จับตา ฟังคำพิพากษาฎีกาคดี ม.112 ของ “ปณิธาน” เหตุคอมเมนต์ใต้โพสต์ในกลุ่มตลาดหลวง ศาลอุทธรณ์เคยลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน

ในวันที่ 13 พ.ค. 2568 เวลา 09.00 น. ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีของ “ปณิธาน” (นามสมมติ) พ่อลูกอ่อนจากจังหวัดสระแก้ววัย 28 ปี ถูกกล่าวหาในคดี “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) จากการใช้คอมเมนต์ข้อความใต้โพสต์ของ “Pavin Chachavalpongpun” ในกลุ่มเฟซบุ๊ก “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง” ซึ่งโพสต์ดังกล่าวแนบภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2564

ในคดีนี้ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2565 ศาลอาญาได้พิพากษาจำคุก 4 ปี แต่ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี เนื่องจากให้การรับสารภาพ โดยไม่รอลงอาญา แต่ศาลอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ทันทีภายในวันที่พิพากษา

ต่อมาวันที่ 6 ธ.ค. 2566 ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ข้ออุทธรณ์ที่จำเลยได้ไปร่วมอุปสมบทหมู่เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ เป็นระยะเวลาหนึ่งนั้น ศาลเห็นว่าข้ออุทธรณ์นี้รับฟังได้ จึงสมควรลดโทษจากจำคุก 2 ปี ให้เหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างฎีกาต่อมา

.

“ปณิธาน” ฎีกาไม่เคยทำผิดมาก่อน – พยายามบรรเทาผลร้าย – เป็นเสาหลักเลี้ยงดูครอบครัว

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2565 ปณิธานทำงานอยู่ในจังหวัดสระแก้ว ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณเกือบ 10 นาย เข้ามาแสดงหมายจับของศาลอาญาถึงที่ทำงาน โดยสอบถามว่าเขาเป็นผู้คอมเมนต์ข้อความดังกล่าว และเป็นผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กและโทรศัพท์แต่เพียงผู้เดียวใช่หรือไม่ เมื่อปณิธานตอบว่าใช่ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ให้ปณิธานลงลายมือชื่อในบันทึกจับกุมซึ่งมีข้อความ ‘ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา’ จากนั้นจึงถูกนำตัวไปที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ที่เป็นเจ้าของคดีนี้

ในชั้นสอบสวน ปณิธานให้การรับสารภาพ โดยตำรวจเกลี้ยกล่อมว่าจะช่วยตัดข้อความบางส่วนออกไปเพื่อให้คดีดูไม่ร้ายแรงเกินไป และในขณะสอบสวนมิได้มีทนายความอยู่ด้วย ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ยื่นขอฝากขังต่อศาล และศาลอนุญาตให้ประกันตัว โดยครอบครัวกู้ยืมหลักทรัพย์จำนวน 90,000 บาท 

ก่อนการส่งฟ้องคดีในศาลชั้นต้น ครอบครัวของปณิธานได้ติดต่อขอความเหลือมาที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และได้รับความช่วยเหลือในหลักทรัพย์ประกันตัวจากกองทุนราษฎรประสงค์ 

ในชั้นศาล ปณิธานตัดสินใจให้การรับสารภาพ ศาลจึงมีคำสั่งให้สืบเสาะและพินิจพฤติการณ์ของจำเลย ก่อนมีคำพิพากษาออกมาดังกล่าว

สำหรับในชั้นฎีกานี้ เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2567 จำเลยได้ยื่นฎีกา ขอให้ศาลรอการลงโทษจำคุกแก่จำเลย เนื่องจากไม่เคยกระทำความผิดหรือถูกดำเนินคดีใด ๆ มาก่อน ทั้งภายหลังถูกดำเนินคดีนี้ไม่ได้กระทำความผิดใด ๆ และไม่ใช้สื่อสังคมออนไลน์เช่นเดียวกับคดีนี้อีก จำเลยรู้สึกสำนึกในความผิดและเสียใจต่อสิ่งที่ได้กระทำผิดไป โดยได้เดินทางไปที่พระบรมมหาราชวัง เพื่อยื่นหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษ 

จำเลยเป็นผู้ประพฤติตนดีมาโดยตลอด มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน เป็นเสาหลักมีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัว โดยมีภรรยาและบุตรสาว 1 คน ซึ่งอายุ 1 ขวบเศษ อยู่ในวัยเยาว์มาก และมีภาระต้องเลี้ยงดูมารดาอายุ 52 ปี 

จำเลยพร้อมจะอยู่ในการคุมความประพฤติและปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลฎีกาทุกประการ เพื่อให้โอกาสกลับตนเป็นพลเมืองดี ดูแลครอบครัว สร้างประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติต่อไป

.

X