนยันว่าการชุมนุมเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออก, การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงโดย พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย, การดำเนินคดีเป็นการมุ่งใช้กฎหมายปิดปากเพื่อสร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชน และการฟ้องคดีก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ แต่อัยการก็ยังคงมีคำสั่งฟ้องคดีในที่สุด

ในส่วนของณวรรษและอ้อมทิพย์ ศาลแขวงปทุมวันได้นัดถามคำให้การและตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 12 มิ.ย. 2568 นี้ โดยณวรรษซึ่งยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ จะถูกนำตัวมาศาลด้วยในวันดังกล่าวด้วย

ในส่วนของสิรินทร์ หลังอัยการสั่งฟ้องคดีและศาลรับฟ้องไว้ในวันนี้ ได้ตัดสินใจให้การรับสารภาพตามฟ้องทันที เนื่องจากต้องการจัดการกับภาระทางคดีที่เกิดขึ้น เนื่องจากศึกษาอยู่ในต่างประเทศ ศาลจึงได้มีคำพิพากษาทันที ได้พิพากษาลงโทษปรับ 5,000 บาท รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือโทษปรับ 2,500 บาท 

สำหรับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ถูกรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศใช้ระหว่างวันที่ 15 – 22 ต.ค. 63 เพื่อจัดการกับการชุมนุมของนักศึกษาและประชาชนในช่วงดังกล่าว แต่การชุมนุมโดยไร้แกนนำยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนรัฐบาลต้องยกเลิกประกาศ ระหว่างช่วงดังกล่าว มีผู้ถูกจับกุมและดำเนินคดีจากเหตุการณ์ชุมนุมในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ร้ายแรง จำนวนไม่น้อยกว่า 72 คน ใน 35 คดี  โดยคดีส่วนใหญ่ที่มีการต่อสู้คดี ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องเป็นหลัก

X