ระหว่างวันที่ 8-11 เม.ย. 2568 ทนายความได้เดินทางไปที่เรือนจำบางขวางเพื่อเยี่ยม “จอย” สถาพร (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องขัง LGBTQ+ ที่ถูกคุมขังจากคดีมาตรา 112 เมื่อกลางเดือนมกราคม 2568 หลังถูกตัดสินจำคุก 1 ปี 6 เดือน และไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างอุทธรณ์
ก่อนหน้านี้สถาพรและเพื่อนผู้ต้องขังรวม 3 คน ต่างพบประสบการณ์อันเจ็บปวดระหว่างถูกย้ายจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มายังบางขวางเมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่ผ่านมา
กระทั่งเมื่อต้นเดือนเมษายน คำบอกเล่าอันสะเทือนใจของสถาพรเปิดเผยความจริงอันโหดร้ายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังกำแพงสูง ตั้งแต่ถูกย้ายมาที่เรือนจำบางขวาง เขาถูกคุกคามทางเพศโดยผู้ต้องขังคนอื่น ๆ ทั้งการล้อเลียนทางวาจา การเหยียดหยามความหลากหลายทางเพศ ไปจนถึงการจับเนื้อต้องตัว บางทีกระทั่งจับอวัยวะเพศ ซึ่งเขาบอกว่าเกิดขึ้นแทบจะทุกวัน
การเข้าเยี่ยมของทนายในช่วงสัปดาห์นี้จึงเป็นการพยายามติดตามการแก้ไขปัญหาของเรือนจำกลางบางขวาง เช่น การสอบข้อเท็จจริง การตั้งคณะกรรมการสอบสวน และการทำหนังสือชี้แจงตอบกลับหนังสือร้องเรียน ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่แจ้งว่า จะส่งหนังสือชี้แจงในสัปดาห์หน้า โดยในเบื้องต้นทางเรือนจำย้ายสถาพรไปยังแดน 12 ซึ่งมีผู้ต้องขังส่วนใหญ่เป็น LGBTQ+ แต่เขายังคงรู้สึกโดดเดี่ยวและอยากย้ายไปอยู่กับเพื่อนผู้ต้องขังคดีการเมืองคนอื่น ๆ
สถาพรถูกคุมขังระหว่างต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์มาแล้ว 87 วัน ในภาพรวมบันทึกนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเปิดเผยสภาพความเป็นอยู่ของผู้ต้องขังรายหนึ่ง แต่ยังสะท้อนปัญหาเชิงระบบในเรือนจำไทยที่ยังคงมีช่องว่างในการคุ้มครองผู้ต้องขังที่มีความหลากหลายทางเพศ และผู้ต้องขังคดีการเมือง
________________________________________
8 เม.ย. 2568
ก่อนเจอสถาพร บทสนทนาแรกเมื่อพบเจ้าหน้าที่ในเรือนจำคือ สอบถามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาที่สถาพรถูกคุกคามว่า ตอนนี้ทางเรือนจำดำเนินการอย่างไร เจ้าหน้าที่ให้คำตอบว่า ตอนนี้ย้ายสถาพรไปยังแดนอื่นแล้ว และได้สอบข้อเท็จจริงพร้อมกับตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีที่เกิดขึ้นแล้ว ทั้งจะชี้แจงการดำเนินการทั้งหมดเป็นหนังสือตอบกลับไปภายในสัปดาห์นี้
ระหว่างรอในห้องเยี่ยมราว 20 นาทีผ่านไป จู่ ๆ ร่างของสถาพรก็ปรากฏพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ที่ส่งมาแต่ไกล ทนายถามถึงสถานการณ์หลังยื่นหนังสือร้องเรียน สถาพรเล่าว่า หลังจากที่ทนายยื่นหนังสือเมื่อวันที่ 3 เม.ย. เจ้าหน้าที่ก็แจ้งให้ย้ายแดนในตอนเย็นวันนั้นเลย ตอนนี้อยู่แดน 12 ซึ่งผู้ต้องขังส่วนใหญ่เป็น LGBTQ+ วันต่อมาก็มีเจ้าหน้าที่มาสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมถึง 2 วัน โดยสอบถามถึงลักษณะการถูกคุกคาม สถานที่ที่เกิดเหตุ และบุคคลที่คุกคาม
สถาพรเล่าว่า ตนตอบเจ้าหน้าที่ไปตามความเป็นจริงว่า มีทั้งการคุกคามด้วยวาจา ไปจนถึงขั้นจับเนื้อตัวร่างกายและอวัยวะเพศ โดยเกิดขึ้นในสถานที่แตกต่างกัน เช่น บริเวณตู้เก็บล็อกเกอร์ หรือโรงเลี้ยง และบุคคลที่คุกคามนั้นไม่ได้มีเพียงคนเดียว มีถึง 2-3 คนซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกัน ตนไม่ทราบชื่อแต่จำหน้าได้ จึงระบุได้แค่รูปพรรณสัณฐาน พร้อมกับบอกวันที่และเวลาที่ถูกคุกคาม เจ้าหน้าที่จึงแจ้งว่าจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เขาถูกคุกคามเพื่อนำบุคคลดังกล่าวมาสอบสวน และตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนกรณีนี้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถาพรจะถูกย้ายไปอยู่แดน 12 แล้ว แต่เขาบอกว่า อยากย้ายไปอยู่แดนเดียวกับบุ๊คและเพื่อน ๆ คนอื่นมากกว่า เพราะอยู่แดนนี้ก็ไม่มีเพื่อนอยู่ด้วย ไม่ได้คุยกับใครเลย ทนายสัมผัสได้ถึงความรู้สึกโดดเดี่ยว ซึ่งเป็นเสมือนการลงโทษซ้ำอีกชั้น แต่ทั้งทนายและสถาพรยังมีความหวังบาง ๆ ว่า สถานการณ์จะดีขึ้น
.
9 เม.ย. 2568
บทสนทนาในวันนี้ เรื่องแรก สถาพรฝากซื้อของใช้ที่จำเป็น เนื่องจากหากฝากทนายซื้อจะได้สิ่งของไวกว่าที่ตนสั่งซื้อจากในเรือนจำ ซึ่งต้องใช้เวลา 2-3 วัน กว่าจะได้ของ
เรื่องที่สอง ทนายชี้แจงเรื่องการเยี่ยมญาติซึ่งทนายได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่เรื่องเอกสารที่จะต้องใช้ยื่น หากบุคคลที่มาเยี่ยมนั้นไม่ใช่ญาติ จะต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง เจ้าหน้าที่แจ้งว่า หลัก ๆ แล้วต้องใช้หนังสือมอบอำนาจ ทนายจึงสอบถามที่อยู่ของยายของสถาพร เพื่อให้ยายของสถาพรทำหนังสือมอบอำนาจให้คนอื่นมาเยี่ยมสถาพรได้
เรื่องที่สาม ทนายอัพเดตเรื่องการตรวจสอบกรณีการถูกคุกคามและสอบถามความเป็นอยู่ในแดน 12 สถาพรแจ้งว่า แดน 12 นั้นเป็นแดนพยาบาล มีเพื่อนผู้ต้องขังประมาณ 131 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยและ LGBTQ+ ทั้งที่ผ่าตัดแปลงเพศแล้วและยังไม่ได้ผ่า ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น ทนายสังเกตเห็นสถาพรไอและเกาบริเวณขา จึงสอบถามว่า ไม่สบายรึเปล่า เขาแจ้งว่า มีอาการป่วยเล็กน้อย ส่วนอาการคันนั้นน่าจะแพ้น้ำหรือแพ้อากาศสักอย่าง ผื่นเลยขึ้น ทนายจึงแจ้งว่าให้ไปแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อเอายามารับประทานหรือรักษา
ส่วนเรื่องการถูกคุกคามนั้น ทนายแจ้งสถาพรว่า ทราบจากเจ้าหน้าที่ว่า จะมีหนังสือชี้แจงตอบกลับในวันพรุ่งนี้ (10 เม.ย. 2568) และได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้อยู่ ส่วนเรื่องการย้ายแดนไปอยู่แดนเดียวกันกับเพื่อนผู้ต้องขังทางการเมืองนั้น ทางเรือนจำและเพื่อนผู้ต้องขังเป็นห่วงว่า จะเกิดกรณีการคุกคามขึ้นอีก ซึ่งสถาพรกล่าวว่า ตนแค่อยากย้ายไปอยู่แดนเดียวกันกับเพื่อน ๆ จะได้มีเพื่อนคุยเรื่องคดีและเรื่องการเมืองเท่านั้น แต่หากไม่ได้ย้ายแดนก็อยู่แดนนี้ได้ ไม่มีปัญหาอะไร
อย่างไรก็ดีเสียงของสถาพรและผู้ต้องขังอีกหลายชีวิตยังคงดังก้องอยู่ในความทรงจำ รอคอยวันที่จะได้รับการรับฟังอย่างเท่าเทียม และได้รับการปฏิบัติอย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าพวกเขาจะมีเพศสภาพ หรือมีความเชื่อทางการเมืองเช่นไรก็ตาม
.
11 เม.ย. 2568
วันนี้ต่างจากคราวก่อน ๆ ที่เดินเข้ามาในแดนเรือนจำ หลังผ่านเครื่องสแกนตรวจอาวุธ ทนายทุกคนจะต้องลงทะเบียนเข้าออกที่โต๊ะลงทะเบียนและจะถูกตรวจสมุดและเอกสารที่นำเข้ามาทุกครั้ง ซึ่งในคราวนี้เจ้าหน้าที่ไม่ได้ตรวจดูสมุดแบบปกติ แต่ตรวจดูเนื้อหาในสมุดโดยเปิดอ่านทีละหน้า ทนายจึงทักท้วงว่า เนื้อหาบางอย่างเป็นความลับเป็นเรื่องส่วนตัวของลูกความ หากเจ้าหน้าที่อ่านเอาใจความขนาดนี้อาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของลูกความได้ เจ้าหน้าที่รีบชี้แจงว่า เป็นระเบียบของทางเรือนจำ เนื่องจากบางขวางเป็นเรือนจำที่มีความมั่นคงสูง ก่อนคืนสมุดบันทึกให้ทนาย
หลังจากนั่งรอสถาพรที่ห้องเยี่ยมสำหรับทนายได้สักประมาณ 15 นาที จึงได้พบกัน เขาเปิดหัวข้อสนทนามาด้วยการถามเรื่องนิรโทษกรรม ทนายเล่าไปว่า วาระการพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรมนั้นถูกเลื่อนออกไป สถาพรหน้าถอดสี ผิดไปจากครั้งก่อนที่ดูมีความหวังในเรื่องนี้ ก่อนบ่นว่าเสียดาย
ทนายเปลี่ยนไปคุยเรื่องการเยี่ยมญาติ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่บอกว่าปกติที่บางขวางจะค่อนข้างเคร่งครัดเรื่องการเยี่ยม หากไม่ใช่ญาติจะเยี่ยมไม่ได้ แต่ในกรณีที่มีญาติแต่ญาติไม่สามารถมาเยี่ยมได้และจะให้คนอื่นซึ่งไม่ใช่ญาติมาเยี่ยมแทนนั้น เจ้าหน้าที่แนะนำให้ผู้ต้องขังทำบันทึกหรือคำร้องขออนุญาตเข้าเยี่ยม โดยระบุชื่อผู้ต้องการให้เข้าเยี่ยมแทนญาติว่าเป็นบุคคลที่สามารถอุปการะผู้ต้องขังได้ และระบุเหตุผลที่ญาติของผู้ต้องขังไม่สามารถเดินทางมาเยี่ยมได้ จากนั้นให้เจ้าหน้าที่รับรองผ่านแดนส่งมาที่ฝ่ายเยี่ยมญาติ เจ้าหน้าที่อาจจะพิจารณาให้
เห็นได้ชัดว่าสถาพรค่อนข้างเป็นกังวลกับเรื่องการเยี่ยมญาติ อาจด้วยภาวะที่ต้องถูกแยกมาขังในแดนนี้คนเดียว ไม่มีเพื่อนหรือคนรู้จักที่พูดคุยด้วย ทนายจึงพูดให้สถาพรค่อย ๆ คลายกังวลว่า จะพยายามหาวิธีการให้คนที่สถาพรอยากให้เข้าเยี่ยมมาเยี่ยมให้ได้
สถาพรเล่าถึงอาการคันที่เป็นเมื่อวันก่อนว่า เมื่อวานเขาได้พบหมอแล้ว หมอแนะนำให้ลองรักษาความสะอาด อาบน้ำบ่อย ๆ ดูก่อน ผื่นแดงที่แพ้อาจจะเป็นเพราะสภาพอากาศที่ร้อน หากไม่หายอย่างไรค่อยมาพบหมอเพื่อรักษาอีกที ส่วนชีวิตสังคมที่แดน 12 ส่วนใหญ่ที่พบก็เป็นเพื่อน ๆ LGBTQ+ ด้วยกัน ได้คุยเรื่องทั่วไป ที่ไม่ใช่เรื่องการเมือง เลยไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจากกัน ทนายถามว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือหรือฝากอะไรหรือไม่ “ช่วยอัพเดตสถานการณ์การเมืองให้ฟังหน่อย” สถาพรขอ “แล้วก็ช่วยตามให้หน่อยว่าจดหมายที่ผมเขียนถึงที่บ้านนั้น เขาได้รับหรือยัง ที่บ้านฝากอะไรถึงผมบ้างไหม ?”
เมื่อเสร็จสิ้นการเยี่ยม ทนายไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อสอบถามเรื่องหนังสือตอบกลับ หลังจากรอให้เจ้าหน้าที่โทรประสานงานอยู่พักใหญ่ เจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาแจ้งว่า หนังสือเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าผู้อำนวยการยังไม่ได้ลงนามรับรอง จึงมีการนัดหมายกับทางเจ้าหน้าที่เพื่อรับหนังสือตอบกลับและพบผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมเรือนจำกลางบางขวางในวันพฤหัสบดีที่ 17 เม.ย. 2568
จนถึงปัจจุบัน (12 เม.ย. 2568) สถาพรถูกคุมขังระหว่างต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์มาแล้ว 88 วัน
.
อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ขอความยุติธรรมจงสถิต “สถาพร” : การต่อสู้บนพื้นที่ชุมนุมของสื่อพลเมืองชาวอุดรฯ ก่อนตกเป็นจำเลยคดี 112